ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 376 เพื่อเจ้า
ตอนที่ 376 เพื่อเจ้า [รีไรท์]
จวนหลังนี้ว่างเปล่า ตรงกลางลานบ้านมีเพียงศพศพหนึ่งแขวนอยู่เท่านั้น
ดูจากเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่ง คนผู้นั้นน่าจะเป็นคนคนหนุ่ม เนื้อหนังซูบหายไปจนมองไม่เห็นรูปลักษณ์เดิม
บาดแผลทั่วทั้งร่างกาย ที่สาหัสที่สุดคือใบหน้า
เหมือนว่ามีใครใช้ขวานจามใบหน้าของเขาอย่างรุนแรง เนื้อเละไปหมด ยากจะแยกใบหน้าออก ไม่มีทางดูออกเลยว่าคนผู้นั้นคือใคร
ด้านล่างของศพนั้นมีกระถางสีเขียวตั้งอยู่
ขอบของกระถางนั้นมีคราบเลือดที่แห้งกรังอยู่
พร้อมกลิ่นคาวเลือดแทงจมูก กระจายออกมา มันน่าขยะแขยงอย่างมาก!
แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกหวาดกลัวมากที่สุด
เพราะว่าที่น่ากลัวกว่านั้นคือ รอบๆ ศพนั้นมีโครงกระดูกวางกองอยู่ ขอเพียงแค่มองดีๆ ก็จะรู้ว่ากระดูกเหล่านั้น เป็นโครงกระดูกมนุษย์!
ต่างจากศพที่ถูกแขวนเอาไว้ เพราะกระดูกสีขาวเหล่านั้นที่วางอยู่บนพื้นเหมือนจะตายมานานแล้ว
ฉากนี้ทำให้คนที่เข้ามาเห็นล้วนตกใจอย่างมาก
ตอนนี้บรรยากาศเต็มไปด้วยความเงียบ ทุกอย่างที่อยู่รอบตัวเหมือนหยุดนิ่งไป
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่ จักรพรรดิจยาเหวินถึงได้สติกลับคืนมา พร้อมตะโกนขึ้นมาอย่างโหดเหี้ยม
“ไปนำตัวฮองเฮามาให้เจิ้น”
โอรสสวรรค์กริ้วอย่างมาก แม้แต่หรงจิ้นที่เคยปกป้องฮองเฮาตอนนี้ก็ขวางไว้ไม่ได้ ร่างกายแข็งค้าง เขาช่วยพยุงฮองเฮาขึ้นมา
ฮองเฮาหลับตาแน่น ราวกับว่านางได้สลบไปจริงๆ
จักรพรรดิจยาเหวินจ้องมองโครงกระดูกสีขาวเหล่านั้น เส้นเลือดสีน้ำเงินปูดขึ้นที่หน้าผาก
“โบยนางซะ หากฮองเฮายังไม่ฟื้นก็โบยนางต่อไป”
ทุกคนต่างก็ตกใจ
จักรพรรดิจยาเหวินสั่งให้คนโบยฮองเฮาจริงๆ หรือ?
นี่มันบ้าไปแล้ว
หรงจิ้นจะปล่อยมือนางไปได้อย่างใด เขาไม่สามารถมองคนอื่นทำร้ายแม่ของตนเองได้ จึงรีบบังตัวฮองเฮาไว้ แล้วคุกเข่าพูดว่า
“เสด็จพ่อ ความจริงเป็นเช่นไร ยังไม่สืบหาให้ชัดเจนเลย หากท่านทำเช่นนี้กับเสด็จแม่ จะทำให้นางเสียใจนะพ่ะย่ะค่ะ”
จักรพรรดิจยาเหวินเดินไปด้านหน้าอย่างรวดเร็ว พร้อมใช้เท้าเตะที่ไหล่ของหรงจิ้นอย่างแรง
“ไสหัวไป”
หรงจิ้นไม่กล้าขัดขวาง จึงโดนถีบไปนั่งอยู่ด้านข้าง
จักรพรรดิจยาเหวินยกมือขึ้นตบใบหน้าของฮองเฮาด้วยตนเอง
ซือถูซิงเฉินยืนอยู่ด้านข้าง แม้ว่านางจะไม่คิดเข้าไปยุ่ง แต่ว่าตอนนี้นางก็สติหลุดลอยจนไม่เป็นตัวของตัวเองแล้ว
เมื่อเห็นว่าจักรพรรดิจยาเหวินตบหน้าฮองเฮาด้วยมือข้างเดียว ในที่สุดซือถูซิงเฉินก็พูดขึ้นว่า “ฝ่าบาท โปรดไตร่ตรองให้รอบคอบด้วยเพคะ ตอนนี้ยังไม่มีอันใดชัดเจน เช่นนั้นไม่รอให้สืบให้กระจ่างแล้วค่อยว่ากันใหม่ดีหรือไม่เพคะ? เมื่อถึงตอนนั้น หากฮองเฮาเหนียงเหนียงมีความผิดจริงยังไม่สายเกินไปที่ฝ่าบาทจะลงโทษฮองเฮาด้วยตนเอง”
จักรพรรดิจยาเหวินชะงักไป
ในตอนนั้นเอง จู่ๆ ฮองเฮาที่สลบได้ก็ได้สติขึ้นมา
นางค่อยๆ ลืมตาขึ้น มองเห็นใบหน้าของจักรพรรดิจยาเหวินที่อยู่ใกล้ๆ แววตาเต็มไปด้วยความสับสน
“ฝ่าบาท…”
จากนั้นนางถึงได้รู้สึกตัวว่าคอเสื้อของนางถูกจักรพรรดิจยาเหวินดึงเอาไว้อยู่ ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัวและตื่นตระหนก
“ฝ่าบาท ท่านจะทำอันใดหรือเพคะ?”
