ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 366 เห็นกับตา
ตอนที่ 366 เห็นกับตา [รีไรท์]
“ฝ่าบาท! องค์ชายสามขอเข้าเฝ้า พ่ะย่ะค่ะ!”
จู่ๆ เสียงจากข้างนอกก็ดังขึ้น!
ผู้คนในตำหนักต่างแสดงอาการตกใจเมื่อองค์ชายสามขอเข้าเฝ้าจักรพรรดิจยาเหวิน
จักรพรรดิจยาเหวินขมวดคิ้วขึ้นทันที
“บอกไปว่าเรากำลังยุ่ง ให้เขาไปรอที่หอสมุดก่อน!”
ขันทีหมินเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก
“ฝ่าบาทขอรับ องค์ชายสามบอกว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน จะต้องเข้าเฝ้าฝ่าบาทให้ได้ตอนนี้!”
จักรพรรดิจยาเหวินสีหน้าตึงเครียด แล้วตบโต๊ะอย่างแรง
“เขาจะบังอาจมากขึ้นทุกวันแล้วนะ!”
สองวันมานี้ เขากังวลใจและรู้สึกเครียด และไม่คิดว่าหรงจิ่วจะมากวนใจ
ช่วงเวลาที่อีกฝ่ายอยู่ในวัง เขาอยู่นิ่งมาตลอด เหตุใดจู่ๆ ถึงเป็นแบบนี้
ขันทีหมินหวาดหวั่น จนแทบอยากจะร้องไห้
“ฝ่าบาท องค์ชายสามบอกว่า ที่เขามาวันนี้ เป็นเพราะ…เป็นเพราะเรื่องขององค์หญิงสี่…”
“เช่นนั้นหรือ”
จักรพรรดิรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย และขมวดคิ้ว
“เขาไม่ค่อยสนิทสนมกับหรงเจินมากนัก…แล้วยามนี้เป็นเพราะเหตุใด?”
จักรพรรดินีที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็รู้สึกใจไม่ดีขึ้นมา พร้อมกับแสดงออกถึงความกังวลใจเล็กน้อย
ก่อนหน้าที่หรงจิ้นถูกกักตัว ก็เป็นเพราะหรงจิ่วเอ่ยพูดต่อหน้าฝ่าบาท วันนี้ที่เขามาไม่แน่ใจว่ามีแผนใด นางรู้สึกกังวลใจจึงกล่าวเตือนว่า
“ฝ่าบาท เรื่องส่วนตัวในครอบครัวไม่ควรแพร่งพรายสู่ภายนอก เรื่องที่หรงเจินหายตัวไป พยายามควบคุมไม่ให้เลยเถิดจะดีกว่าหรือไม่เพคะ ไม่ว่าจะต่อวงตระกูลราชวงศ์ หรือกับตัวเองหรงเจินเอง ควรจัดการแบบเงียบๆ จะดีกว่า หากหรงจิ่วเข้ามาแทรก เกรงว่าจะรับมือลำบาก…”
จักรพรรดิจยาเหวินครุ่นคิดสักครู่ แต่ก็ส่ายหัว
“นิสัยของหรงจิ่วรอบคอบมาตลอด ในเมื่อเขากล้ามาจะต้องได้เบาะแสอันใดมาบ้างแน่ๆ”
พูดจบจักรพรรดิก็หันมาทางขันทีหมินพลางขึ้นมือขึ้นโบก
“ให้เขาเข้ามาได้”
“พ่ะย่ะค่ะ!” ขันทีหมินรีบออกไปนอกตำหนัก และเชิญหรงจิ่วเข้ามา
ในใจของจักรพรรดินีรู้สึกแปลกๆ และตื่นเต้น จนทำให้นางกัดที่ริมฝีปากของตนแน่น
ไม่นานนักหรงจิ่วก็เดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว
เขาสู้รบในสนามรบมาตลอดปี แม้ว่าอายุจะเพียงแค่ยี่สิบปีเท่านั้น แต่เมื่อเทียบกับหรงจิ้นที่อ่อนวัยกว่า เขากลับร่างกายแข็งแรงกำยำนั่นทำให้เป็นที่น่าเกรงขาม
แม้จะสวมใส่เสื้อคลุมผ้าไหม แต่ก็ไม่สามารถปกปิดรัศมีของความเป็นจอมยุทธได้
นั่นเป็นกลิ่นอายของการผ่านความเป็นความตายจากสนามรบ
หรงจิ่วใช้สายตากวาดมองไปรอบๆ ห้องโถงใหญ่ ก่อนจะหยุดสายตาไว้ที่จักรพรรดินีเป็นเวลานานกว่าปกติ
จักรพรรดินีสบตากับเขาจนรู้สึกหัวใจเต้นเร็วผิดปกติ จากนั้นก็รีบเบี่ยงเบนสายตาไปทางอื่น
“ถวายบังคมท่านพ่อและท่านแม่”
หรงจิ่วยืนตัวตรงอย่างมั่งคงกลางห้องโถงใหญ่ มือทั้งสองประสานกันเพื่อทำความเคารพจักรพรรดิจยาเหวินและจักรพรรดินี
จักรพรรดิจยาเหวินก็ไม่อ้อมค้อม ถามอย่างเข้าประเด็นทันที
“เรื่องพิธีรีตองไม่ต้อง ก่อนหน้าเจ้าบอกว่า รู้ข่าวคราวเกี่ยวกับหรงเจิน เป็นเรื่องจริงหรือไม่?”
