ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 333 เปลวไฟ
ตอนที่ 333 เปลวไฟ [รีไรท์]
“ถ้าไม่ใช่เพราะฉู่หลิวเยว่ เจ้าจะทำอย่างใด?” ซือเย่จือถามด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม
จักรพรรดินีนิ่งไป คิดคำพูดที่จะเถียงกลับไม่ออก นางจึงทำได้เพียงแต่พึมพำด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา
“ต้องเป็นนาง ใช่แน่นอน! ไม่มีใครอื่นนอกจากนาง!”
ซือเย่จือปวดหัวสุดๆ
“ฟังข้านะ หรงเจินหายไปข้ารู้ว่าเจ้าร้อนรนมาก ข้าก็เหมือนกัน แต่เรื่องนี้จะทำแบบที่เจ้าคิดแบบนี้ไม่ได้ ตอนนี้ทุกอย่างต้องระวัง มิฉะนั้น จะเลินเล่อเกินไปมันจะท่วมท้นแล้วจะแพ้อย่างราบคาบ!”
จักรพรรดินีจึงค่อยๆ สงบลง
“แล้วเราควรทำอย่างใดดี เราจะนั่งนิ่งๆ แบบนี้ต่อไปหรือ?”
ซือเย่จือเงียบไปครู่หนึ่ง
“ข้าจะส่งคนไปสืบข่าวเกี่ยวกับสถานการณ์ของฉู่หลิวเยว่ เพื่อดูว่ามีอันใดผิดปกติหรือไม่”
ดวงตาของจักรพรรดินีเป็นประกายทันที
“ได้ๆ! ซือถิงก็อยู่ที่สำนักเทียนลู่เช่นกันไม่ใช่หรือ และข้าได้ยินมาว่าพวกเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน ฉะนั้นจึงต้องมีการติดต่อกันบ้าง ให้เขาไปคงจะเหมาะที่สุดแล้ว”
ในใจซือเย่จือรู้สึกต่อต้านเล็กน้อย
เขาให้ความสำคัญกับซือถิงเป็นอย่างมาก และได้ฝึกฝนซือถิง ให้เป็นผู้สืบทอดของเขามาโดยตลอด
เรื่องแบบนี้ไม่มีเกียรติมากนัก ตามนิสัยของซือถิงแล้ว เขาไม่เต็มใจแน่นอน
และตัวเขาเองก็ไม่เต็มใจที่จะให้ซือถิงทำแบบนี้เช่นกัน
“หลังจากงานสมาคมเยาวชนจบลง เขาก็ได้สะสมประสบการณ์มากมาย และกำลังจดจ่ออยู่กับการฝึกฝนของเขาอยู่ เรื่องนี้นั้นไม่จำเป็นต้องให้เขาไปยุ่งหรอก อีกอย่างก็เป็นเพียงการหาข้อมูลบางอย่าง ฉะนั้นจึงเป็นให้ซือหยางไปคงจะเหมาะมากกว่า ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับฉู่หลิวเยว่ก็ใกล้ชิดกันมากกว่าด้วย”
จักรพรรดินีไม่เห็นด้วย
“ซือหยาง อารมณ์ประหลาดของเขาทำงานได้ด้วยหรือพี่ชาย นี่เป็นเรื่องเล็กน้อย แต่มันเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด พี่อาจไม่รู้ว่าฉู่หลิวเยว่ นางฉลาดมาก ถ้าให้ซือหยางไปนางต้องจับผิดได้แน่นอน ซือถิงเป็นคนรอบคอบ และระมัดระวังให้เขาไปดีกว่า”
ซือเย่จือทำหน้าบึ้งตึงและไม่พูดอันใดอีก
จักรพรรดินีมองท่าทางของเขาอย่างระมัดระวัง โน้มตัวเข้าไปใกล้ ให้เสียงของเธออ่อนลง ก่อนจะพูดอ้อนวอน
“พี่ชาย ข้ารู้ว่าพี่รักซือถิงที่สุด และข้าไม่อยากรบกวนเขาเพราะสิ่งเหล่านี้ แต่…ไม่มีทางเลือกแล้ว ถ้าพี่ไม่เห็นด้วยจริงๆ ละก็…เดี๋ยวข้าไปหาเอง หลายปีมานี้ข้ารบกวนพี่ใหญ่ไม่น้อย… ข้าก็แค่หวังว่าถ้ามีอันใดเกิดขึ้นอีกในอนาคต ก็ไม่อยากจะเอาพี่หรือตระกูลซือเข้ามาเกี่ยวข้องอีกแล้ว”
ขณะที่นางพูด น้ำตาใสๆ สองสายก็ร่วงหล่นลงบนใบหน้าของนาง
ไม่ใช่ว่าซือเย่จือจะไม่รู้สึกลำบากใจที่นางเป็นน้องสาวของเขา
เมื่อเห็นท่าทางที่ลำบากใจของนางแล้ว เขาก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน
“ถ้าอย่างนั้น…น้องขอตัวก่อน”
จักรพรรดินีพูดพลางปาดน้ำตาแล้วลุกขึ้นจากไป
ซือเย่จือส่ายหัวอย่างท้อแท้
“เดี๋ยวข้าให้ซือถิงไปเอง!”
จักรพรรดินีมองมาที่เขาด้วยความแปลกใจและซาบซึ้ง น้ำตาก็ไหลออกมาจากดวงตาของนางทันที
“ขอบใจพี่ชายมาก!”
