ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 439 โทษฐาน
ตอนที่ 439 โทษฐาน [รีไรท์]
ที่จริงแล้วเขาก็ไม่ได้มาด้วยความเต็มใจ
ฉู่หลิวเยว่เป็นลูกศิษย์เพียงคนเดียวของเขา และเกือบจะเป็นลูกก็ว่าได้ เหตุใดถึงยังมาถามอีก?
แต่ถ้าไม่ถาม ก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายกับจักรพรรดิจยาเหวินได้อย่างใด
คิดไปคิดมาแล้ว ให้เขามาคงจะเหมาะสมที่สุดแล้ว
ผู้อาวุโสเยี่ยกระแอม
“เด็กน้อย เมื่อคืนนี้…เจ้าอยู่ที่ใด?”
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตา
“แน่นอนว่าข้าก็อยู่ที่บ้านอยู่แล้ว ถ้าไม่อย่างงั้นข้าจะไปอยู่ที่ใดได้เล่า?”
ผู้อาวุโสเยี่ยพิจารณาสีหน้าของนางอย่างตั้งใจ
เขาอยากจะรู้มาโดยตลอดว่าฉู่หลิวเยว่นั้นแข็งแกร่งกว่าที่นางได้แสดงออกมาให้เห็นอยู่มาก
อย่างน้อยๆ ในแง่ของการกลั่นยา ก็ยังอยู่ในระดับที่เท่ากับเขาแล้ว!
เขารู้ดีว่าบนตัวของเด็กน้อยคนนี้ซ่อนความลับเอาไว้มากมาย
แต่เขาไม่ได้อยากจะสงสัยนางเช่นนั้น
“เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นในพระราชวังเมื่อคืนนี้ เจ้าคงจะรู้ใช่หรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า ก่อนจะยิ้มออกมา
“ไฟลุกใหญ่ถึงเพียงนั้น ไม่อยากจะรู้ก็ยากแล้วล่ะท่านอาจารย์”
ผู้อาวุโสเยี่ยคิดไปคิดมาและในที่สุดก็ถามออกมาตรงๆ ทันที
“สรุปแล้วเรื่องเมื่อคืนนี้ เกี่ยวข้องกับเจ้าหรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตา
“ท่านกำลังพูดถึงเรื่องอันใดอยู่รึ?”
ผู้อาวุโสเยี่ยจ้องนางตาเขม็ง ผ่านไปสักพัก ในที่สุดก็อดที่จะตบที่ไปหน้าขาไม่ได้!
“ข้าว่าแล้วว่าซือถูซิงเฉินต้องจงใจใส่ร้ายเจ้าแน่นอน! เจ้าบอกมาว่ามันเกิดอันใดขึ้นกันแน่ เหตุใดนางถึงต้องทำกับเจ้าถึงตายเช่นนี้!?
ฉู่หลิวเยว่เงียบไป
ถึงแม้จะรู้ว่าผู้อาวุโสเยี่ยต้องเข้าข้างนาง แต่การโจ่งแจ้งเช่นนี้มันดูเกินไปหน่อย…
ฉู่หลิวเยว่กระแอมเบาๆ
“เรื่องนี้พูดแล้วมันยาวไปหน่อย…”
“เรื่องมันยาวก็พูดให้มันกระชับก็พอ!” เพราะเขายังต้องกลับไปปรึกษาหารือกับจักรพรรดิจยา
เหวินด้วย!
“งั้นรึ”
ฉู่หลิวเยว่ยักไหล่
“นางรู้สึกว่าข้าแย่งผู้ชายของนางไป”
“…”
สีหน้าของผู้อาวุโสเยี่ยเปลี่ยนไปทันที และยังดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่อธิบายได้ยากด้วย
“หรงซิว!?”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
เมื่อวานตอนกลางคืนซือถูซิงเฉินเป็นคนบอกกับนางเอง จะไม่ใช่ได้อย่างใด?
ผู้อาวุโสเยี่ยถึงกับก้าวถอยหลังและสำรวจตัวของฉู่หลิวเยว่หนึ่งรอบ
“ท่านอาจารย์ ท่านมองอันใดรึ?”ฉู่หลิวเยว่ถามด้วยความแปลกใจ
ผู้อาวุโสเยี่ยหัวเราะดังเหอะๆ
“ไม่แปลก! ไม่แปลกจริงๆ! ที่ซือถูซิงเฉินอยากจะลากเจ้าลงน้ำมาตลอดก็เพราะเหตุผลนี้นี่เอง!”
หางตาของฉู่หลิวเยว่กระตุก
ไม่รู้เหตุใด นางถึงรู้สึกเหมือนได้ยินคำพูดที่ภาคภูมิใจอย่างใด…
“เอาล่ะ! ท่านอาจารย์รู้หมดแล้ว! เจ้าก็ฝึกฝนอยู่ที่บ้านให้ดีๆ ก็พอแล้ว! ไม่ต้องสนใจเรื่องอื่นแล้ว!”
