ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 436 เขาทรยศข้าหรือไม่
ตอนที่ 436 เขาทรยศข้าหรือไม่ [รีไรท์]
ชีหานรู้ว่าถึงอย่างใดก็ไม่สามารถปิดบังได้ จึงครุ่นคิดไปมา และในที่สุดก็เอ่ยปาก
“สนมจักรพรรดิ ข่าวนี้ถูกส่งมาจากเจินเป่าเก๋อ”
ฉู่หลิวเยว่นิ่งไป
“คุณชายรองเหยียน?”
ชีหานพยักหน้าแล้วส่ายหน้ารัว
ฉู่หลิวเยว่เข้าใจทันที
“คุณชายรองเหยียนแห่งเจินเป่าเก๋อเป็นคนส่งข่าวรึ?”
แววตาของชีหานดูประหลาดใจ แต่ไม่คิดว่านางจะเดาได้เร็วถึงเพียงนี้
แต่สนมจักรพรรดิเป็นคนฉลาดอยู่แล้ว สามารถนึกเรื่องนี้ออกก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด…
“ก่อนหน้านี้กระหม่อมเคยไปซื้อสมุนไพรที่เจินเป่าเก๋อมาก่อนต่อมาก็เห็นจดหมายฉบับหนึ่งอยู่ในกล่องที่พวกเขาส่งมา และบนจดหมายฉบับนั้น…”
ฉู่หลิวเยว่เข้าใจดี
ที่จริงแล้วเป็นเช่นนี้นี่เอง
ถ้าเป็นคนคนนั้น ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอันใด
ชายผู้นี้มีต้นกำเนิดที่ลึกลับ มือและดวงตาของเขาสูงเสียดฟ้า สุสานของจักรพรรดิแห่งแคว้นเย่าเฉินเกือบทั้งหมดอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา นับประสาอันใดกับคนอื่น?
เพียงแต่…ที่เขาตั้งใจบอกเรื่องเหล่านี้กับชีหาน ก็แสดงว่าเขารู้ตัวตนของนางอย่างถ่องแท้ตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่รึ?
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยปากถาม “แล้วจดหมายฉบับนั้นล่ะ?”
ชีหานเอ่ยปาก “จดหมายฉบับนั้นถูกกำจัดอย่างพิเศษ หลังจากที่กระหม่อมเปิดอ่านแล้วจึงเผามันทิ้งด้วยตัวเองทันที”
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกเสียดายเล็กน้อย
อีกฝ่ายระมัดระวังเป็นพิเศษ และไม่ให้เปิดเผยแม้แต่เพียงเสี้ยวเดียว
ชีหานมองนางด้วยความหวาดระแวง
“สนมจักรพรรดิขอรับ ก่อนหน้านี้ที่กระหม่อมไม่ได้พูด ก็เพราะไม่อยากให้ท่านเป็นกังวล…เดิมทีกระหม่อมคิดว่าจะสืบหาตัวตนของชายผู้นั้นเสียก่อนแล้วจึงค่อยบอกท่าน”
ในโลกใบนี้นอกจากสือซานเยว่แล้ว ก็มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้ตัวตนที่แท้จริงของสนมจักรพรรดิ!
ยิ่งไปกว่านั้นคือเขายังรู้ก่อนพวกเขาเสียอีก!
หลังจากชีหานรู้ข่าวแล้ว จิตใจก็รู้สึกสับสนทันที
ด้านหนึ่ง เขาก็ดีใจและตื่นเต้นที่ฉู่หลิวเยว่อาจจะเป็นสนมจักรพรรดิ!
แต่อีกด้านหนึ่ง เขาก็กังวลว่าอีกฝ่ายจะใช้เรื่องนี้ในการทำร้ายสนมจักรพรรดิ
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดสักพัก ก่อนจะเอ่ยปากด้วยความใจเย็นพลางส่ายหน้า
“เจ้าอยากสืบหาตัวตนของเขารึ? ข้าเกรงว่าจะยากไปหน่อย อีกอย่าง…เขาก็รู้แล้ว อีกทั้งยังบอกเจ้าด้วยเลย ถ้างั้นก็คงไม่มีอันใดต้องกังวลแล้ว”
เขาช่วยเหลือตัวเองมาหลายต่อหลายครั้ง ถ้าอยากจะเผชิญหน้ากับเขา เหตุใดต้องเสียเวลาถึงเพียงนี้ด้วย?
“ความสามารถและเบื้องหลังของชายผู้นั้นแข็งแกร่งมาก ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป เจ้าห้ามเสียเวลาและเสียแรงไปสืบหาตัวตนของเขาอีก”
ชีหานรู้สึกตกใจ
ชายผู้นั้นคือใครกันแน่ ถึงทำให้สนมจักรพรรดิหึงหวงได้ถึงเพียงนี้?
อีกอย่าง…ฟังน้ำเสียงของสนมจักรพรรดิแล้วก็เหมือนกับสนิทสนมและคุ้นเคยกับคนๆ นั้นด้วย?
