ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 405 ซั่งกวน
ตอนที่ 405 ซั่งกวน [รีไรท์]
แท่นสี่เหลี่ยมนี้ทำมาจากหยกสีดำ เมื่อฉู่หลิวเยว่ก้มศีรษะลง ก็สามารถเห็นภาพสะท้อนของตนได้อย่างชัดเจน
บริเวณตรงกลางของแท่นสี่เหลี่ยม มีผลึกสามเหลี่ยมเสมือนพีระมิดสีเงินลอยอยู่กลางอากาศ
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองมันตาไม่กะพริบ
นางสัมผัสได้ถึงเสียงเรียกลึกลับที่อธิบายไม่ได้ แผ่กระจายออกมาจากพีระมิดสีเงินนั่น และตอนนี้นางอยู่ห่างจากพีระมิดสีเงินนั่นเพียงไม่กี่สิบก้าว
ฉู่หลิวเยว่สูดหายใจเข้าลึก พลันยกเท้าก้าวไปข้างหน้า เสียงฝีเท้าดังก้องไปทั่วทั้งบริเวณ
มันเงียบจนฉู่หลิวเยว่ได้ยินแม้กระทั่งเสียงน้ำที่ไหลลงสู่ทะเลสาบช้าๆ จากหัวมังกรที่อยู่ด้านหลังนาง
ไม่สิ ไม่ใช่ด้านหลัง แต่เสียงมันดัง…มาจากทิศอื่นด้วย
พลันฉู่หลิวเยว่ก็ฉุกคิดได้แล้วหันศีรษะมองไปรอบๆ
แน่นอนว่านอกจากหัวมังกรทองแล้ว ยังมีรูปปั้นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกัน ตั้งวางอยู่ในอีกสามทิศที่เหลือด้วยที่ด้านซ้ายมือเป็นหัวมังกรสีแดง และด้านขวามือเป็นหัวมังกรสีน้ำเงิน เหนือพีระมิดสีเงินที่ห้อยอยู่ข้างหน้าคือหัวมังกรสีน้ำตาลเหลือง ในใจของฉู่หลิวเยว่พลันเข้าใจถึงบางอย่าง
ที่แท้ทุกอย่างที่นี่ก็จัดเรียงตามธาตุทั้งห้า ทอง ไม้ ไฟ ดิน ธาตุทั้งหมดหลอมรวมกันอยู่ที่นี่
แต่ ‘น้ำ’ ที่เหลืออยู่ ไม่ต้องสืบเลยว่ามันต้องเป็นกระแสน้ำที่ไหลมาอย่างไม่ขาดสายแน่นอน
องค์ประกอบทั้งห้าครบถ้วน สร้างเสริมยับยั้งระหว่างกัน ก่อเกิดเป็นพื้นที่ปิดที่สมบูรณ์แบบ
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
หากนางตกไปอยู่ในด้าน “ธาตุทอง” แล้วละก็ ถ้าอย่างนั้น…มู่ชิงเห่อล่ะ
นางกวาดสายตาไปรอบๆ อย่างระมัดระวังอีกครั้ง แต่ก็ไม่พบร่างของมู่ชิงเห่อ
น่าแปลก…ดูจากความแข็งแกร่งของมู่ชิงเห่อแล้ว เขาไม่น่าจะมีปัญหาในการจัดการกับสถานการณ์เหล่านี้
เขาควรจะมาถึงที่นี่ก่อนนางสิถึงจะถูก
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็สลัดความคิดนั้นทิ้งไปแล้วเดินหน้าต่อ
ในขณะที่ยืนอยู่ห่างจากพีระมิดสีเงินเพียงสามเก้า นางก็รู้สึกถึงแรงบีบที่รุนแรงนางหยุดชะงัก ดวงตาทั้งสองจ้องไปยังพีระมิดที่อยู่ตรงหน้า
มันมีขนาดใหญ่เพียงแค่ฝ่ามือ แต่ฉู่หลิวเยว่มองแล้วกลับมีความรู้สึกที่ไม่สามารถอธิบายได้ ข้างในนี้อาจจะรวบรวมทุกสิ่งทุกอย่างไว้ก็ได้
นางเองก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นมาจากที่ใด แต่มันกลับเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ
ทันใดนั้นดวงตาของฉู่หลิวเยว่ก็หรี่ลง ด้านข้างของพีระมิดสีเงิน นางมองเห็นร่างที่คุ้นตา เป็นมู่ชิงเห่อจริงๆ ในตอนนี้เขายืนอยู่ในพื้นที่แปลกตา และถูกรายล้อมไปด้วยเถาวัลย์สีเขียวที่เกี่ยวพันกันในทุกทิศทุกทาง
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็นึกคิดบางอย่างออก มู่ชิงเห่อต้องผ่านด่าน ‘ธาตุไม้’ มาแน่ๆ
เขายืนอยู่ตรงกลาง ถือกระบี่เล่มยาวอยู่ที่มือข้างขวา มีกิ่งไม้หัก และใบไม้เน่านับไม่ถ้วนกระจายอยู่รอบๆ เท้า ราวกับว่าเขาเพิ่งมาผ่านการต่อสู้มาอย่างหนัก ร่างกายของเขาชุ่มไปด้วยเลือด พร้อมท่าทางเหนื่อยอ่อนเหมือนจะหมดแรง
เขาก้มศรีษะลง ฉู่หลิวเยว่จึงไม่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้
แต่ทว่าร่างกายของเขากลับสั่นเทาเล็กน้อย
แม้ว่าจะเป็นเพียงเล็กน้อย แต่สำหรับฉู่หลิวเยว่ที่สนิทสนมคุ้นเคยกับเขา ก็สามารถที่จะมองออกได้โดยง่าย
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วเกิดสิ่งใดขึ้น…กับเขา?
