ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 352 มาเยี่ยมเยียน
ตอนที่ 352 มาเยี่ยมเยียน [รีไรท์]
ยามได้ยินครึ่งแรกของประโยคนั้น จักรพรรดินีก็มีความสุขล้นหลามที่อีกฝ่ายเป็นห่วงเป็นใย ทว่าประโยคหลังที่ตามมากลับทำให้ความสุขที่กำลังพรั่งพรูเหล่านั้น ลดฮวบลงทันตา
นางเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ
“ฝ่า…ฝ่าบาทอยากไปเยี่ยมเจินเจินหรือเพคะ?”
จักรพรรดิจยาเหวินลูบเคราพลางถอนหายใจ
“ถูกต้อง เมื่อก่อนนางเอาแต่ใจนัก ข้าเลยตัดหางปล่อยวัดเพื่อให้นางได้ปรับปรุงตัว จากวันนั้นจนถึงวันนี้ก็ผ่านมาพักใหญ่แล้ว ข้าว่านางคงรู้สึกผิดและคิดได้แล้ว อีกอย่าง เพราะข้าคิดถึงนาง ข้าเลยมาชวนเจ้าไปหานางด้วยกัน”
จักรพรรดิจยาเหวินเองก็มีแผนการอยู่ในใจ
หรงจิ้นทำผิดพลาดครั้งใหญ่ แต่ก็ถูกลงโทษตามผลของการกระทำ ทว่าในตอนท้าย นั่นเป็นเพราะตัวเขาเองต่างหากที่ไร้ความสามารถ ทำให้จักรพรรดินีและคนอื่นๆ โดนลากเข้ามาติดร่างแหไปด้วย
เขาแค่ต้องการทำให้คนพวกนั้นหวาดกลัว แต่เขาไม่ได้วางแผนที่จะทำให้หรงจิ้นตกอับเช่นนั้น
ส่วนหรงเจิน แต่ไหนแต่ไรนางเป็นลูกสาวสุดที่รักของเขา ทว่าในใจกลับมีความรู้สึกค้างคาบางอย่าง
ดังนั้นผ่านไปสามสี่วัน เขาจึงเดินทางมาหาจักรพรรดินีด้วยตัวเอง เพื่อขอพบหรงเจิน
จักรพรรดินีเอ่ยตอบอย่างลังเล
“ฝ่าบาทเพคะ ช่วงนี้หรงเจินอารมณ์ไม่ดี และเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้องไม่ยอมออกมาพบใคร หม่อมฉันกังวลว่าหากฝ่าบาทเข้าไป นางอาจจะทำอะไรให้ท่านขุ่นเคืองใจ รอให้ดีกว่านี้สักหน่อย ให้นางสงบสติอารมณ์ลงก่อน แล้ว…ค่อยไปหานางดีกว่าหรือไม่เพคะ?”
จักรพรรดิจยาเหวินขมวดคิ้ว “ขังตัวเองและปฏิเสธพบผู้อื่นรึ เกิดอะไรขึ้นกับนาง มันผู้ใดกวนใจนางอีก?”
จักรพรรดินียิ้มบางราวรู้สึกผิด
“เรื่องนี้…ความจริงฝ่าบาทเองก็รู้อยู่แล้วเพคะ เพราะรองแม่ทัพมู่… ก่อนหน้านี้นางหวังให้รองแม่ทัพมู่รักษาหยวนตันที่แตกสลายของนาง แต่ว่า…หลังจากนั้นเกิดเรื่องอันใดขึ้น ท่านเองก็ทราบเรื่องนี้ เป็นเพราะเหตุนี้ นางเลยเศร้าเสียใจอย่างมากเพคะ”
ท่าทีขึงขังในตอนแรกของจักรพรรดิจยาเหวิน อ่อนลงเล็กน้อย
“ไม่แปลกใจเลย”
คราแรกเขาคิดจะช่วยพูดให้หรงเจินเสียหน่อย ทว่ามู่ชิงเห่อนั้นไม่ใช่คนที่จะโน้มน้าวได้ง่ายๆ เลย อีกทั้งหรงเจินทำให้เขาขุ่นเคืองและทำให้เขาหมดความอดทน ฉะนั้น โอกาสในการแก้ต่างให้หรงเจินจึงแทบเป็นศูนย์
เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ จักรพรรดิจยาเหวินจึงทำได้เพียงกล่าวโทษชะตาฟ้าดินที่ทอดทิ้งหรงเจินเท่านั้น
“ข้าได้ข่าวคราวมาว่า ฉู่หลิวเยว่ไปอ้อนวอนต่ออ๋องแห่งเมืองหย่งผิง เพื่อขอให้รองแม่ทัพมู่ไปเชิญเซียนหมอจากราชวงศ์เทียนลิ่งมารักษาพระชายาผิงเจียง…”
จักรพรรดินีหลุบตาลงพร้อมทำหน้าเศร้าสร้อย
“กระหม่อมอิจฉานางเหลือเกิน ช่างน่าเสียดายที่ครานั้นเจินเจินทะเลากับฉู่หลิวเยว่ มิเช่นนั้นกระหม่อมคงไปขอร้องให้นางช่วยแล้ว และไม่แน่ว่า เจินเจินเองก็จะ…”
ขณะพูดนางก็ใช้ผ้าเช็ดหน้าซับน้ำตาไปพลาง ราวกับทุกข์ระทมสุดขีด
แต่ก็ยังมิวายใช้หางตาลอบมองดูท่าทีของจักรพรรดิจยาเหวิน
แต่กลับต้องผิดหวัง เมื่อใบหน้าของจักรพรรดิจยาเหวินยังคงเฉยเมยไร้การเปลี่ยนแปลงใดใด
พลันรู้สึกหดหู่ขึ้นในใจทันที
หรงเจินเป็นถึงองค์หญิง แต่กลับไม่ได้รับการรักษาดีๆ เหมือนฉู่หลิวเยว่และมู่หงอวี่!
