ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 425 สัญญาณมือ
ตอนที่ 425 สัญญาณมือ [รีไรท์]
ฉู่หลิวเยว่ชะงักงัน แล้วพลันตะหนักได้ว่าความผันผวนนี้เล็ดลอดออกมาจากพีระมิดสีดำนั่นแน่ๆ
กลุ่มพลังมหาศาลที่อ่อนโยนนี้ ก็พุ่งเข้าใส่แขนขาและอวัยวะภายในร่างกายของฉู่หลิวเยว่ในชั่วพริบตา
ฉู่หลิวเยว่หยุดชะงักไปชั่วขณะ
ภายในลมปราณที่แฝงไว้ด้วยพลังนี้ ไม่รู้เพราะเหตุใดนางถึงรู้สึกคุ้นเคยอย่างมาก
เมื่อฉู่หลิวเยว่ตั้งสมาธิกลั้นหายใจ ก็ปรากฏว่าผนึกไม่ได้แหลกสลาย
จากนั้นนางก็รับรู้อย่างละเอียดอีกครั้ง และท้ายที่สุดนางก็มั่นใจแล้วว่าพลังนี้ไม่ได้มาจากพีระมิดนั่น แต่มาจากผลึกที่ปกคลุมด้านนอกของพีระมิดอยู่ต่างหาก
ฉู่หลิวเยว่พลันตกตะลึง
นางเคยเห็นเพียงผนึกที่ใช้กักขังพลัง แต่ไม่เคยเห็นผนึกที่เปล่งพลังออกมาก่อน
อีกทั้งพลังนี้ก็บริสุทธิ์อ่อนโยน…แทบจะค้นพบได้ยากในโลกใบนี้ ถึงแม้ว่าเดิมทีนางจะมีชีพจรเทียนจิงในชีวิตก่อน แต่นางก็ไม่สามารถขัดเกลาพลังที่บริสุทธิ์อ่อนโยนเช่นนี้ได้
แต่ตอนนี้พลังนี้กำลังค่อยๆ แทรกซึมไปทั่วตัวนาง
ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะกลับมามีสติอีกครั้ง
ผนึกบนพีระมิดนี้ทำให้นางอุ่นขึ้นอีกทั้งยังฟื้นฟูร่างกายให้อีกด้วย
หลังจากที่ลองคิดเรื่องนี้อย่างละเอียดแล้ว แม้แต่ฉู่หลิวเยว่เองก็ยังเต็มไปด้วยความหวาดผวา
นี่มัน…เกิดเรื่องสิ่งใดขึ้นที่นี่กันแน่หรือเถ้าแก่ใหญ่ผู้นั้นไม่อยากให้นางเคลื่อนย้ายพีระมิดนี่ จึงทิ้งผนึกนี้คลุมมันไว้?
แต่ตอนนี้…นางจะทำเช่นใดกับพลังที่รั่วไหลออกมาจากสิ่งนี้
ทันใดนั้นก็มีภาพคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นมาในความคิดนาง
มันเป็นด้านหลังของชายผู้หนึ่งที่คลุมผ้าสีดำไว้
แม้จะพร่ามัวแต่ทว่าร่างกายกลับยังคงสูงใหญ่และตั้งตรงเช่นเดิม
ทันใดนั้นหัวใจของฉู่หลิวเยว่เต้นรัว
นางเคยเห็นแผ่นหลังของชายผู้นี้มาก่อน
ชัดเจนว่าเป็นบุรุษที่ปรากฏตัวในสุสานของจักรพรรดิ และเคยปรากฏเป็นภาพลวงตายืนอยู่ในศาลาแปดเหลี่ยมบนหน้าผาสูงชันมาก่อน
เพียงแต่คราวนี้ เขาไม่ได้ยืนอยู่ที่นั่น แต่คล้ายกลับว่า…ยืนอยู่บริเวณส่วนโค้งของทะเลสาบกว้างใหญ่
ฉากนั้นปรากฏขึ้นเร็วมากและก่อนที่ฉู่หลิวเยว่จะมองให้ชัดเจน มันก็ได้เลือนหายไปแล้ว
ฉู่หลิวเยว่ลองคิดทบทวนอีกครั้ง แต่ก็ต้องผิดหวังเมื่อพบว่านางนั้นจำอันใดไม่ได้เลย
ทว่า…อย่างใดก็ตาม ความรู้สึกคุ้นเคยนั้นกลับเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ
ฉู่หลิวเยว่ลืมตาขึ้นด้วยหัวใจที่เต้นกระหน่ำ
สุดท้ายแล้วนางก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง แล้วผลักมันออกด้วยความกระวนกระวายใจ
สายลมยามเย็นที่พัดผ่านทำให้นางได้สติขึ้นมาในทันที และตอนนี้เองนางก็สงสัยมากขึ้นเรื่อยๆ ว่านั่นมันไม่ใช่แค่เพียงภาพลวงตา
ไม่เช่นนั้นแล้ว นางคงไม่มีวันสัมผัสถึงความรู้สึกที่ลึกซึ้งเช่นนั้นอย่างแน่นอน…หรือว่าชายชุดดำผู้นั้นจะเป็นเถ้าแก่ใหญ่ของเจินเป่าเก๋อกัน?
