ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 356 ควบคุมไม่ได้
ตอนที่ 356 ควบคุมไม่ได้ [รีไรท์]
“สมรส? กับผู้ใดกัน?”
ผู้อาวุโสจงเยี่ยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และเมื่อเห็นการแสดงออกของซือถูซิงเฉิน เขาก็เข้าใจในทันที
“กับเจ้ารึ!?”
ซือถูซิงเฉินพยักหน้าเล็กน้อย
“ท่านพ่อทรงเจตนาให้เป็นเช่นนั้น”
ผู้อาวุโสจงเยี่ยประหลาดใจสุดขีด
แต่ไหนแต่ไรแคว้นเย่าเฉินและแคว้นซิงหลัวนั้น แทบไม่ค่อยมีการสานสัมพันธ์ระหว่างสองแคว้น เหตุใดพวกเขาจึงคิดเรื่องการสมรสขึ้นมาเอาตอนนี้?
นอกจากนี้ยังเลือกซือถูซิงเฉินอีก!
“พ่อของเจ้าคิดทำการใดอยู่กันแน่? หรงจิ้นไม่ใช่คนที่โด่ดเด่นเลยสักนิด และถ้าพิจารณาจากสิ่งที่เจ้าเอ่ยมา หากไม่ใช่เพื่อทำการใหญ่แล้ว เด็กนั่นไม่มีอะไรเหมาะสมกับเจ้าเลย!”
ต่อให้ไม่ใช่หรงซิว แต่ก็ควรเป็นชายหนุ่มรุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์คนอื่น เหตุใดจึงเป็นหรงจิ้นกัน
ซือถูซิงเฉนพยายามไม่ใส่ใจ และตอบกลับด้วยรอยยิ้ม
“อย่างไรเสียเขาก็เป็นถึงองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเย่าเฉิน การที่เขาอยู่รอดมาได้จนถึงตอนนี้ คงจะมีความสามารถอยู่พอตัว ท่านอาจจะประเมินเขาต่ำไปก็ได้ แม้ว่าเรื่องนี้จะยังดูฉงน แต่ท่านพ่อยืนกรานหนักแน่นมาก แสดงว่าท่านพ่อต้องวางแผนในใจไว้แล้ว ท่านคิดว่าอย่างไร?”
“กลับกัน ข้าไม่เห็นด้วยกับการสมรสครั้งนี้!”
ผู้อาวุโสจงเยี่ยพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา
“หากมันเกิดขึ้นจริง หลังแต่งเจ้าก็ต้องย้ายไปอยู่ที่แคว้นเย่าเฉินมิใช่หรือ? เจ้าเด็กหรงจิ้นนั่นก่อเรื่องไว้มากมาย แค่นั้นก็แสดงให้เห็นแล้วว่า เขาไม่สามารถแบกรับภาระอันใหญ่หลวงในอนาคตได้แน่นอน! ถึงตอนนี้จะมีศักดิ์เป็นองค์รัชทายาท ทว่าตำแหน่งนี้คงอยู่กับเขาได้ไม่นานหรอก ซิงเฉิน เจ้าวางใจเสีย พรุ่งนี้ รอให้เด็กนั่นมาถึง ข้าจะทำลายการสมรสนี่เอง มีข้าอยู่ทั้งคน พ่อของเจ้าไม่กล้าบังคับเจ้าแน่”
ดวงตาของซือถูซิงเฉินเป็นประกาย
“ผู้อาวุโสจงเยี่ย ซิงเฉินรู้ว่าท่านหวังดี แต่สาเหตุที่ข้านำเรื่องนี้มาบอกท่าน ก็เพื่อ…หวังให้ท่านเห็นด้วยกับการสมรสที่จะจัดขึ้นพรุ่งนี้”
“อะไรนะ นี่เจ้าอยากอยู่กินกับเจ้าเด็กหรงจิ้นนั่นจริงๆ หรือ” ผู้อาวุโสจงเยี่ยขมวดคิ้วมุ่นจ้องหน้าซือถูซิงเฉินเขม็ง “เจ้า หรือเพราะเจ้าโกรธที่หรงซิ่วแต่งกับหญิงอื่น เลยแค้นใจแล้วหันไปแต่งกับน้องชายเขาแทนอย่างนั้นรึ?”
ซือถูซิงเฉินหัวเราะออกมาเบาๆ
“ท่านคิดมาเกินไปแล้ว ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร ข้าเต็มใจยอมรับการสมรสครั้งนี้ ท่านก็น่าจะรู้ว่ามีเพียงไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้ ฉะนั้น หากป่าวประกาศออกไปปุบปับ หลายๆ คนจะต้องคัดค้านแน่นอน ทว่าหากพรุ่งนี้ท่านยืนกรานและเห็นดีเห็นงามไปกับข้า คนเหล่านั้นคงโต้แย้งอะไรมากไม่ได้”
สถานะของผู้อาวุโสจงเยี่ยในแคว้นซิงหลัวนั้นสูงส่งมาก ตราบใดที่เขายินดี เรื่องนี้จะต้องราบรื่นแน่ๆ
“ข้า…ซิงเฉิน เจ้าคิดดีแล้วใช่หรือไม่?”