มู่ชิงเห่อมักจะเด็ดเดี่ยวในการฆ่า แม้ว่าจะต้องเผชิญหน้ากับความตาย ก็ไม่ได้ทำให้เขาเกิดความหวาดกลัวแม้แต่น้อย
ทว่าในตอนนี้ สาเหตุที่เขามีท่าทางเช่นนี้ นั่นหมายความว่าเขาค่อยๆ สูญเสียการควบคุมตัวเอง
แต่…นี่เป็นเพียงสถานที่พิสดาร ไม่น่าจะกระทบกับชีวิตของเขาได้เลย แต่เหตุใดเขาถึงเป็นเช่นนี้กัน
“ซั่งกวน…” มู่ชิงเห่อพึมพำ พูดพร่ำออกมาสองพยางค์อย่างพร่าเลือน
ไม่ง่ายนักที่ฉู่หลิวเยว่จะรู้ว่าเขาพูดอันใด แต่ความสงสัยใคร่รู้ภายในใจของนางนั้นก็ยิ่งมากขึ้น
ซั่งกวน?
มู่ชิงเห่อกำลังเอ่ยถึงผู้ใด
จากยศถาบรรดาศักดิ์ของเขาแล้ว คนที่สามารถทำให้เขาสามารถเรียกแบบนั้นได้ ก็มีไม่มาก เจียงอวี่เฉิง หรือซั่งกวนหว่าน?
ฉู่หลิวเยว่กลั้นหายใจ หวังจะฟังให้ชัดมากยิ่งขึ้น
แต่ถึงอย่างนั้นมู่ชิงเห่อก็ไม่ได้เอ่ยถึงสิ่งใดอีก แต่ยกกระบี่ที่อยู่ในมือขึ้น
ฉู่หลิวเยว่อ้าปากค้างในทันที ดวงตาเบิกกว้างด้วยความสยดสยอง มองเห็นข้อมือของมู่ชิงเห่อถูกแทงด้วยเถาวัลย์หนาเท่านิ้วหัวแม่มือ เถาวัลย์เลื้อยพันไปรอบๆ ข้อมือ และแผ่ขยายลุกลามไปยังไหล่ของเขา
ฉู่หลิวเยว่สามารถมองเห็นฝ่ามือที่ขาดเลือด จนกลายเป็นฝ่ามือที่เป่งบวมแดง เลือดไหลออกมาจากบาดแผลบนข้อมือของเขา แต่ก็ถูกเถาวัลย์ดูดซับเข้าไปอย่างรวดเร็ว ใบไม้สีเขียวอ่อนเปลี่ยนเป็นสีเหลืองอย่างว่องไว และในท้ายที่สุดก็ร่วงหล่นลง
ฉู่หลิวเยว่ตกใจเล็กน้อยเป็นไปได้หรือไม่ ว่าเลือดของมู่ชิงเห่อจะมีบางอย่างผิดปกติ เหตุใดเถาวัลย์พวกนี้ถึงเหี่ยวเฉาลงอย่างรวดเร็ว
ทว่าไม่รีรอให้นางได้ทำความเข้าใจ จู่ๆ ก็เกิดเรื่องให้นางประหลาดใจขึ้น
ในตำแหน่งที่ใบไม้ที่เหี่ยวเฉา และร่วงลงก่อนหน้านี้ มีใบไม้สีเขียวเหลืองเล็กๆ งอกขึ้นมาใหม่ และดูเหมือนเถาวัลย์จะเลื้อยพันกันแน่นยิ่งขึ้น
ในตอนนั้นเองฉู่หลิวเยว่ถึงได้รู้ว่ากิ่งไม้ และใบไม้ที่ร่วงหล่นบนพื้นนี้มีที่มาที่ไปเช่นนี้นี่เอง
ความเจ็บปวดที่มาจากแขนขวาของเขา เกือบจะทำให้จิตใจของมู่ชิงเห่อว่างเปล่า
แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดสำหรับเขาในเวลานี้ไม่ใช่เถาวัลย์ที่กำลังไล่เขา
แต่คือ…เขาใช้พละกำลังเฮือกสุดท้ายของเขา วาดกระบี่เล่มยาวในมือ แล้วฟันไปข้างหน้าอย่างดุเดือด
ฟึ่บ!
