ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 357 หัตถ์ศักดิ์สิทธิ์
ตอนที่ 357 หัตถ์ศักดิ์สิทธิ์ [รีไรท์]
หรงซิวเหลือบมองปลายนิ้วของตน พลันนัยน์ตาเย็นชาขึ้นมาเล็กน้อย
ครู่ต่อมา กระจุกแสงสีทองนั่นก็สลายไปในทันที!
กระบวนการทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมาก ถ้าไม่มีเยี่ยนชิงและอวี๋มั่วยืนอยู่ใกล้ๆ เกรงว่าสิ่งที่เพิ่งเห็นนั้นจะเป็นเพียงภาพลวงตา!
หรงซิวเอนหลังพิงเก้าอี้ และเอามือข้างหนึ่งก่ายหน้าผาก พร้อมความเหนื่อยล้าที่แสดงให้เห็นบริเวณหว่างคิ้ว
“ลงไปเถอะ”
หลังจากหมดความประหลาดใจแล้ว ท่าทางของเยี่ยนชิงก็เคร่งขรึมขึ้นมา
“หลีอ๋อง ท่านเป็นเช่นนี้ ข้าเกรงว่าท่านต้องกลับไปโดยเร็วที่สุด”
เขาเพิ่งไปเอาสิ่งนี้กลับมาเพียงไม่กี่วัน คาดไม่ถึงว่าหลีอ๋องจะพัฒนามาถึงจุดนี้แล้ว!
เมื่อไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว ตั้งแต่เขาได้สานสัมพันธ์กับฉู่หลิวเยว่ หลีอ๋องก็ไม่กลับไปอีกเลย
หรงซิวหลับตาลงและไม่เอ่ยอันใดต่อ แต่การกระทำนั่นสื่อความหมายออกมาได้ค่อนข้างชัดเจน
“หลีอ๋อง”
เยี่ยนชิงยังอยากเกลี้ยกล่อมต่อ แต่อวี๋มั่วที่อยู่ข้างๆ กลับอดไม่ได้ที่จะกระแอมไอ และพยายามขยิบตาให้เยี่ยนชิง
เยี่ยนชิงหันกลับไปมอง เขายังลังเลอยู่พักหนึ่ง แต่สุดท้ายก็ขอตัวลาด้วยความเคารพ
“หลีอ๋องวางใจได้ ข้าน้อยจะจัดการให้ขอรับ”
พูดจบ เขาก็ทิ้งหยกมหัศจรรย์นั่นไว้
อวี๋มั่วรีบกล่าวเสริมทันควัน
“ดึกมากแล้ว หลีอ๋อง ท่านพักเถิด ข้าน้อยขอตัวก่อน”
หรงซิวโบกมือเป็นการตอบรับ
จากนั้นอวี๋มั่วจึงรีบเดินตามเยี่ยนชิงไป
…
ทันทีที่อวี๋มั่วเดินออกไป ก็เห็นเยี่ยนชิงกำลังรออยู่ข้างนอก
ทั้งสองคนสบตากัน ทว่าไม่พูดอะไร และจากไปพร้อมกัน
สองร่างเดินออกไปไกลเรื่อยๆ จนกระทั่งพวกเขาอยู่ห่างจากห้องหนังสือของหรงซิว เยี่ยนชิงจึงเอ่ยด้วยใบหน้าเย็นชา
“เหตุการณ์วันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรกอย่างแน่นอน เจ้ารู้อยู่ก่อนแล้วใช่หรือไม่?”
อวี๋มั่วได้แต่พยักหน้าด้วยสีหน้าที่ขื่นขม
“เหตุการณ์นี้เคยเกิดขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อน”
“เช่นนั้น เจ้าก็ไม่คิดจะเตือนบ้างหรือ เจ้าไม่รู้หรอกว่าเรื่องนี้มันร้ายแรงเพียงใด! หากวันนี้ข้าไม่เห็นกับตาตัวเอง เจ้าคิดจะบอกเมื่อใดกัน!”
เดิมทีเยี่ยนชิงเป็นคนใจเย็นและไม่แยแสมาโดยตลอด และไม่ค่อยมีอารมณ์แปรปรวน นับประสาอะไรกับความโกรธ
ทว่า ณ ตอนนี้ปฏิกิริยาดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้ส่งผลกระทบต่อเขามากเพียงใด
อวี๋มั่วเผลอขดตัวลงเล็กน้อย ภายในใจรู้สึกอึดอัดขึ้นมา
“นี่ นี่ ตอนนั้นข้าเตือนแล้วนะ! แต่เจ้าดูท่าทางของหลีอ๋องสิ เขาทำเช่นนี้ ข้าจะเตือนได้หรือ”
ใบหน้าของเยี่ยนชิงยังคงเย็นชามาก
“อย่างนั้นเจ้าก็ควรบอกข้าให้เร็วกว่านี้!”