หรงจิ่วพยักหน้า
“ที่ข้ามาขอเข้าเฝ้าท่านพ่อก็เพราะเรื่องนี้”
จักรพรรดิจยาเหวินนั่งหลังตรงทันที
“รีบเล่ามาเร็วเข้า!”
สายตาของหรงจิ่วมองไปที่ฉู่หนิง
“ก่อนข้าเข้ามา ได้ยินท่านพ่อเหมือนจะเอาตัวใต้เท้าฉู่หนิงไปกักขังไว้หรือ”
จักรพรรดิจยาเหวินจับต้นชนปลายไม่ถูก และก็ไม่ได้ปฏิเสธ ”ถูกต้อง”
หรงจิ่วส่ายหัว
“ท่านพ่อทำเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด หากท่านทำเช่นนี้ถือว่าเป็นการปรักปรำใต้เท้าฉู่หนิงอย่างใหญ่หลวง! ข้าสามารถยืนยันได้ เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวกับใต้เท้าฉู่หนิงเลยแม้แต่นิดเดียว!”
หลังจากพูดประโยคนี้ไม่เพียงแต่จักรพรรดิจยาเหวินและจักรพรรดินีเท่านั้น แม้แต่ฉู่หนิงเองก็ยังรู้สึกตกใจ
นี่…หรงจิ่วมาที่นี่ เพื่อแก้ต่างให้ตนเองหรือ?
ฉู่หนิงรีบย้อนความทรงจำในสมอง เหมือนกับว่าตนไม่ค่อยได้สนิทกับหรงจิ่วเท่าใด…
ในช่วงเวลาแบบนี้ ใครเข้ามาเกี่ยวข้องล้วนจะสร้างปัญหา และความเดือดร้อนได้ คนอื่นยังหลบแทบไม่ทัน แต่เหตุใดเขาถึง…
“หรงจิ่ว เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่ากำลังพูดอันใดอยู่?”
จักรพรรดิจยาเหวินสีหน้าเคร่งขรึม น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาเต็มไปด้วยพลัง
หรงจิ่วยืนหยัด
“ข้ารู้ดีท่านพ่อที่จริงแล้ว ไม่เพียงแค่ใต้เท้าฉู่หนิง แม้แต่ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้เลยแม้แต่น้อย”
ในที่สุดจักรพรรดินีก็เก็บอาการไม่อยู่
“หรงจิ่ว เจ้ารู้ใช่หรือไม่ว่าลู่หยุนหาปิ่นปักผมของหรงเจินได้จากที่พักของฉู่หนิง หลักฐานยืนยันอย่างหนักแน่น จะเถียงอย่างใดก็เถียงไม่ขึ้น ตอนนี้เจ้าออกมาแก้ต่างให้สองพ่อลูกนี่เพื่อการใดกันแน่!”
หรงจิ่วเผยรอยยิ้มที่แฝงด้วยความหมายลึกซึ้ง สายตามองไปที่จักรพรรดินี แล้วพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
“จักรพรรดินี ปิ่นปักผมนี่ หรงเจินเป็นคนทำตกที่ตำหนักของใต้เท้าฉู่หนิงจริงๆ หรือ”
จักรพรรดินีหัวใจเต้นแรง พลันสีหน้าเปลี่ยนไปทันที
“เจ้า… เจ้าว่าอันใดนะ”
“ได้ยินมาว่าตอนเกิดเรื่องขึ้น ใต้เท้าลู่หยุนเป็นคนนำคนเข้าไปตรวจค้น แต่ที่ตำหนักของใต้เท้าฉู่หนิง… เป็นที่รู้กันว่า หลังจากตัดขาดจากตระกูลฉู่แล้ว ใต้เท้าฉู่หนิงกับฉู่หลิวเยว่สองพ่อลูกก็ได้พักอยู่ที่บ้านหลังใหม่ตลอด แม้แต่คนรับใช้ก็ยังไม่มี ตอนที่ตรวจค้นก็มีแต่ใต้เท้าฉู่หนิงเท่านั้นที่อยู่ที่นั่น”
“หากมีคนกลั่นแกล้งนำเอาปิ่นปักผมเข้าไปด้วย แล้วโกหกว่าหาเจอจากที่นั่น ใครจะรับรู้ได้ ต่อให้ใต้เท้าฉู่หนิงเก่งกล้าสามารถอย่างใด ก็ไม่มีทางที่จะไปจ้องจับผิดได้ทุกคนใช่หรือไม่”
สีหน้าของจักรพรรดิจยาเหวินเปลี่ยนเล็กน้อย
ที่หรงจิ่วพูดมาก็ใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล
มืออันสั่นเท่าของจักรพรรดินีจับที่วางแขนของเก้าอี้ไว้อย่างแน่นหนา
“องค์ชายสาม ปิ่นปักผมเจอที่หลังบ้าน ตอนนั้นองครักษ์หลายคนเป็นพยานได้ หรือว่าพวกเขากำลังโกหกกันทั้งหมดหรืออย่างใดกัน?”