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วมุ่น
หากเป็นเช่นนั้นจริง เหตุใดนางถึงได้มีภาพความทรงจำเกี่ยวกับคนผู้นั้นกัน
นางเกี่ยวปอยผมที่ร่วงมาไว้หลังหู พร้อมคิ้วที่ขมวดอย่างเคร่งขรึม
ราวกับว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง…
ฟรึบ!
ทันใดนั้นก็มีเสียงแปลกๆ ดังมาจากที่ไกลๆ
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นมองในทันที
ในคืนที่มืดมิด นางเห็นเพียงเงาร่างสีดำที่ปรากฏขึ้นภายในลานบ้าน
แสงจันทร์ทำให้เงาของร่างนั้นดูยาวขึ้นอย่างมาก แต่ภายใต้เงาดำมืดฉู่หลิวเยว่กลับไม่อาจมองเห็นรูปร่างหน้าตาของอีกฝ่ายเลย
ต่อมาลมปราณที่น่าหวาดกลัวก็เข้าปกคลุมลานบ้านทั้งหมด
ฉู่หลิวเยว่ตื่นตัวในทันที กล้ามเนื้อทั่วร่างตึงเครียด
คนผู้นี้อันตรายอย่างยิ่ง!
พื้นที่บริเวณรอบๆ ราวกับว่าหยุดนิ่งลง ทุกสรรพเสียงสูญสิ้นทำให้รู้สึกเงียบสงบหน้าหวาดหวั่น และในทันใดนั้น คนผู้นั้นก็ยื่นมือออกไปเกี่ยวนิ้วชี้นางเบาๆ
ภายในใจของฉู่หลิวเยว่เต้นรั่ว
มันเป็นมือที่ถูกไฟไหมอย่างรุนแรง ถึงแม้ว่าจะยื่นออกมาเพียงแค่ครึ่งเดียวของฝ่ามือ แต่ภายใต้แสงจันทร์ ฉู่หลิวเยว่ก็สามารถมองเห็นรอยแผลที่น่าตกใจนั้นได้อย่างชัดเจน และครู่ต่อมาเงาร่างของคนผู้นั้นก็ลอยตัวขึ้นกลางอากาศในพริบตาแล้วมุ่งออกไปไกล
นี้คือต้องการให้นางตามไปหรือ!
มือของฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ กำแน่นเป็นกำปั้น
นางไม่แน่ใจนักว่านี่เป็นการเชื้อเชิญหรือเป็นการยั่วยุกันแน่
แต่ไม่ว่าจะเป็นเช่นใด อีกฝ่ายก็รู้ชัดถึงฐานะของนางแน่นอนอีกทั้งยังมีจุดประสงค์ในการมา และเมื่อเงาร่างของคนผู้นั้นกำลังจะลับหายไปต่อหน้าต่อตา ฉู่หลิวเยว่ก็เห็นว่าคนผู้นั้นหันกลับมาในทันที
ในคราวนี้มือของคนผู้นั้นก็ยื่นออกมาอีกครั้งแล้วทำท่าทางบางอย่าง
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่เบิกกว้างขึ้นทันที
เพราะท่าทางนั้นคือสัญญาณลับที่มีแค่สิบสามผู้พิทักษ์เยว่เท่านั้นถึงจะรู้
…
ณ พระราชวัง ตำหนักโยว่เหอ
ที่นี้คือตำหนักในวังของหรงจิ้น หลังจากพิธีสวมกวาน เขาจึงย้ายออกมายังจวนขององค์รัชทายาทที่อยู่นอกวังหลวงแทนและน้อยครั้งที่จะได้กลับมาที่นี่
ด้วยเหตุนี้ตำหนักโยว่เหอจึงดูเงียบสงัดกว่าที่อื่นอยู่เล็กน้อย อีกทั้งไม่ค่อยมีใครมาบ่อยนัก
อย่างใดก็ตาม ในเวลานี้แทบไม่มีผู้ใดรู้ว่ารัชทายาทหรงจิ้นถูกคุมขังอยู่ที่นี่ และยังมีซือถูซิงเฉินอีกคนที่ถูกคุมขังอยู่กับเขาที่นี่ด้วย
นี่ก็มืดค่ำแล้ว แต่ภายในตำหนักโยว่เหอยังมืดสนิทดูเงียบสงัดเหมือนในอดีต
แต่ภายในยังมีลมหายใจที่รางเลือนซ่อนอยู่ในเงามืด ทำให้รู้ว่าที่นี่ไม่ได้สงบเงียบอย่างที่เห็นภายนอก มีเงาร่างหนึ่งแอบซ่อนเข้ามาอย่างเงียบเชียบ
เขาเข้าไปในห้องโถงแล้วเดินตรงไปยังชั้นหนังสือ ก่อนจะยกมือขึ้นเพื่อหมุนแท่นฝนหมึกที่อยู่ด้านบน
ครืด!