“บอกเจ้าแล้วจะได้อันใดกัน” อวี๋มั่วลูบหน้าอย่างแรง “เจ้าคิดว่าหลีอ๋องจะฟังคำพูดของเจ้าหรือ”
เยี่ยนชิงนิ่งเงียบ
พวกเขาติดตามหลีอ๋องมาหลายปี และรู้นิสัยของหลีอ๋องเป็นอย่างดี
ในเมื่อเขาไม่คิดจะกลับไปตอนนี้ เช่นนั้น ไม่ว่าใครจะพูดอะไร ก็ย่อมไร้ประโยชน์
“ดูเหมือนว่า ก่อนหน้านี้หลีอ๋องจะฝืนทำพิธีอัญเชิญ…จึงยังมีผลกระทบหลงเหลืออยู่มาก” เยี่ยนชิงพึมพำ
หากไม่ใช่เพราะครั้งนั้น หลีอ๋องคงจะสามารถยืนหยัดได้นานกว่านี้
แต่ตอนนี้…
“การที่หลีอ๋องขอให้เจ้านำสิ่งนี้มา ไม่ใช่ว่าช่วงนี้เขาตัดสินใจจะไม่กลับไปหรอกหรือ” อวี๋มั่วตบไหล่เขา
“เจ้าเองก็อย่ากังวลนัก หลีอ๋องต้องมีแผนอยู่ในใจแน่นอน”
เยี่ยนชิงเงียบครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ย
“หลีอ๋องได้บอกหรือไม่ ว่าเขาวางแผนจะกลับไปเมื่อใด?”
อวี๋มั่วมีท่าทางอึดอัดใจ
“ดูเหมือนว่า…เขาวางแผนจะรอให้มู่ชิงเห่อจากไปเสียก่อน”
ระยะนี้ไม่รู้ว่ามู่ชิงเห่อเป็นอย่างไร เขาอยู่ในเมืองหลวง ทว่าไม่ลงมือทำอะไรทั้งสิ้น เพียงแค่อยู่ที่นั่นและไม่จากไปไหน
ทั้งยังไม่มีใครรู้ว่าเขาคิดจะทำการใด และไม่มีใครกล้าถาม
แม้แต่จักรพรรดิจยาเหวินยังไม่กล้ารบกวน แล้วนับประสาอะไรกับคนอื่น?
“ข้าว่า เจ้ารีบส่งสิ่งนี้กลับไปก่อนเถอะ อย่ารอช้า ถ้ามีอะไรผิดปกติกับหลีอ๋อง ก็ยังมีข้า วางใจเถอะ ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้น ข้าจะบอกเจ้าโดยเร็วที่สุด”
เมื่ออวี๋มั่วยืนกราน เยี่ยนชิงจึงยอมตกลงและจากไปพร้อมหยก
อวี๋มั่วมองแผ่นหลังของเขาที่เดินจากไป นัยน์ตาพลันปรากฎความรู้สึกผิด
ถ้าเยี่ยนชิงรู้ว่าสถานการณ์ของหลีอ๋องร้ายแรงกว่าที่เขาเห็นในวันนี้ ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกอย่างใด
ตอนนี้ เขาทำได้เพียงหวังว่ามู่ชิงเห่อจะออกไปโดยเร็วที่สุด!
ไหนจะท่านผู้นั้นอีก…รีบกลับไปเสียเถอะ!
…
ณ หอสมุด
ฉู่หลิวเยว่มองชั้นห้าที่ว่างเปล่าอยู่ตรงหน้าพลันคิ้วขมวดเล็กน้อย
เหตุใดชั้นนี้จึงมีเพียงความว่างเปล่ากัน
ไม่ต้องพูดถึงหนังสือสักเล่ม แม้แต่ชั้นวางหนังสือก็ยังไม่มี
สายตาคมเหลือบมองผนังว่างเปล่าทั้งสี่ด้าน
ก่อนที่ฉู่หลิวเยว่จะรู้สึกแปลกๆ ภายในใจ
ไม่จริง
เป็นไปไม่ได้ที่สถานที่แห่งการศึกษาอย่างหอสมุด จะถูกปล่อยให้มีชั้นที่ว่างแบบนี้
นางเดินไปข้างหน้าโดยไม่ลังเล และเริ่มตรวจสอบทุกอย่างที่นี่อย่างละเอียด
ทว่า ไม่ว่านางจะค้นหาอย่างไร ก็ไม่พบอะไรเลยสักอย่าง
มือเรียวเคาะผนังรอบๆ แต่ทุกอย่างก็ยังคงอยู่ในสภาพเดิม
หลังจากมองไปรอบๆ พักหนึ่ง นางก็หยุดชะงัก พลันวางมือข้างหนึ่งบนแก้มขณะตกอยู่ในห้วงความคิด
ก่อนหน้านี้ ตอนที่นางกำลังจะออกจากชั้นสี่ นางรู้สึกได้ถึงความผันผวนถึงสามครั้ง
แม้ว่าการเคลื่อนไหวในครั้งที่สามนั้นจะน้อยกว่าครั้งแรก แต่ก็ยังพอสัมผัสได้
จริงๆ แล้วมันเกิดจากอะไรกันแน่?
