ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 434 คลาดแคล้ว
ตอนที่ 434 คลาดแคล้ว [รีไรท์]
ทั้งราชวงศ์เทียนลิ่ง มีเพียงนางคนเดียวเท่านั้นที่มีไก่ฟ้าเก้าสี!
องครักษ์สือซานเยว่ติดตามนางมานานหลายปี คงจำไม่ผิดแน่นอน!
“เป็นเพราะขนเส้นนั้นเส้นเดียว บ่าวอย่างเราจึงเชื่อคำพูดในที่อยู่บนจดหมายฉบับนั้น มิหนำซ้ำ…ตั้งแต่ตอนนั้น พวกกระหม่อมก็นึกว่าท่านยังมีชีวิตอยู่มาโดยตลอด”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มอย่างขมขื่น
ถ้าจะบอกว่านางตายแล้ว นางก็ยังอยู่ตรงนี้
แต่ถ้าจะบอกว่านางยังมีชีวิตอยู่ นางก็เพิ่งจะฟื้นเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้
“ฉะนั้น หลังจากที่ออกจากดินแดนสวรรค์แล้ว พวกเราต่างก็แยกย้ายกันและพากันตามหาที่อยู่ของท่าน แต่ครั้งนี้ เป็นเพราะกระหม่อมได้ทราบข่าวบางอย่างมา จึงเกิดความรู้สึกสงสัยในตัวตนของท่านขึ้นมา”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าด้วยความเข้าใจ
“ฉะนั้นที่เจ้ามาเมื่อครู่นี้ ก็เพื่อตั้งใจแสดงท่าทางนั้นออกมารึ?
“ใช่แล้วขอรับ!”
“เจ้ามั่นใจว่าเป็นข้าขนาดนั้นเชียวรึ?”
เห็นท่าทางที่มั่นใจของชีหานแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็อดหัวเราะไม่ได้
ชีหานเอ่ยปากด้วยความสัตย์จริง
“กระหม่อมได้ยินว่ามู่ชิงเห่ออยู่ที่นี่ จึงตั้งใจตามมา”
รอยยิ้มของฉู่หลิวเยว่เจื่อนลงทันที
“ทีแรก กระหม่อมเพียงแค่อยากรู้ว่าเหตุใดเขาถึงอยู่ที่นี่เป็นเวลานานถึงเพียงนี้ ต่อมาจึงได้รู้ว่า มีบางอย่างผิดปกติ จึงเริ่มแอบออกตามหาท่าน”
ตอนที่ชีหานพูดนั้นดูเหมือนง่ายมาก แต่ที่จริงแล้วเขาได้เตรียมการเป็นอย่างดีแล้วจึงค่อยมาที่นี่
ก่อนที่จะมา ในใจของเขาก็มีความมั่นใจกว่าร้อยละแปดถึงเก้าสิบแล้ว
ไม่ว่าจะเป็นพรสวรรค์ในการเป็นปรมาจารย์ทั้งสามด้านที่น่าทึ่ง หรือสายตาที่คล้ายคลึงกันมาก ต่างทำให้เขาอดคิดมากไม่ได้
แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือ…
“โดยเฉพาะวันนั้นที่เห็นท่านให้ของขวัญกับปีศาจแดง ท่าทางของปีศาจแดงก็ดูสนิทสนมคุ้นเคยกับท่านมาก กระหม่อมจึงมั่นใจในการคาดเดาของตัวเองทันที”
ฉู่หลิวเยว่นิ่งไป
“เจ้ารู้ทั้งหมดเลยรึ?”
ชีหานพยักหน้าด้วยความสัตย์จริง
ฉู่หลิวเยว่ถึงกับเงียบไป
นางไม่ทันได้สังเกตเห็นเลยสักนิด!
ถึงแม้ว่าตอนนี้ความสามารถของนางจะสู้เมื่อก่อนไม่ได้แล้ว แต่ถ้าพูดถึงความฉลาดและพลังการตอบโต้ของนางก็ยังคงใช้ได้อยู่เหมือนเดิม และที่ชีหานแอบสังเกตนางมานานถึงเพียงนี้ นางกลับไม่รู้ตัวเลยสักนิด!