เสียงเคลื่อนตัวของบางอย่างดังออกมา
ใต้ชั้นหนังสือแผ่นหินหยกที่เรียบลื่นก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากกัน
แล้วก็ปรากฏทางเดินแคบๆ ขึ้นตรงหน้า
ภายใต้แสงจันทร์ เขาสามารถเห็นได้ลางๆ ว่าภายในนั้นเป็นขั้นบันได
คนผู้นั้นเดินลงไปอย่างไม่ลังเลหลังจากที่แผ่นหลังของเขาหายไป แผ่นหินหยกก็ปิดลงอีกครั้ง
แล้วทั้งห้องก็เงียบสงบลงราวกับไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
…
ในใจของฉู่หลิวเยว่เหมือนเกิดคลื่นที่น่าหวาดหวั่นขึ้น
สิบสามผู้พิทักษ์เยว่เป็นองครักษ์ของนางเอง ในปีนั้นนางได้สร้างมันขึ้นมาด้วยตัวเอง ทั้งสิบสามคนนั้น ทุกคนล้วนถูกนางคัดเลือกและฝึกฝนด้วยตนเอง
ซึ่งแตกต่างจากมู่ชิงเห่อที่ควบคุมกองกำลังทหาร สิบสามผู้พิทักษ์เยว่ไม่มีความเกี่ยวข้องใดใดกับกองกำลังของราชวงศ์
พวกเขาเป็นเหมือนอาวุธลับของนางเสียมากกว่า และไม่ว่านางจะชี้ไปที่ใด พวกเขาก็พร้อมที่จะกวาดล้างขวากหนามทุกอย่างให้นาง และที่สำคัญที่สุดคือนางเป็นประมุขโดยตรงเพียงผู้เดียวของพวกเขา
ไม่ว่าจะเมื่อใด ที่ใด และสถานการณ์ใดก็ตาม พวกเขาล้วนเชื่อฟังคำสั่งของนางผู้เดียวเท่านั้น
แม้แต่ท่านพ่อเองก็ไม่มีสิทธิที่จะยื่นมือเข้ามายุ่ง
ในตอนแรกที่นางตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่ สิบสามผู้พิทักษ์เยว่ไม่ได้อยู่กับนาง และสัญญาณขอความช่วยเหลือทั้งหมดเองก็จมอยู่ใต้มหาสุมทร
จนกระทั่งนางเสียชีวิตก็ไม่เคยพบพวกเขาอีกเลยสักคน
หลังจากที่นางพบกับมู่ชิงเห่อ นางก็ลองคาดเดาอยู่ในใจว่าสิบสามผู้พิทักษ์เยว่นั้นทรยศนางในเวลานั้นหรือไม่
นางไม่กล้าที่จะคิดทบทวนเรื่องนี้
เมื่อใดก็ตามที่คิดถึงเรื่องนี้ ก็เหมือนกับว่านางกระโดดข้ามมันไปโดยธรรมชาติ ราวกับว่าจิตสำนึกนางต้องการหลบหลีกบางสิ่งอยู่
ดังนั้นสวรรค์ก็รู้ว่านางตกใจแค่ไหนที่เห็นสัญญาณมือที่คุ้นเคยเช่นนั้นที่นี่ในตอนนี้
ร่างกายทั้งหมดของฉู่หลิวเยว่เหมือนถูกแช่แข็ง ทั้งเลือดในร่างเองก็หยุดไหล มีเพียงแค่หัวใจเท่านั้นที่ยังคงเต้นรัวอย่าบ้าคลั่ง
ตึกตัก ตึกตัก!
แทบจะเด้งออกจากอกของนาง
การคาดเดามากมายไม่นับไม่ถ้วนวาบผ่านความคิดของนาง
แต่อย่างใดก็ตาม ในขณะที่นางกำลังจะเอ่ยปากไต่ถาม คนผู้นั้นกลับหลุมกายและจากไปแล้ว
ฉู่หลิวเยว่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอย่างขัดเคืองใจ ก่อนจะกระโดดออกจากบานหน้าต่างติดตามคนผู้นั้นไป!