เดิมทีฉู่หลิวเยว่คิดว่าที่นี่จะมีหนังสือไม่เยอะเท่าชั้นอื่นๆ และน่าจะมีบางสิ่งที่พิเศษกว่า แต่คาดไม่ถึงว่าจะไม่มีอะไรเลย
หรือบางที นางแค่ยังหาไม่เจอ
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้ จึงนั่งลงบนพื้นและขัดสมาธิ
อย่างไรก็ตาม ยังมีเวลาจนถึงวันสุดท้าย นางสามารถรออยู่ที่นี่ เพื่อดูว่าความผันผวนนั้นจะเกิดขึ้นอีกหรือไม่
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
แต่ฉู่หลิวเยว่เริ่มไม่อยากรอความผันผวนใดๆ แล้ว
นางเบื่อเจียนตาย และตัดสินใจท่องนิภาปลายนิ้วเงียบๆ อีกครั้ง
เพราะตอนเข้ามา ทั้งสองฝั่งได้ตกลงกันแล้วว่า นางสามารถขอยืมหนังสือในหอสมุดได้ตามต้องการ แต่ทุกครั้งที่อ่านเสร็จแล้ว จะต้องนำหนังสือทุกเล่มกลับมาวางไว้ตำแหน่งเดิม
นอกจากนี้หนังสือในแต่ละชั้น ล้วนไม่อนุญาตให้นำออกไปวางไว้ชั้นอื่น
ดังนั้น ฉู่หลิวเยว่จึงทำได้เพียงพึ่งพาความทรงจำของตัวเอง และนึกถึงนิภาปลายนิ้วอีกครั้ง
นางกลั้นลมหายใจ ตั้งจิต จนเห็นนิภาปลายนิ้วปรากฎขึ้นอย่างชัดเจน
ฉู่หลิวเยว่จำได้ตั้งแต่เริ่มกระบวนการและเริ่มพยายามฝึกยุทธ์
พลังปราณในร่างกายของนางพุ่งเข้าหาตำแหน่งตันเถียน และเมื่อมันรวมตัวกัน นางก็จัดการกับพลังกระแสหนึ่งและถ่ายพลังลงนิ้วชี้ข้างขวา
แต่พลังกระแสนั้นดันกระจายเข้าไปในเส้นเลือดก่อนที่จะถึงนิ้วชี้ข้างขวา
ฉู่หลิวเยว่ปรับวิธีการอีกครั้ง โดยรวบรวมพลังปราณที่ค่อนข้างเล็กกว่า
แต่ก็ยังล้มเหลว
ทว่าฉู่หลิวเยว่ไม่ท้อถอย และยังคงพยายามต่อไป
ขั้นแรกคือ ต้องควบคุมพลังปราณเพื่อให้มันสามารถแพร่กระจายไปตามเส้นเลือด จากตำแหน่งตันเถียนไปยังนิ้วชี้มือขวา
เฉพาะจุดนี้จุดเดียวเป็นเรื่องที่ยากมาก เพราะนอกจากมันจะทำให้ผู้ฝึกมีเส้นเลือดที่แข็งแรงเพียงพอ มันยังทำให้ผู้ฝึกสามารถควบคุมพลังได้อย่างถี่ถ้วนด้วย
เริ่มแรกฉู่หลิวเยว่แค่อยากลองดูเท่านั้น แต่ยิ่งทำเท่าไรก็ยิ่งพบว่ามันยากกว่าที่คิด
นางมีความทะเยอทะยาน นั่นส่งผลให้นางพยายามนับพันครั้งติดต่อกัน!
เมื่อแสงอาทิตย์ส่องในเช้าวันรุ่งขึ้น ในที่สุดนิ้วชี้ข้างขวาของฉู่หลิวเยว่ก็ถูกปกคลุมด้วยแสงสีเงินจางๆ!
ทว่าก่อนที่นางจะได้อุทาน ทันใดนั้น นางก็สัมผัสได้ถึงแสงจ้ารอบๆ ตัว!
นางเหลือบตามองไปรอบๆ โดยไม่รู้ตัว พลันดวงตาเบิกกว้างขึ้นทันที!
อักขระสีเงินนับไม่ถ้วนปรากฎขึ้นบนกำแพงทั้งสี่ด้าน! เปล่งแสงประกายเจิดจ้า!