หรงจิ่วนิ่งไปสักครู่ แล้วก็ถามขึ้นมาว่า
“จักรพรรดินี ไม่ทราบว่าที่อยู่ในมือท่าน เป็นปิ่นปักผมอันเดียวกันกับที่หาเจอที่บ้านใต้เท้าฉู่หนิงหรือไม่”
จักรพรรดินีถูกต้อนจนเกร็งไปทั้งตัว เมื่อได้ยินเขาถามแบบนี้ ก็พยักหน้าตอบไปโดยไม่รู้ตัว
“ใช่แน่นอน อันนี้แหละ”
“เช่นนั้นก็ถูกต้องแล้ว”
สีหน้าของหรงจิ่วที่เปลี่ยน ยิ่งชวนให้หวาดระแวง
“ปิ่นปักผมอันนี้ สวยสดงดงาม สีสันเด่นตา ต่อให้ข้ามองจากตรงนี้ ที่ห่างกันขนาดนี้ ก็ยังสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน ไม่รู้ว่าใต้เท้าฉู่หนิงกับฉู่หลิวเยว่ตาบอดหรือไม่ ถึงไม่เห็นปิ่นปักผมอันนี้ และแกล้งทิ้งไว้กลางลานบ้าน”
จักรพรรดินีพูดตอบด้วยอาการลุกลี้ลุกลน “อาจจะ หรือว่าตอนนั้นฉู่หลิวเยว่เร่งรีบ เลยไม่ทันสังเกต ตำหนักฉู่หลังใหญ่มาก นางไม่เฝ้าสังเกตได้ทุกซอกทุกมุม…”
“จักรพรรดินี เมื่อครู่ท่านบอกว่า เจอปิ่นปักผมหลังบ้าน และมีองครักษ์หลายคนเห็น เหตุใดตอนนี้จึงเป็นทุกซอกทุกมุมได้?”
หรงจิ่วเพียงเอ่ยคำพูดง่ายๆ แต่ทำให้จักรพรรดินีหมดคำโต้แย้ง
ห้องโถงใหญ่ทั้งห้องอยู่ในภาวะเงียบสงัด!
ฉู่หนิงครุ่นคิดสักครู่
“ฝ่าบาท ตอนนั้นข้าอยู่หน้าบ้าน องครักษ์อยู่หลังบ้าน ไม่มีทีท่าว่าพวกเขาจะหาปิ่นปักผมเจอจริงๆ”
จักรพรรดิจยาเหวินมองมาที่จักรพรรดินี ด้วยสายตาเปี่ยมไปด้วยความสงสัย
“จักรพรรดินี เจ้ายังมีอันใดจะพูดอีกหรือไม่?”
“ข้า เมื่อสักครู่ข้าก็แค่คาดเดา!” จักรพรรดินีรีบลุกขึ้นแล้วคุกเข่าลง “ฝ่าบาท ข้าอาศัยอยู่ในวังมาตลอด ไม่เคยออกไปข้างนอกเลยแม้แต่ก้าวเดียว และก็ไม่ได้เห็นเหตุการณ์ด้วย จึงไม่รู้ว่าเรื่องเกิดขึ้นมาได้อย่างใด เมื่อสักครู่ข้าพลั้งปากตามการคาดเดาเท่านั้น”
หรงจิ่วมองมาที่นางสักครู่ ด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“จักรพรรดินี ดูเหมือนว่าเรื่องนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับท่านเลยแม้แต่น้อยหรือ”
“ต้องไม่เกี่ยวข้องอยู่แล้ว หรงเจินเป็นลูกสาวข้า บัดนี้นางหายตัวไป ข้าก็ใจร้อนอยากเจอลูกสาวนั่นเป็นเรื่องปกติ!”
สายตาของจักรพรรดินีแฝงไปด้วยความฆาตแค้น
ตอนนี้ก็ชัดเจนแล้วว่า ที่หรงจิ่วมาในวันนี้ก็เพราะต้องการจะเล่นงานนาง!
นางเงยหน้าขึ้น มองจักรพรรดิจยาเหวินด้วยความร้อนรน
“ฝ่าบาท คำพูดที่ข้าพูดมาเป็นจริงทุกประการ ซือถูซิงเฉินก็ได้เห็นกับตาว่า ก่อนที่หรงเจินหายตัวไป หรงเจินได้อยู่กับฉู่หลิวเยว่ นางเป็นพยานได้!”