เงียบไปสักพัก ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็ค่อยๆ เอ่ยปาก
“ไม่เจอกันนานถึงปีกว่า นิสัยหลบๆ ซ่อนๆ ของเจ้าเก่งกล้าขึ้นไม่น้อยเลยนะ…”
แล้วแก้มข้างหนึ่งที่ไม่ถูกไฟลวกก็แดงขึ้นมาทันที
“สนมจักรพรรดิชมกระหม่อมเกินไปแล้ว! ชีหานยังต้องพัฒนาอีกมาก!”
ฉู่หลิวเยว่เงียบไปทันที
เจ้าเด็กคนนี้ยังคิดว่ากำลังชมเขาอยู่อีก!
แต่เมื่อเห็นใบหน้าข้างที่เป็นแผลเป็นเขาแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกปวดใจขึ้นมาอีกครั้ง
ถ้าทุกอย่างยังราบรื่นดี…
“แผลเป็นนี้ของเจ้า…มีวิธีที่จะเอาออกหรือไม่?”
ชีหานนิ่งไปสักพัก ราวกับไม่นึกว่าจู่ๆนางจะเปลี่ยนเรื่อง จึงจับไปที่ใบหน้าของตัวเองพลางเอ่ยปาก
“ที่จริงแล้วแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน หลายคนจะได้ไม่รู้ตัวตนของกระหม่อม เวลาทำงานก็สะดวกมากเช่นกัน”
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็เหมือนคิดอันใดบางอย่างออก
“เดี๋ยวก่อน! หรือ…เป็นเพราะเหตุการณ์เพลิงไหม้ในตอนนั้น เป็นเพราะข้า…”
ตอนนั้นนางเสียใจมาก จึงเลือกที่จะจุดไฟเผาตัวเอง อยากจะตายไปพร้อมกับเจียงอวี่เฉิงและซั่งกวนเยว่ด้วย นางจึงปล่อยวางพลังทั้งหมดในร่างกายของนางและจุดไฟเผาทันที
เปลวไฟและพลังข่มขู่ที่เกิดจากชีพจรเทียนจิงจะน่ากลัวสักเพียงใด?
ถ้าไม่อย่างงั้น ก็คงไม่โจมตีสองคนนั้นรุนแรงถึงเพียงนั้น
เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าจะลุกลามไปถึงชีหานด้วย…
รอยแผลเป็นเช่นนี้ ถ้าใช้สมุนไพรธรรมดาคงไม่ได้ผล เพราะข้างในนั้นต้องมีพลังของชีพจรเทียนจิงอยู่แน่นอน
ถ้านางสามารถฟื้นฟู่ชีพจรเทียนจิงได้ นางคงสามารถจัดการปัญหาได้อย่างงายดายแล้ว…
ฉู่หลิวเยว่นวดหว่างคิ้วของตัวเอง
“เอาล่ะ ถ้าพูดเรื่องนี้จบแล้ว ก็บอกมาเถิดว่าใครเป็นคนบอกข่าวของซือถูซิงเฉินกับเจ้า แล้วใครเป็นคนส่งเจ้ามา?”
ชีหานตัวแข็งทื่อไปทันที!
…
ทางฝั่งพระราชวังจักรพรรดิในตอนนี้
พระราชวังโย่วเหอถูกเปลวไฟสีน้ำเงินครอบงำเอาไว้แล้ว แสงเปลวไฟสะท้อนไปยังท้องฟ้า ทำให้ท้องฟ้ายามค่ำคืนเกือบครึ่งหนึ่งสว่างไสวขึ้น!
ผู้คุ้มกันที่แข็งแกร่งและอยู่ข้างนอกต่างกำลังพยายามเข้าไปข้างใน!
แต่ผงหลินเซียงนี้ทำให้เปลวไฟลุกโชนขึ้น ถ้าใช้น้ำธรรมดาคงไม่ได้ผลอันใด!