“องค์สนมรู้จักชายผู้นั้นรึ?”
“ไม่รู้จัก”
ฉู่หลิวเยว่ตอบอย่างห้วนๆ
ที่จริงแล้วนางอยากจะรู้ตัวตนของคนๆ นี้ยิ่งกว่าใครๆ เสียอีก แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่อยากจะให้นางรู้ แล้วเหตุใดนางถึงต้องเสียเวลาด้วย?
ถ้าถึงเวลาต้องรู้ ก็จะรู้เอง
ฉู่หลิวเยว่พูดแล้ว แน่นอนว่าชีหานก็ต้องทำตาม
“ตอนนี้พวกสือซานเยว่คนอื่นๆ อยู่ที่ใดรึ? พวกเขารู้เรื่องของข้า…หรือไม่?
“พวกเขาไม่ได้อยู่ในแคว้นเย่าเฉิน พวกกระหม่อมเองก็ติดต่อมาโดยตลอด แต่…ข่าวที่เกี่ยวข้องกับท่านนั้น ข้าไม่ได้บอกกับพวกเขามาก่อน
ก่อนหน้านี้ที่ยังไม่ได้มั่นใจในตัวตนขององค์สนม เขาก็คงไม่เปิดเผยมันเองแน่นอน
ฉู่หลิวเยว่แสยะยิ้มเม้มปาก
“ทำได้ดี ความระมัดระวังของเจ้าก็ยังคงมีอยู่เหมือนเดิม”
วันนี้นางได้เจอกับชีหานที่พึ่งสุดท้าย
สือซานเยว่ยังคงซื่อสัตย์ต่อนางอยู่เหมือนเดิม สำหรับนางแล้วนี่ถือเป็นการช่วยเหลือที่ยิ่งใหญ่ แต่สำหรับเรื่องตัวตนของนางนั้น คนยิ่งรู้น้อยก็ยิ่งดี
“อย่าเพิ่งให้พวกเขารู้เรื่องนี้ ถ้าถึงเวลาแล้ว ข้าจะเป็นคนบอกพวกเขาเอง”
ชีหานเอ่ยปากทันที
“รับทราบขอรับองค์สนม!”
เมื่อเรื่องราวเหล่านี้ผ่านไปแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
“ปัญหาสุดท้าย”
นิ้วมือที่เรียวเล็กของนางเคาะไปที่โต๊ะเบาๆ จากนั้นก็ถามอย่างชัดถ้อยชัดคำ
“มู่ชิงเห่อ…ได้ทรยศข้าหรือไม่?”
…
“จงเยี่ย เจ้ากับข้ารู้จักกันดี เรามาพูดกันอย่างตรงไปตรงมาเถอะ”
ภายในพระราชวังนั้น ผู้อาวุโสจงเยี่ยและซือถูซิงเฉินต่างก็ถูกขังอยู่ในกรงขนนกสีขาวโดยไม่สามารถขยับตัวได้แม้แต่นิดเดียว
ผู้อาวุโสเยี่ยยืนอยู่ตรงหน้าของทั้งคู่ ก่อนจะมองพวกเขาด้วยตั้งแต่หัวจรดเท้า
โดยมีจักรพรรดิจยาเหวินก็ยืนอยู่ข้างๆ
นอกจากนั้นก็ไม่มีใครอีกแล้ว
ผู้อาวุโสจงเยี่ยไม่พูดไม่จาสักคำ ส่วนซือถูซิงเฉินก็สลบไปเพราะเสียเลือดมากเกินไป
“ตามกฎของเทียนซานหมิงเยว่แล้ว ข้ารู้ทุกอย่าง ถ้าวันนี้เจ้าส่งข่าวที่เกิดขึ้นในแคว้นเย่าเฉินกลับไป…เกรงว่าจะไม่ค่อยดีนัก? เอ๊ะ?”
บนใบหน้าของเยี่ยจือถิงยังคงยิ้มอย่างกรุ้มกริ่ม จากนั้นคำพูดที่พูดออกมานั้น กลับมีเสียง”ซ่า” ดังขึ้นที่เหงื่อบนหลังของผู้อาวุโสจงเยี่ย
ถึงแม้ว่าเทียนซานหมิงเยว่จะรับศิษย์เหมือนกันกับลัทธิอื่นๆ แต่กลับมีข้อกำหนดว่า… ห้ามใครเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในแคว้นของผู้อื่นโดยเด็ดขาด!
ผู้อาวุโสจงเยี่ยกำลังกระทำความผิดครั้งใหญ่อยู่!
ไม่ต้องพูดถึงการลงโทษ เพราะเขาอาจจะถูกไล่ออกจากเทียนซานหมิงเยว่ก็เป็นได้!
“เยี่ยจือถิง! เจ้าคิดจะทำอันใดกันแน่!?”
“นี่ คำพูดนี้ดูเหมือนว่าข้าต้องเป็นคนถามเจ้ามากกว่าไม่ใช่รึ? เจ้าอุตส่าห์เดินทางไกลหลายพันกิโลและเวลากว่าครึ่งค่อนวัน เพื่อมาบุกรุกพระราชวังโย่วเหอ แถมยังจะพาคนออกไปอีก ฟังดูแล้ว…ทั้งหมดก็เป็นความผิดของเจ้าไม่ใช่รึ!?”