จักรพรรดิจยาเหวินยิ้มเย็นๆ จากนั้นก็ผลักนางลงไปกองที่พื้น
“เจ้าทำเรื่องอันใดไว้ เจ้าไม่รู้ตนเองหรอกหรือ? ทางที่ดีพูดออกมาให้หมดเสียดีกว่า ว่านี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น?”
ฮองเฮาคุกเข่าอยู่ที่พื้น มีเพียงน้ำตาที่ไหลริน นางร้องไห้ไม่หยุดในความไม่รู้ของนาง
“หม่อมฉันไม่รู้…ไม่รู้จริงๆ เพคะ…”
จักรพรรดิจยาเหวินหันไปมองที่หรงเจิน
“หรงเจิน เจ้าพูดมา!”
หรงเจินถอยหลังอย่างขลาดกลัว ริมฝีปากสั่นกึกๆ
“ฝ่าบาท มีบางอย่างแปลกๆ อยู่ในกระถางใบนี้เพคะ”
ฉู่หนิงเดินไปหยุดตรงหน้ากระถางสำริด แล้วมองอย่างละเอียด ใบหน้าของเขาก็เคร่งเครียดมากขึ้น
“ของแบบนี้มันเหมือนกับ…พลังที่สามารถกลืนกินมนุษย์ได้”
เมื่อได้ยินดังนั้นฉู่หลิวเยว่จึงเดินขึ้นไปด้านหน้าอย่างใคร่รู้
ทันทีที่เดินเข้ามาใกล้ นางก็สามารถสัมผัสถึงไอหยินเข้มข้นที่แผ่ออกมาจากกระถางสำริดใบนั้นได้
วินาทีต่อมา ปราณของนางก็ถูกห่อหุ้มเอาไว้
“เยว่เอ๋อร์ อันตราย!”
เมื่อฉู่หนิงเห็นดังนั้น จึงรีบลากเยว่เอ๋อร์เดินออกมาทันที
ฉู่หลิวเยว่กลับส่ายหน้า พร้อมส่งสัญญาณให้เขารอสักครู่หนึ่ง
นางมองเข้าไปในกระถางสำริดใบนั้น
เห็นสีดำและแดงผสมกันอยู่ในนั้น จู่ๆ ปราณพวกนั้นก็แข็งแกร่งขึ้นทันที
นางขมวดคิ้วเล็กน้อย ปราณเหล่านี้ต้องการพลังของนาง ต้องการดึงพลังออกจากตัวของนาง!
นางถอยออกมาอย่างไม่ลังเล
หลังจากที่ถอยห่างออกมาจากกระถางสำริดไกลแล้ว ปราณเหล่านั้นก็กระจายหายไปอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าไม่เคยปรากฏขึ้นมาก่อน
อย่างใดก็ตามฉู่หลิวเยว่รู้สึกกลัวมาก
เมื่อครู่นางแค่ยืนอยู่ด้านข้างของกระถางเท่านั้น ยังได้รับผลกระทบขนาดนี้ ไม่ต้องพูดถึงคนที่ถูกแขวนไว้บนกระถางสำริดใบนี้เลย
อีกทั้ง!
ศพร่างนั้นดูซูบเซียว เต็มไปด้วยคราบเลือด เห็นได้ชัดว่าว่าก่อนตายเขาน่าจะถูกทำร้ายมามากมาย เลือดสดๆ หยดลงไป พลังในร่างกายก็ถูกดูดจนหมด!