เมื่อเห็นว่าไฟกำลังลุกโชนรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนก็ยิ่งกระวนกระวายกว่าเดิมทันที
จักรพรรดิจยาเหวินก็ยืนอยู่ข้างๆ และไม่ว่าทุกคนจะพูดอย่างใดก็ไม่ยอมออกไป
เปลวไฟที่ร้อนระอุลูกนั้นกำลังสะท้อนมาบนใบหน้าของเขา ทำให้สีหน้าของเขามืดมนยิ่งขึ้นไปอีก!
“ฝ่าบาท ท่านอย่าเพิ่งกังวลไป พระราชวังโย่วเหอได้ใช้ค่ายกลป้องกันเอาไว้แล้ว อีกอย่างยังมีการป้องกัน เคร่งครัดด้วย! ไม่ว่าใครที่จะออกมาจากข้างใน ก็คงไม่สามารถหนีไปอย่างราบรื่นได้แน่นอน!”
จากนั้นก็มีเสียงขอร้องอ้อนวอนของฉู่หนิงดังขึ้น
จักรพรรดิจยาเหวินยืนเอามือไขว้หลังโดยไม่พูดไม่จา และเอาแต่จ้องพระราชวังโย่วเหออยู่อย่างนั้น
ไม่มีใครรู้ว่าเขากำลังกังวลเรื่องอันใดอยู่กันแน่
ฉู่หนิงเห็นแบบนั้นแล้วจึงไม่ได้พูดอันใดอีก ก่อนจะเดินเข้าไปอยู่ข้างหน้าสุด พร้อมพาเหล่าทหารคุ้มกันมาเป็นกำลังเสริมในการป้องกันด้วย
และทันใดนั้นเอง ในที่สุดผู้อาวุโสจงเยี่ยก็สามารถข้ามเปลวไฟนั้นไปได้แล้วพุ่งเข้าไปในพระราชวังทันที!
เขาเพิ่งจะเข้าไป ก็เห็นว่ามีคนๆหนึ่งอยู่ใต้ดินตรงที่ไม่ไกล!
นั่นก็คือซือถูซิงเฉิน!
ผู้อาวุโสจงเยี่ยดีใจ และรีบพุ่งตรงเข้าไปทันที
“ซิงเฉิน!”
ซือถูซิงเฉินได้ยินเสียงที่คุ้นเคยจึงเงยหน้ามองทันที
“ผู้อาวุโสจงเยี่ย!”
เมื่อผู้อาวุโสจงเยี่ยเห็นคราบเลือดบนใบหน้าและตัวของนางแล้ว สีหน้าก็เปลี่ยนไปทันที
“เกิดอันใดขึ้นกับเจ้า!?”
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ เขาถึงจะเห็นว่าซือถูซิงเฉินไม่เพียงแต่โดนขังเอาไว้เท่านั้น ที่ไหล่และข้อเท้ายังบาดเจ็บอีกด้วย!
ตอนนั้น แม้แต่เดินปกตินางก็ยังทำไม่ได้ด้วยซ้ำ!
ซือถูซิงเฉินตาแดง พร้อมกับสายตาที่เต็มไปด้วยความอาฆาตแค้น
“คือ…คือฉู่หลิวเยว่! นางเป็นคนแย่งของของข้าไป แล้วยังทำร้ายข้าจนบาดเจ็บด้วย! ผู้อาวุโสจงเยี่ย ท่านต้องแก้แค้นให้ข้านะ!”
ผู้อาวุโสจงเยี่ยเอ็นดูนางมาก จึงรีบเอ่ยปาก
“เจ้าวางใจเถิด!ถ้าออกไปแล้ว ข้าจะไม่ปล่อยนางไว้แน่นอน!”
ซือถูซิงเฉินถึงกับอึ้ง ก่อนจะจับไหล่ของเขาเอาไว้
“ไม่! ไม่จริง! เมื่อครู่นี้นางเพิ่งจะมาจากข้างล่าง ท่านต้องเจอนางสิ!”