ซือเย่จือถอนหายใจและตบไหล่ของนาง
“มันไม่ง่ายเลยสำหรับเจ้าที่จะอยู่ในวังมาหลายปี และเจ้าก็ได้ช่วยตระกูลซือไม่น้อย เราทุกคนเจริญรุ่งเรืองด้วยกันเราก็ต้องทนทุกข์ทรมานด้วยกัน เรื่องเล็กน้อยแค่นี้ไม่มีอันใดยากที่จะทำไม่ได้เลย วันนี้เจ้าออกมานานพอสมควรแล้ว รีบกลับวังให้เร็วที่สุดแล้วข้าจะแจ้งข่าวให้ทราบอีกที”
จักรพรรดินีกล่าวขอบคุณอีกสองสามคำก่อนจะจากไป
…
ตำหนักหลีหวัน
หรงซิวนอนเอนกายอยู่บนเตียงพลางหลับตาและพักผ่อน
เขาเหยียดแขนออกไป และมันก็เต็มไปด้วยรอยแผลเป็น บางส่วนที่ลึกถึงกระดูก เต็มไปด้วยเลือด ดูแล้วน่ากลัวสุดๆ
อวี๋มั่วคุกเข่าลงข้างเตียง และเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างระมัดระวัง
เมื่อเห็นบาดแผลเหล่านี้บนร่างของเจ้านาย แม้ว่าเขาเคยชินกับการเห็นการฆ่า เขาก็ยังรู้สึกหวาดกลัวอยู่ดี เขายกผ้าพันแพ้ออก เนื่องจากมีเลือดออกและผ้าพันแผลติดอยู่ที่เนื้อ
อวี๋มั่วหยิบมีดคมและตัดส่วนที่ติดอย่างระมัดระวัง
แต่บางส่วนของบาดแผลย่อมเปิดออกอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
อวี๋มั่วเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว และเหลือบไปที่นายของเขา ถอนหายใจอยู่ในหัวใจของตัวเอง
ตามความแข็งแกร่งของอาจารย์แล้ว การล่มสลายของหอคอยจิ่วโยวนั้นจะไม่เป็นภัยคุกคามต่ออาจารย์อย่างแน่นอน
สาเหตุที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้น…เห็นได้ชัดว่านายท่านตัวเองจงใจทำ
ส่วนทำเพื่อใครนั่นไม่จำเป็นต้องพูดอันใดก็รู้อยู่แล้ว
“นายท่าน ท่านวางแผนจะรักษาอาการบาดเจ็บนี้ไว้นานแค่ไหน”
อวี๋มั่วถอดผ้าออกแล้วสงสัยในสิ่งที่อยู่ในขวดเหล่านี้
หรงซิวกล่าวเบาๆ
“ใช้ขวดสีเทาได้แล้ว”
อวี๋มั่วหยุดสักพัก
“นายท่าน ยานี้ไม่เป็นผลกับบาดแผลของท่านเท่าไรนัก เปลี่ยนเป็นขวดสีขาวไม่ดีกว่าหรือ?”
เขาไม่กล้าขอให้อาจารย์ใช้ขวดสีทองซึ่งเป็นขวดที่ดีที่สุด ดังนั้นเขาจึงทำได้แค่ขอขวดที่ดีรองลงมาเท่านั้น แต่มันก็ดีกว่าขวดสีเทามากเช่นกัน
หรงซิวเพิกเฉยต่อคำพูดของเขา
“ทางฝั่งเยี่ยนชิงเป็นอย่างใดบ้าง?”
อวี๋มั่วกล่าวทันที
“ตั้งแต่ที่เจ้าเข้าไปในหอคอยจิ่วโยว เยี่ยนชิงรีบไปที่นั่นทันทีฟังจากที่เขาพูดแล้ว ดูเหมือนว่านางเพิ่งจะค้นพบบางอย่าง ตอนนี้เขากำลังเดินทางกลับ และเขาน่าจะกลับมาถึงในวันนี้”
หรงซิวส่งเสียง “อืม” เบาๆ สีหน้าเฉยชาจนดูไม่ออกว่าโกรธหรือดีใจ
ห้องเงียบลงอีกครั้ง
อวี๋มั่วลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดอย่างกล้าหาญ
“นายท่าน ข้ารู้ว่าท่านไม่อยากจะหายเร็วเกินไป จนทำให้คนสงสัย แต่…ท่านต้องนึกถึงแม่นางหลิวเยว่ด้วยใช่หรือไม่? นางรู้ว่าท่านยอมบาดเจ็บเพื่อนาง และนางต้องรู้สึกผิดแน่นอน ถ้าอาการของท่านในแต่ละวันไม่ดีขึ้น นางจะไม่ทุกข์ใจทุกครั้งที่เห็นหรือ?”
ขนตาที่เหมือนพัดของหรงซิวขยับเล็กน้อย จากนั้นก็ค่อยลืมตาขึ้น และมองอวี๋มั่วอย่างครุ่นคิด
ดวงตาของฟีนิกซ์นั้นบริสุทธิ์และลึกล้ำ ราวกับค่ำคืนที่เต็มไปด้วยดวงดาวที่เจิดจ้า และลึกลับสุดๆ ราวกับว่าพวกมันสามารถมองทะลุทุกสิ่งได้
ทันใดนั้น เปลวไฟสีทองก็แวบผ่านดวงตาของเขา
หัวใจของอวี๋มั่วเต้นผิดจังหวะทันที
“นายท่าน…”