พลังกระบี่อันรุนแรงทำให้กิ่งก้าน และใบไม่ที่ร่วงหล่นบนพื้นลอยขึ้น แม้แต่เถาวัลย์บนกำแพงตรงหน้าเขาก็ถูกเฉือนแยกออกจากตรงกลาง
แต่ความเร็วในการแผ่ขยายของเถาวัลย์นั้นรวดเร็วมาก หลังจากที่มันขาดออกจากกัน มันก็กลับมาพันกันอีกครั้ง และยังงอกกิ่งใบใหม่ออกมาอีกด้วย
ทางด้านมู่ชิงเห่อกลับกวัดแกว่งกระบี่อย่างแรง ทำให้บาดแผลบนข้อมือฉีกขาดอีกครั้ง ทันใดนั้นมู่ชิงเห่อก็เปล่งเสียงความเจ็บปวด มันเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง
หัวใจของฉู่หลิวเยว่เต้นผิดจังหวะ
มู่ชิงเห่อแท้ที่จริงแล้วกำลังทำสิ่งใดอยู่กันแน่ หรือต้องการที่จะทำลายเถาวัลย์นี้ออกไป?
แต่ถ้าหากว่าเป็นเช่นนั้น เหตุใดอารมณ์ของเขาถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้
ราวกับว่า…มีอันใดซ่อนในจิตใต้สำนึกของเขา และหยั่งรากฝังลึกมานาน
ตุบ!
เสียงของมู่ชิงเห่อค่อยๆ เงียบลงไป ในที่สุดเขาก็ล้มลงกับพื้น
ในมือยังคงถือกระบี่ไว้ และทรุดกับพื้นอย่างอ่อนแรง
ภายในพื้นที่อันเงียบงัน และน่าสะพรึงกลัว
ห้อมล้อมไปด้วยเถาวัลย์สีเขียว โอบล้อมไปด้วยพลังปราณ แต่มู่ชิงเห่อที่อยู่ตรงกลางกลับมีกลิ่นอายของความเดียวดาย และความบ้าคลั่งอันแรงกล้าปกคลุมอยู่ในตัวของเขา
ฉู่หลิวเยว่ไม่เคยเห็นท่าทีเช่นนี้ของเขามาก่อน
หลังจากนั้นไม่นานมู่ชิงเห่อก็เงยหน้าขึ้นมา
ฉู่หลิวเยว่ปิดปากของนาง
ใบหน้าของมู่ชิงเห่อเต็มไปด้วยน้ำตา
ความสิ้นหวัง ความเดียวดาย ความโกรธ ความเศร้า ความสำนึกผิด…
ฉู่หลิวเยว่ไม่รู้จะอธิบายลักษณะของมู่ชิงเห่อได้อย่างใด ราวกับว่าสัตว์ร้ายกำลังติดอยู่ในสถานการณ์ที่สิ้นหวัง
เขาติดตามนางมาหลายปี แต่นางไม่เคยเห็นเขาร้องไห้มาก่อน
ราวกับโดนค้อนยักษ์กระแทกที่ใจของฉู่หลิวเยว่อย่างจัง
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะพีระมิดสีเงินหรือเปล่า ที่ทำให้ฉู่หลิวเยว่สามารถมองเห็นใบหน้าของเขาได้อย่างชัดเจน แม้กระทั่ง…ดวงตาของเขา
เมื่อครู่ฉู่หลิวเยว่เกือบจะคิดว่ามู่ชิงเห่อกำลังมองนางอยู่
“ซั่งกวน…”
มุมปากของเขามีเลือดออก และพึมพำเสียงต่ำ ด้วยความห่วงหาอย่างที่ไม่สามารถปกปิดไว้ได้
ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึง
เขากำลังเรียกหานาง