ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 419 มีนัด
ตอนที่ 419 มีนัด [รีไรท์]
ด้วยความแข็งแกร่งของหรงซิว หากเขาต้องการก็สามารถไปถึงที่นั่นได้ด้วยความเร็วสูงสุดของเขา โดยไม่เป็นที่แตะตาของผู้ใด
ทว่าเขาไม่เพียงแต่มาช้า แต่ยังนั่งรถม้ามาอีกด้วย?
นี่มันไม่ใช่นิสัยของเขาเลยสักนิด
เว้นแต่ว่า…เขามีแผนบางอย่างแล้วตั้งใจทำเช่นนี้ และเป็นไปได้มากกว่า เขากำลัง…ปกปิดไม่ให้นางรู้
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองหรงซิว หัวใจของนางเบาหวิวราวกับลอยเคว้งในอากาศ
นางเองก็คาดเดาบางอย่างไว้ในใจ
แต่สิ่งที่นางคิดนั้นดูไร้สาระมาก และดูคลุมเครือมากเสียจนนางไม่อยากปักใจเชื่อ
ทว่าตอนนี้ ขณะที่กำลังนั่งอยู่บนรถม้า ไหนจะหรงซิวที่มาช้า…
ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้กลับดูเหมือนฉากในละครที่เขาใช้บังหน้าอย่างใดอย่างนั้น
หรงซิวกระชับมือของนาง
“เพราะข้าเสียเวลาจัดการธุระบางอย่างอยู่”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้ว “หือ? ธุระอันใดหรือ”
หรงซิวตอบเสียงเรียบ “จักรพรรดินีสิ้นพระชนม์แล้ว”
ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึง จักรพรรดินีสิ้นพระชนม์อย่างนั้นหรือ? “มันเกิดขึ้นเมื่อใดกัน?”
“วันนี้แต่ยังไม่รู้ช่วงเวลาเกิดเหตุที่แน่นอน ตอนนี้ฉู่หนิงกำลังสืบสวนอยู่ในวัง ท่านพ่อเองก็ประกาศห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้ ทว่าอย่างใดเสียข่าวลือก็ยังหลุดรอดออกไปให้คนทั่วทั้งเมืองหลวงได้ลือกันอย่างหนาหู”
เมื่อได้ยินว่าฉู่หนิงรับผิดชอบจัดการเรื่องนี้ ฉู่หลิวเยว่ก็ขมวดคิ้วแน่นขึ้น
ช่วงจักรพรรดิจยาเหวินเกลียดชังจักรพรรดินียิ่งนัก และฉู่หลิวเยว่เชื่อว่าเขาต้องการให้จักรพรรดินีตาย
แต่มันไม่ควรจะเป็นตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นจักรพรรดินียังเปรียบเสมือนมารดาของคนทั้งแคว้น การสิ้นพระชนม์อย่างกะทันหันของนาง จะทำให้ประชาชนตื่นตกใจอย่างมาก
ก่อนหน้านั้นฉู่หนิงได้มีส่วนร่วมในการสืบสวนเรื่องที่เกิดขึ้นที่ตรอกชีเจี่ยว หากมีเหตุการณ์ผิดปกติเกิดขึ้นกับจักรพรรดินี เกรงว่ามันจะ…
“ท่านรู้หรือไม่ว่าผู้ใดเป็นคนปล่อยข่าว?”
หรงซิวส่ายศีรษะไปมา
“ด้านนอกตำหนักของจักรพรรดินี จะมีทหารรักษาพระองค์คอยคุ้มกันอย่างแน่นหนา และมีไม่กี่คนที่รู้เรื่องนี้ ทว่ากำแพงมีหูประตูมีช่อง การจะสืบหาความจริงให้ได้โดยเร็วนั้นไม่ง่ายเลย แต่ท่านพ่อก็ได้ส่งคนไปปราบปรามข่าวนั่นแล้ว แต่…คงต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเข้าใจ
บนโลกนี้ไม่มีกำแพงใดที่สามารถปิดกั้นอากาศได้ นับประสาอันใดกับข่าวที่น่าตกใจเช่นนี้
“เหตุใดจักรพรรดินีจึงสิ้นพระชนม์อย่างกะทันหันเช่นนี้?”