นี่ฝ่าบาททรงไม่โกรธเลยอย่างนั้นหรือ?
แต่นางไม่รู้ว่าครั้งหนึ่งจักรพรรดิจยาเหวินเคยไปเยือนราชวงค์เทียนลิ่งมาแล้ว เขาจึงรู้ดีว่าการมีอยู่ของราชวงศ์นั้นทรงพลังขนาดไหน
และรู้อย่างแจ่มแจ้งด้วยว่า สำหรับมู่ชิงเห่อแล้ว ทั้งตัวเขาและแคว้นเย่าเฉินนั้น ไม่ต่างอะไรกับมดตัวเล็กๆ ไร้พิษสงเลย
ไม่ว่ามู่ชิงเห่อต้องการจะทำอันใด หรือเลือกช่วยผู้ใด นั่นเป็นเรื่องที่เขาจะตัดสินใจเอง คิดหรือว่าจะมีใครบังคับเขาได้?
จักรพรรดิจยาเหวินครุ่นคิดครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า
“เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเจ้าเลย ท่ามกลางความมืดมิดนั้น ทุกอย่างยอมเป็นไปตามชะตากรรมของมัน แต่ข้าว่านางไม่ควรทำตัวเช่นนี้ต่อไป มันไม่ใช่ทางออกที่ถูกต้อง…พอแล้ว! ข้าจะเข้าไปดูเอง!”
จักรพรรดินีสะดุ้งสุดตัวจนลืมเช็ดน้ำตาทิพย์ไปเสียสนิท
“ฝ่าบาทเพคะ! หม่อมฉันว่า… ปล่อยให้เจินเจินสงบลงก่อนดีไหมเพคะ? ท่านเองรู้นิสัยของนางดี ยิ่งบังคับนาง นางก็จะยิ่งดื้อรั้นมากขึ้นเท่านั้น…”
จักรพรรดิจยาเหวินขมวดคิ้ว พลันจ้องมองจักรพรรดินีตาเขม็ง
“จักรพรรดินี เหมือนท่านไม่อยากให้ข้าพบเจินเจินเลยนะ?”
นี่มันผิดวิสัยเกินไปแล้ว
ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเป็นจักรพรรดินีเอง ที่พยายามทุกวิธีทางโน้มน้าวให้เขามาพบองค์หญิงสี่
แน่นอน เขารู้ว่านางอยากให้เขาแสดงความรักความห่วงใยต่อเจินเจิน แต่ส่วนมากเขาก็จะทำเป็นหลับหูหลับตาตลอด
ทว่าวันนี้…มันแปลกเกินไปจริงๆ
“ไม่ใช่นะเพคะ หม่อมฉันก็แค่…แค่…”
จักรพรรดินีปฏิเสธทันทีโดยไม่คิด แต่กลับไม่รู้ว่าต้องแก้ต่างเช่นไรต่อไปดี
พอเป็นเช่นนี้ จักรพรรดิจยาเหวินก็ยิ่งสงสัยมากขึ้น
พลันทำสีหน้าจริงจังขึงขังทันตา
“ในเมื่อเจ้าไม่อยากไป งั้นข้าจะไปเอง!”
เอ่ยจบ เขาก็ยกส้นเท้ากระแทกพื้น เดินปึงปังออกไปด้านนอกอย่างเร็ว!
จักรพรรดินีตื่นตระหนักขั้นสุด
หากไม่หยุดยั้งฝ่าบาทไว้ ผลที่ตามมาย่อมเกินจินตนาการเป็นแน่!
นางเดินตามเขาออกไปทันที พลางเค้นสมองคิดคำแก้ตัวต่างๆ นานา
แต่ดูเหมือนว่าจักรพรรดิจยาเหวินจะตั้งใจแน่วแน่มาก!
ขณะที่กำลังใจเสียอยู่นั้นองครักษ์ก็พุ่งตัวเข้ามาเสียก่อน
“ฝ่าบาท! รายงานฉบับด่วนพะย่ะค่ะ!”
จักรพรรดิจยาเหวินหยุดฝีเท้าพลันขมวดคิ้ว
“รายงานอันใด เร่งด่วนขนาดนั้นเชียวรึ?”