ฉู่หลิวเยว่สรุปได้คร่าวๆ ว่า คนผู้นั้นถูกดูดกลืนพลังอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายก็ตายในที่สุด!
ไม่ ไม่ใช่แค่คนนั้น
กระดูกคนที่อยู่รอบข้างก็น่าจะเหมือนกัน
ฉู่หนิงลากฉู่หลิวเยว่ออกมา หลังจากแน่ใจแล้วว่านางไม่เป็นไร ถึงถอยหายใจออกมา
“กระถางสำริดใบนี้เป็นของที่น่ากลัวมาก ฝ่าบาทอย่าได้เข้าใกล้เด็ดขาด”
จักรพรรดิจยาเหวินขมวดคิ้วแล้วถามขึ้น “ฉู่หนิง กระถางสำริดที่เจ้าพูดถึงมันมีอันใดกันแน่?”
ฉู่หนิงอธิบายไปหนึ่งรอบ
“…ดังนั้น ต้องมีคนจงใจวางกระถางสำริดไว้ที่นี่เพื่อดูดกลืนพลังปราณของผู้บำเพ็ญเพียรคนอื่นๆ”
“เป็นเช่นนี้นี่เอง…”
เมื่อจักรพรรดิจยาเหวินได้ยินดังนั้น ใบหน้าของเขาไม่ได้ปรากฏความตกใจเลย ในทางกลับกันเหมือนรับรู้ว่าเรื่องบางเรื่องได้รับการยืนยันแล้ว
“เจิ้นเคยได้ยินเรื่องลึกลับของราชวงศ์ เคยได้ยินเรื่องแบบนี้มาเช่นกัน ขอเพียงแค่สามารถสะสมพลังงานได้เพียงพอ กระถางสำริดใบนี้จะสามารถเลื่อนขั้นได้ ใครก็ตามที่สามารถเป็นเจ้านายมันได้ ก็สามารถได้รับพลังทั้งหมด และเลื่อนระดับการฝึกฝนได้…”
คำพูดของจักรพรรดิจยาเหวินทำให้ทุกคนที่ได้ยินตะลึงงัน
ด้วยวิธีการแบบนี้ มันช่างโหดเหี้ยมยิ่งนัก!
“อีกทั้งคนที่รู้เรื่องนี้…นอกจากเจิ้นแล้ว ก็มีเพียงฮองเฮาเท่านั้น”
คำพูดประโยคนี้ของจักรพรรดิจยาเหวินเหมือนฟ้าผ่าลงมาดังเปรี้ยง!
ทุกคนหันไปมองฮองเฮาเป็นตาเดียว
ฉู่หลิวเยว่ตกใจมาก
มิน่าล่ะตั้งแต่ที่เข้ามาในจวนหลังนี้ จักรพรรดิจยาเหวินก็มองไปที่กระถางสำริดใบนั้น และท่าทางที่ปฏิบัติต่อฮองเฮาก็แย่ขึ้น
ในตอนนั้นเขาก็รู้อยู่แล้วว่าเรื่องทั้งหมดฮองเฮาเป็นคนทำ
“ซือฮุยจิ่ง คิดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะแอบทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้ได้ เจ้ามันใจดำอำมหิตมาก”
เมื่อจักรพรรดิจยาเหวินนึกได้ว่าตนเองได้นอนร่วมเตียงกับผู้หญิงคนนี้มาหลายปี ขนแขนก็ลุกชูชัน อยากจะอาเจียนออกมา
ใบหน้าฮองเฮาซีดเหมือนศพ ไม่สามารถเถียงออกมาได้แม้เพียงครึ่งคำ
หรงจิ้นก็ตื่นตระหนก แต่อดที่จะแย้งขึ้นไม่ได้
“เสด็จพ่อ แม้ว่าเสด็จแม่จะรู้เรื่องนี้ แต่ไม่ได้หมายความว่าเสด็จแม่จะเป็นคนทำนะพ่ะย่ะค่ะ เสด็จแม่มีฐานะเป็นถึงฮองเฮา ทำเช่นนี้จะมีประโยชน์อันใดกับนาง”
“ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮาเป็นถึงมารดาของแผ่นดิน มีอันใดที่นางจะไม่พอใจอีกหรือ?”
จู่ๆ หรงจิ่วก็พูดขึ้นมา แต่เขามองไปที่สองแม่ลูกอย่างดูถูก
“แน่นอนว่าที่นางทำเช่นนี้ไม่ใช่เพื่อตัวนางเอง แต่เพื่อรัชทายาทที่สูงส่ง เพื่อเสด็จพี่ เพื่อเจ้านั่นแหละ”
หรงจิ้นชะงักค้าง!