สาเหตุที่จักรพรรดิจยาเหวินกักบริเวณนางไว้ในตำหนัก นั่นก็เพื่อป้องกันไม่ให้นางทำสิ่งใดเกินเลย และอีกนัยน์หนึ่งก็เพื่อรักษาชีวิตของนางไว้
ขณะนี้มีหลายสิ่งที่ยังไม่ได้ตรวจสอบ ทว่าจู่ๆ นางก็เสียชีวิตซึ่งเป็นเรื่องที่แปลกมาก
“เหมือนว่า…มันจะเกี่ยวกับองค์ชายสามด้วย” หรงซิวทำหน้าเนือย “ว่ากันว่า เขาเป็นคนสุดท้ายที่ได้พบจักรพรรดินี ไม่นานหลังจากที่เขากลับไปจักพรรดินีก็สิ้นพระชนม์”
ฉู่หลิวเยว่หรี่ตาลง “ท่านจะสื่อว่า…มีคนใส่ร้ายองค์ชายสามอย่างนั้นหรือ?”
หรงซิวอมยิ้ม ดวงตาสีดำคู่คมวาววับราวกับมีทางช้างเผือกอันงดงามซ่อนอยู่ภายใจ
“เยว่เอ๋อช่างรู้ใจข้าที่สุด”
ฉู่หลิวเยว่เองศีรษะ พลางเอ่ยถามอย่างสนอกสนใจ
“เช่นนั้น องค์ชายรู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้ากำลังคิดสิ่งใดอยู่?”
หรงซิวหรี่ตาลงเล็กน้อย
พลันดึงมือเขาไปไว้ด้านหลังนาง แล้วโน้มตัวเข้าไปใกล้ร่างสูง
ทำให้ร่างของสองหนุ่มสาวใกล้ชิด เสียจนได้กลิ่นกายของกันและกัน
มันใกล้เสียจนนางสามารถเห็นภาพร่างเล็กๆ ของตน ที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของหรงซิวได้อย่างชัดเจน
“วันนี้มู่ชิงเห่อพาข้าไปยังสุสานของจักรพรรดิบนยอดเขาซีจิน ท่านลองเดาสิว่าข้าเจอใครที่นั่น…ข้าเจอหรงจิ้น!”
มุมปากของหรงซิวกระตุกเบาๆ แต่ก็ไม่ได้แปลกใจเสียเท่าใด
“วันนี้เขาแอบหนีออกจากตำหนักองค์รัชทายาท”
ฉู่หลิวเยว่ไม่แปลกใจที่หรงซิวรู้เรื่องนี้ หลังจากผ่านหลายสิ่งหลายอย่างมานักต่อนัก นางก็ตระหนักได้นานแล้วว่า หรงซิวนั้นลึกลับและมีพลังมากกว่านางเสียอีก!
“แต่ท่านรู้หรือไม่ว่าเหตุใดเขาจึงมาที่สุสาน? นั่นเพราะ…เขาคิดว่าตัวเองคือบุตรแห่งสวรรค์”
เมื่อเอ่ยจบเพียงไม่กี่คำ การแสดงออกของฉู่หลิวเยว่ก็ช้าลงเรื่อยๆ
“ความจริงแล้วเขาคิดแบบนั้นมาได้ซักพักแล้ว แต่กลับเลือกมาที่สุสานของจักรพรรดิวันนี้ คราแรกข้าไม่เข้าใจ แต่พอได้ยินท่านพูดว่าจักรพรรดินีสิ้นพระชนม์แล้ว ข้าถึงได้เข้าใจ หรงจิ้นต้องรู้อันใดบางอย่างหลังจากจักรพรรดินีสิ้นพระชนม์แน่ๆ เขาถึงไม่ลังเลที่จะฝ่าฝืนคำสั่งของจักรพรรดิแล้วรีบแอบมาที่สุสานโดยเช่นนี้ แต่…จากการสังเกตของข้า หรงจิ้นผู้เยินยอตนเองว่าเป็นบุตรแห่งสวรรค์นั้น ไม่ได้มีความพิเศษแต่อย่างใด แต่กลับกลายเป็นคนผู้หนึ่งที่ข้าบังเอิญเจอในสุสาน…เขาดู คุ้นเคยกับสุสานของจักรพรรดิมากๆ”
หรงซิวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “หือ?”
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองเขา ราวกับมองทะลุผ่านคลื่นความรู้สึกที่อยู่ภายในส่วนลึกที่สุดของดวงตาเขา
“คนผู้นั้นก็เหมือนกับท่าน ความแข็งแกร่งของเขานั้นยอดเยี่ยม และเมื่อเทียบกับมู่ชิงเห่อแล้ว ก็ถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว น่าเสียดาย…ที่ข้าไม่เห็นว่าเขาหน้าตาเป็นอย่างใด”
ฉู่หลิวเยว่กล่าวพร้อมรอยยิ้มบางบนใบหน้า
“และข้าก็ไม่รู้ว่าเพราะอันใด คนผู้นั้นถึงไม่ยอมให้ข้าเห็นรูปลักษณ์ของเขา องค์ชายท่านว่ามันดูแปลกหรือไม่?”