“เจ้าค่ะ”
ผู้อาวุโสจงเยี่ยมองสีหน้าท่าทางอันเด็ดขาดของซือถูซิงเฉิน และแอบถอนหายใจกับตัวเอง
“ก็ได้! หากเจ้าว่าเช่นนั้น ข้าก็ไม่ขัด!”
ซือถูซิงเฉินกดยิ้มลึกขึ้น
“ขอบพระคุณท่านผู้อาวุโส”
…
ตำหนักหลวง ณ แคว้นเย่าเฉิน
ท้องฟ้าด้านนอกมืดสนิท แต่จักรพรรดินีและหรงจิ้นยังคงพูดคุยกันอยู่ในห้อง
“วันพรุ่งเจ้าต้องไปที่แคว้นซิงหลัวแล้ว เจ้าต้องทำให้การสมรสครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ” จักรพรรดินีทำหน้าตาจริงจัง “นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุดสำหรับเจ้าในตอนนี้ หากเจ้าพลาด ก็ไม่รู้ว่าจะต้องรอไปอีกนานเท่าใด”
หรงจิ้นพยักหน้า “ลูกทราบดี ท่านแม่โปรดวางใจ ลูกกับซือถูซิงเฉินตกลงกันไว้แล้ว จะไม่เกิดปัญหาตามมาแน่นอน”
จักรพรรดินีผ่อนคลายลงเล็กน้อย พลางเอนหลังพิงเก้าอี้ รอยยิ้มพึงพอใจก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง
“เช่นนั้นก็ดี ก่อนหน้านี้ข้าขอให้เจ้าลองมองนางใหม่ ไม่คิดเลยว่าจะราบรื่นเพียงนี้”
หรงจิ้นหัวเราะออกมาด้วยความพึงพอใจ
“ว่ากันว่าซือถูซิงเฉินเป็นดั่งไข่มุกที่เปล่งประกายที่สุดของแคว้นซิงหลัว เมื่อนางโตพอจะแต่งงานได้ ก็เห็นว่ามีชายมากหน้าหลายตาเข้าไปขอนางแต่งงาน แต่นางปฏิเสธเสียทุกคน เดิมทีลูกคิดว่านางหยิ่งยโสและเข้าถึงยาก คิดไม่ถึงว่าเพียงเขียนจดหมายไปฉบับเดียว นางถึงกับ…”
“หรือนางอาจจะแอบชอบเจ้ามานานแล้ว เพียงแค่ไม่ยอมบอกกล่าว”
จักรพรรดินีมองหรงจิ้นพลางอมยิ้ม
“สำหรับแม่นางอย่างเรา ความรักนั้นถือเป็นสิ่งที่เอื้อนเอ่ยออกมาได้ยากที่สุด”
ทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ซือถูซิงเฉินนั้นเป็นคนหัวสูง แต่พอมาเจอชายที่มีความเป็นผู้นำสูงอย่างหรงจิ้น จึงตกหลุมรักชายคนนี้เข้าได้ง่ายๆ
คราแรกหรงจิ้นไม่ได้รู้สึกชอบพอซือถูซิงเฉินเลย แต่เมื่อเห็นว่าสาวงามมากความสามารถเช่นนางตกหลุมรักเขา แน่นอนว่ามันยิ่งทำให้เขาหยิ่งผยอง มั่นอกมั่นใจในตัวเองกว่าเดิมหลายเท่า
ด้วยเหตุนี้ ทัศนคติของเขาที่มีต่อการสมรสครั้งนี้จึงเปลี่ยนไปอย่างมาก
ถึงก่อนหน้านี้จะลังเลอยู่บ้าง ทว่าตอนนี้ เมื่อคิดถึงการพบซือถูซิงเฉินในวันพรุ่งนี้และทำเรื่องสัญญาสมรสแล้ว กลับมีความหวังบางอย่างที่อธิบายไม่ได้ผุดขึ้นมาในใจเขา
“อย่างไรก็ตาม ถือว่าเจ้าจัดการเรื่องนี้ได้ไม่เลว เมื่อถึงที่นั่นแล้ว พยายามทำให้เรื่องนี้เสร็จโดยเร็วที่สุด ตราบใดที่มีการทำสัญญาการสมรส ตำแหน่งองค์รัชทายาทของเจ้าจะมั่นคง” จักรพรรดินีคิดพลางถอนหายใจ
“เช่นนี้แล้ว หากสุดท้ายพ่อเจ้ารู้เรื่องเจินเจิน เราก็ยังมีไพ่ตายอยู่ในมือ”
หรงจิ้นเอ่ยถามอย่างกังวล
“ยังหาไม่เจออีกหรือพะย่ะค่ะ”
“ไม่มีข่าวคราวเลย ราวกับว่าจู่ๆ นางก็หายตัวไปจากโลกนี้อย่างนั้นแหละ”
หากยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดใดจากในวัง นางเองก็คงคิดว่าเจินเจินตายไปแล้วเช่นกัน
แต่เห็นได้ชัดว่า มันไม่ใช่เช่นนั้น
หรงเจินถูกใครบางคนพาไปหลบซ่อนตัวไว้ พวกเขาค้นหาเป็นเวลานาน แต่ก็ยังไม่พบแม้แต่ร่องรอย
จักรพรรดินีไม่รู้เลยว่าตัวเองจะผ่านพ้นความหวาดกลัวเหล่านี้ไปได้อย่างไร
ครั้งก่อนที่จักรพรรดิจยาเหวินต้องการพบหรงเจิน จู่ๆ เขาก็ได้รับสารจากแคว้นซิงหลัวอย่างฉุกละหุก จึงทำให้การนัดพบถูกเลื่อนออกไป
หลังจากนั้นนางก็มานั่งเดาว่าเนื้อหาในจดหมายนั่น อาจเกี่ยวข้องกับการสมรส
เพราะว่าหลังจากกลับไปไม่กี่วัน จักรพรรดิจยาเหวินก็ทรงสั่งปล่อยหรงจิ้นจากการกักบริเวณ พร้อมทั้งมีทัศนคติต่อลูกชายที่ดีขึ้นกว่าแต่ก่อน
“พรุ่งนี้เจ้าต้องเดินทางแล้ว เหตุนี้ วันนี้พ่อของเจ้าจึงสั่งให้ข้าพาไปพบเจินเจินและให้เจินเจินเป็นคนส่งตัวเจ้าก่อนออกเดินทาง แต่ก็ถูกพวกขุนนางห้ามไว้เสียก่อน ถึงพ่อเจ้าจะมัวแต่ยุ่งเรื่องของเจ้าและซือถูซิงเฉิน จนไม่ได้มาตามตื้อเรื่องเจินเจินก็จริง แต่เขาก็ยังมีข้อสงสัยในใจ และเราไม่สามารถปิดบังเรื่องนี้ได้ตลอด ทว่า หากเจ้าสามารถจัดการเรื่องสมรสได้โดยเร็ว พ่อของเจ้าจะชั่งน้ำหนักข้อดีและข้อเสีย จากนั้นคงไม่เอาเรื่องเราสองคนแม่ลูกอย่างแน่นอน”
หรงจิ้นพยักหน้าตอบ
“พะย่ะค่ะ ลูกจะจำไว้ให้ดี”
…
ที่พักของหลีอ๋อง
หรงซิวกำลังนั่งเขียนอันใดบางอย่างอยู่ในห้องทำงาน
ส่วนเยี่ยนชิงและอวี๋มั่วก็ยืนรออยู่ห่างๆ
แสงไฟจากตะเกียงแก้วแปดเหลี่ยมสะท้อนบนใบหน้าขาวเนียนเสมือนหยกของหรงซิว
เขาหลับตาลง เมื่อแสงไฟกระทบกับขนตายาวหนาของเขา ก็เกิดเงาจางๆ ใต้เปลือกตา หากใครมาเห็นเขาเช่นนี้คงคิดว่าภาพตรงหน้านั้นราวกับควันสีเข้มที่ลอยอยู่เหนือแสงจันทร์อันเจิดจ้า ทั้งเย็นเยียบและมีสง่าราศี
หลังจากผ่านครู่หนึ่ง ในที่สุดเขาก็หยุดเขียน
เยี่ยนชิงกับอวี๋มั่วรู้สึกกระปรี่ประเปร่าขึ้นทันที พลันเงยหน้าสอดส่ายสายตามอง
หรงซิวหยิบสิ่งที่เขียนขึ้นมาอ่านอีกครั้ง แล้ววางลงบนหยกสี่เหลี่ยมที่แวววาวตรงหน้าเขา
เมื่อของสองชิ้นสัมผัสกัน แสงเรืองรองจางๆ ก็ปรากฏขึ้นบนหยกสี่เหลี่ยม
จากนั้นส่วนปลายยอดของหยก ก็ยุบลงไป กลายเป็นแอ่งน้ำตื้นเล็กๆ ที่มีเส้นทางคดเคี้ยวอยู่ข้างใน
ก่อนที่สิ่งนั้นสลายตัวเมื่อสัมผัสกับน้ำ และกลายเป็นกลุ่มคลื่นแสงที่ลอยละล่องอยู่เหนือผิวน้ำ
ชั่วขณะหนึ่งที่แสงนั่นได้จางหายไป ผิวน้ำก็กลับมาสงบอีกครั้ง และค่อยๆ แทรกซึมกลับเข้าไปในหยก แล้วสลายไปจนหมด
หากมองดูเผินๆ มันต่างจากหยกธรรมดาที่หาได้ทั่วไป
หรงซิวผลักสิ่งนั้นไปข้างหน้าและพูดเบาๆ ว่า
“ส่งมันกลับไป”
เยี่ยนชิงก้าวไปข้างหน้าและหยิบมันขึ้นมาอย่างระมัดระวัง
ทว่าทันใดนั้น เขาก็สังเกตุเห็นแสงสีทองกระจุกหนึ่งปรากฏขึ้นบนแขนเรียวยาวและปลายนิ้วของหรงซิว!
เขาอุทานด้วยความตกใจ
“หลีอ๋อง!”