“ผิดแล้วล่ะ! ซิงเฉินเป็นองค์หญิงของแคว้นซิงหลัว พวกเจ้าเอานางมากักขังหน่วงเหนี่ยวเช่นนี้ เป็นสิ่งที่ไม่ควรแต่แรกอยู่แล้ว!”
เมื่อพูดถึงตรงนี้แล้ว ผู้อาวุโสจงเยี่ยก็ยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่
“พวกเจ้าทรมานนางประหนึ่งไม่ใช่คน แถมยังจะโยนความผิดมาให้ข้าอีก!? พวกเจ้ามันไร้มนุษยธรรมเกินไปแล้ว!”
“เห้อ…พูดแบบนี้ก็ไม่ถูก เมื่อครู่นี้พวกเจ้าก็เผาพระราชวังโย่วเหอด้วยไม่ใช่รึ?
ถ้าอยากจะให้เปลวไฟที่ลุกโชนมอดไป ก็ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าไหร่!
วังที่อยู่ข้างๆ ก็ถูกลุกลามเช่นกัน
ผู้อาวุโสจงเยี่ยโมโหจนตัวสั่นเทา
“ข้าไม่ได้เป็นคนจุดไฟนั้น!”
ผู้อาวุโสเยี่ยนิ่งไป
“จะไม่ใช่ได้อย่างใด? เจ้าไม่ได้คิดจะจุดไฟแล้วอาศัยช่วงชุลมุนหนีไปหรอกรึ?”
“เหตุใดข้าต้องใช้วิธีที่ขี้ขลาดเช่นนั้นด้วย! ถ้าไม่ใช่เพราะไฟลูกนั้น ข้าคงพาซือถูซิงเฉินออกมาได้ตั้งนานแล้ว คงจะไม่มีโอกาสให้ท่านมาพูดปาวๆ อยู่แบบนี้หรอก!?”
เห็นผู้อาวุโสจงเยี่ยโมโหแล้ว ในใจของเยี่ยจือถึงก็มีความสงสัยเกิดขึ้น ก่อนจะสบตากับจักรพรรดิจยาเหวินหนึ่งที
หรือว่าจะไม่ใช่เขาจริงๆ?
“ข้าขอบอกกับพวกเจ้าว่าวันนี้มีคนๆ หนึ่งที่เข้าไปในพระราชวังโย่วเหอก่อนหน้าข้า! อีกทั้งยังลงไม้ลงมือกับซิงเฉินด้วย! ทำให้ไหล่และข้อเท้าของนางหัก!”
ผู้อาวุโสจงเยี่ยได้ยินก็ขมวดคิ้ว ก่อนจะมองซือถูซิงเฉินที่เป็นลมอยู่ตรงหน้าอย่างละเอียด
บาดแผลนี้…ไม่ใช่ฝีมือของจักรพรรดิจยาเหวิน?
จักรพรรดิจยาเหวินรู้สึกถึงความผิดปกติ จึงเดินเข้าไปแล้วจ้องผู้อาวุโสจงเยี่ยเอาไว้
“คือใคร!?”
ผู้อาวุโสจงเยี่ยแสยะยิ้ม
“คนคนนี้ พวกเจ้าก็รู้จักเช่นกัน…นางก็คือฉู่หลิวเยว่!”
“เป็นไปไม่ได้!”
ผู้อาวุโสเยี่ยยืนยันโดยไม่ทันได้คิด
เรื่องนี้จะเป็นฝีมือของลูกศิษย์หัวแก้วหัวแหวนของเขาได้อย่างใด?!
“เป็นไปได้อย่างใด!? นี่เป็นคำพูดที่ซือถูซิงเฉินพูดเอง! เยี่ยจือถิง ฉู่หลิวเยว่เป็นลูกศิษย์ของเจ้าใช่หรือไม่? วันนี้ที่นางสามารถเข้าและออกไปได้อย่างราบรื่นก็เป็นเพราะมีเจ้าคอยให้ความช่วยเหลือใช่หรือไม่!?”
“โกหก!” เยี่ยจือถิงตะโกนด้วยความโมโห “คำพูดของซือถูซิงเฉินสามารถเชื่อได้รึ?! นางกับลูกศิษย์ของข้ามีเรื่องบาดหมางกันมาตั้งแต่แรกแล้ว ก็ได้โอกาสที่นางจะต้องใส่ร้ายแล้วแน่นอน!”
ผู้อาวุโสจงเยี่ยพึงถึงกับหัวเราะพลางมองไปยังจักรพรรดิจยาเหวิน
“ซิงเฉินยังบอกอีกว่าฉู่หลิวเยว่แย่งสิ่งของอย่างหนึ่งไปจากนาง! จะเชื่อหรือไม่นั้น…ก็สุดแล้วแต่พวกเจ้า!”