หรงซิวยังคงนิ่ง และในขณะที่เขากำลังจะตอบกลับ จู่ๆ ก็มีลมปราณที่เปี่ยมด้วยความดุดันและข่มเหงจากภายนอกพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว!
ทันใดนั้น ม้าก็ร้องเสียงร้องและยกกีบหน้าขึ้น
อวี๋มั่วรีบคว้าบังเหียนทันทีและบังคับมันให้หยุดดิ้น
รถม้าสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ก่อนจะหยุดลง
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วเตรียมหันไปมอง ทว่าร่างของนางกลับล้มลงเพราะแรงเฉื่อย
หรงซิวตอบสนองทันที แล้วสลับตำแหน่งกับนาง
พรึบ!
เสียงอื้ออึงดังขึ้น
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกเหมือนชนเข้ากับอันใดบางอย่าง เมื่อลืมตาขึ้นนางก็เห็นหรงซิวทรุดตัวล้มลงไปเกือบถึงพื้น และตอนนี้นางกำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา
มีเสื้อผ้าเพียงไม่กี่ชั้นที่กั้นระหว่างคนทั้งสอง
ขณะที่นางกำลังจะเอื้อนเอ่ย ปรายนิ้วของหรงซิวก็พลั้งแตะโดนริมฝีปากนางเสียก่อน
สัมผัสนั้นเกิดขึ้นท่ามกลางความตกตะลึงของทั้งสองคน
อันที่จริงก่อนหน้านี้ทั้งสองเคยนอนบนเตียงเดียวกันมาหลายครั้งแล้ว แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง และในพื้นที่คับแคบเช่นนี้ ความใกล้ชิดลักษณะนี้ทำให้เกิดความคลุมเครือเล็กน้อยที่ไม่สามารถอธิบายได้
หัวใจของฉู่หลิวเต้นระรัว พลันลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว
หรงซิวถอนหายใจอย่างเสียดาย แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการใดใดออกมา เขาทำเพียงยกตัวขึ้น และใช้มือข้างหนึ่งเลื่อนผ้าม่านออก
ฉู่หลิวเยว่หันมาและมองตามสายตาของเขา
ก่อนจะเห็นร่างที่คุ้นเคยยืนอยู่หน้ารถม้าไม่ไกลนัก
เมื่อเห็นใบหน้าของชายคนนั้น ฉู่หลิวเยว่ก็กล่าวด้วยความประหลาดใจ
“คุณชายรองเหยียน? ท่านมาอยู่ที่นี่ได้อย่างใด?”
ผู้มาเยือนเมื่อครู่นี้คือเหยียนเก๋อ
เมื่อเห็นฉู่หลิวเยว่อยู่ข้างกายหรงซิว เหยียนเก๋อก็ตัวสั่นขึ้นมาทันที
เหตุใด…จึงมีจิตสังหารแผ่ออกมากัน
รอยยิ้มที่ดูอบอุ่น และจริงจังบนใบหน้าของเขาหยุดชะงัก
“ท่านหญิงหลิวเยว่ คือว่า…เถ้าแก่ใหญ่ของเราบอกว่าวันนี้เขายังมีธุระอื่นต้องไปจัดการ ทว่านัดหมายก่อนหน้านั้นได้ถูกบันทึกไว้แล้ว เมื่อถึงเวลาเขาจะมาหาท่านอีกครั้ง ขอท่านโปรดวางใจ”
ฉู่หลิวตกตะลึง
“เถ้าแก่ใหญ่ของพวกเจ้า…ไปแล้วหรือ?”
เหยียนเก๋อพยักหน้า “ใช่แล้ว ข้าเพิ่งไปส่งเถ้าแก่ใหญ่มาเมื่อครู่ และข้าก็รีบมาพบท่านที่นี่!”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย หมายความว่านางเดาผิดอย่างนั้นหรือ?
หรงซิวเอนหลัง พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกียจคร้าน
“หมายความว่าตอนที่เยว่เอ๋ออยู่ในสุสานนั้นไม่เพียงแต่พบใครบางคนโดยบังเอิญ แต่ยังทำนัดหมายกับคนผู้นั้นด้วย?”