อีกฝ่ายอื่นกล่องไม้ออกมาด้านหน้า
“ฝ่าบาทจะทรงทราบหลังจากอ่านด้วยตนเองพะย่ะค่ะ!”
จักรพรรดิจยาเหวินเหลือบมองกล่องไม้ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม
นี่คือกล่องที่เขาและจักรพรรดิแห่งแคว้นซิงหลัวใช้สื่อสารกันอย่างลับๆ ฉะนัน้ต้องมีจดหมายลับของอีกฝ่ายหนึ่งอยู่ด้านในแน่นอน
ทว่าเหตุใดจึงมีรายงานด่วนเกิดขึ้นมายามนี้กัน?
จักรพรรดินีเหลือบมองเล็กน้อย เมื่อรู้ว่ามันคืออะไร ในใจก็รู้สึกยินดีขึ้นมาทันควัน!
นี่เป็นรายงานด่วนจริงๆ ฝ่าบาทจะต้องจัดการกับเรื่องนี้ก่อนอย่างแน่นอน!
แม้เรื่องของหรงเจินจะน่าเป็นห่วงเพียงใด แต่เรื่องของชาติบ้านเมืองต้องมาก่อน!
จักรพรรดิจยาเหวินหยิบกล่องไม้ขึ้นมา และชำเลืองมองจักรพรรดินี
“วันนี้พอเท่านี้ก่อน ข้าจะจัดการเรื่องงานด่วน จากนั้นค่อยไปหาหรงเจินทีหลัง”
จักรพรรดินีมิได้เอ่ยแย้งแต่อย่างใด
“ไม่ต้องห่วงเพคะฝ่าบาท หม่อมฉันจะไปเยี่ยมเจินเจินด้วยตนเองอีกครั้งในภายหลัง และจะให้คำแนะนำแก่นางอย่างค่อยเป็นค่อยไป”
จักรพรรดิจยาเหวินรู้ดีว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่ตอนนี้เขาไม่สนใจแล้ว
“กลับห้องทรงงาน!”
ขันทีหมินสะบัดแขนเสื้อ
“ฝ่าบาททรงเสด็จกลับห้องทรงงาน”
จากนั้นขบวนเสด็จก็เคลื่อนตัวออกไปอย่างทรงอานุภาพ
จนกระทั่งร่างของพวกเขาลับสายตาไป ในที่สุดจักรพรรดินีก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แต่นางรู้ว่า นางต้องตามหาหรงเจินให้พบโดยเร็วที่สุด
ฝ่าบาทรงมีข้อสงสัยในใจแล้ว หากเขาพบว่าหรงเจินหายไป เขาจะต้องดำเนินการต่อไปอย่างแน่นอน…
มันเลวร้ายจนจักรพรรดินีไม่กล้าจินตนาการเลยทีเดียว!
นางยืนอยู่ที่นั่นครู่หนึ่ง และในที่สุดก็ตัดสินใจลงมือ
“ไปตามหาองค์หญิงสี่!”
…
อีกด้านหนึ่ง จักรพรรดิจยาเหวินกลับมายังห้องทรงงานของจักรวรรดิ เมื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าบริเวณโดยรอบได้รับการคุ้มกันอย่างใกล้ชิดแล้ว เขาก็เริ่มเปิดกล่องไม้
ข้างในเป็นจดหมายสีขาวราวหิมะที่ไม่มีการจ่าหน้าใดใด
ทว่าไร้ซึ่งท่าทีประหลาดของคนเปิด กลับกัน เขากางมันออกตามปกติแล้วหยิบแปรงที่อยู่ข้างๆ ขึ้นมา
มือหนาจุ่มแปรงลงในโถหมึกสีเข้ม แล้วลากเส้นหมึกหนาๆ บนกระดาษแผ่นนั้น
เขาปาดลากยาวไปทีละบรรทัด…
จนกระทั่งกระดาษสีขาวถูกปกคลุมด้วยหมึกสีดำทั้งแผ่น
เมื่อมองแวบแรก จะเห็นเพียงกลุ่มหมึกสีดำบนนั้น
ทว่าในไม่ช้า ภายใต้หมึกสีเข้ม ลวดลายตัวอักษรสีขาวก็ค่อยๆ เริ่มเปิดเผยออกมา
หลังจากนั้นประมาณสิบห้านาที เนื้อหาด้านในก็ถูกเปิดเผยอย่างสมบูรณ์
จักรพรรดิจยาเหวินมองดูอีกครั้ง พลันดวงตาของเขาก็ฉายแววตื่นตระหนก
แต่ดูเหมือนเขาจะยังไม่แน่ใจในสิ่งที่เห็น จึงสาวเท้าเข้าไปใกล้ๆ และตรวจสอบอย่างละเอียดทีละคำ
เขาจ้องไปที่แผ่นกระดาษ และเงียบอยู่นานจนข้อความบนนั้นจางหายไปหมด
“แจ้งองค์รัชทายาท!”