ผู้อาวุโสเยี่ยพูดแล้วก็กำลังจะเดินจากไป
ทันใดนั้นเขาก็หันกลับมาถามอีกครั้ง
“ใช่แล้ว มู่ชิงเห่อบอกกับเจ้าแล้วหรือยังว่าจะไปเมื่อไหร่?”
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่ขยับเล็กน้อย แต่นางก็รีบระงับความตื่นตูม ก่อนจะส่ายหัวเบาๆ
“ยังไม่ได้บอก แต่…คงจะใกล้แล้ว”
ระหว่างการเดินทางไปยังสุสานของจักรพรรดิ มู่ชิงเห่อไม่พบอันใดเลยและคงจะไม่อยู่นานกว่านี้แน่นอน
ผู้อาวุโสเยี่ยพยักหน้า ท่าทางของเขาจริงจังขึ้นมาก ก่อนจะกล่าวว่า
“มันเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ไปยังราชวงศ์เทียนลิ่ง เจ้าต้องคว้ามันเอาไว้ แต่…”
คำพูดที่เหลือติดอยู่ในลำคอ ผู้อาวุโสเยี่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดก็กลืนมันเข้าไป
“ถ้าจะไปแล้วก็อย่าลืมมาบอกกับอาจารย์ล่วงหน้าก่อนล่ะ”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
…
วันนี้เป็นคืนพิธีศพของจักรพรรดินี
เดิมทีทุกอย่างได้จัดเตรียมเสร็จเรียบร้อยแล้ว แต่พระราชวังโย่วเหอถูกเผาไหม้เช่นนั้น ทำให้ทุกคนพากันตื่นตระหนก
แม้ว่าจักรพรรดิจยาเหวินจะโศกเศร้ามาก แต่ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจที่จะจัดพิธีศพของจักรพรรดินีให้เรียบง่าย
สุดท้ายก็ทำตามกฎเกณฑ์ของนางสนมของจักรพรรดิเท่านั้น
จักรพรรดิจยาเหวินล้มป่วยเพราะความกังวลมากเกินไปและไม่สามารถเข้าร่วมงานศพของจักรพรรดินีได้
และหรงจิ้นที่ถูกโจมตีอย่างต่อเนื่อง และด้วยความที่เขาป่วยจนลุกไม่ได้ แม้แต่ประตูตำหนักขององค์รัชทายาทเขาก็ยังไม่ยอมออกเลยด้วยซ้ำ
และตอนนี้ป้ายที่อยู่ข้างบนนั้นก็ถูกปลดลงมาและไม่สามารถบอกได้ว่าเป็นตำหนักขององค์รัชทายาทอีกต่อไปแล้ว
และสุดท้ายแล้ว ก็เหลือเพียงหรงฉีและหรงเจินเท่านั้นที่ไปเข้าร่วมด้วย
แต่สองคนนี้ หนึ่งในนั้นก็ทำตัวเป็นลูกผู้ลากมากดีมาหลายปีแล้ว ไม่มีอำนาจใดๆ ส่วนอีกคนก็หยวนตันแตกสลาย และกลายเป็นคนไร้ประโยชน์ไปแล้ว
แม้จะรวมกันแล้วก็ไม่ได้รับการสนใจอันใด
ส่วนตระกูลซือนั้นก็มีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มา
พิธีศพของจักรพรรดินีดูเรียบง่ายมาก เริ่มต้นอย่างเร่งรีบและจบลงอย่างรวดเร็ว
ในเวลานี้ ทุกคนต่างมองออกว่านี่เป็นความตั้งใจของจักรพรรดิจยาเหวิน!
ในฐานะจักรพรรดินี มีศักดิ์เป็นแม่ของแคว้น และหลังจากที่นางสิ้นพระชนม์ ก็ควรไปไว้ทุกข์ครั้งใหญ่ให้สมกับฐานะตัวตนด้วย
แต่ตอนนี้การจัดงานครั้งนี้ . . .อันที่จริงยังสู้นางสนมน้อยไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!
ถ้าไม่ใช่เพราะสิ่งที่จักรพรรดินีทำเรื่องอันใดให้ฝ่าบาทโกรธเคือง หลังจากที่นางตายแล้วยังจะต้องทนทุกข์กับจุดจบเช่นนี้ได้อย่างใด! ?
มีข่าวลือมากมายร่ำลืออยู่ในตลาด แต่ในท้ายที่สุดแล้วข่าวลือทั้งหมดก็หายไปอย่างเงียบๆ
เพียงเวลาไม่นาน ทุกคนก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องการตายของจักรพรรดินีแล้ว และพวกเขาก็เริ่มเบี่ยงเบนไปยังอีกเรื่องหนึ่ง
…ตำแหน่งองค์รัชทายาทยังว่าง และฝ่าบาทก็ต้องเลือกรัชทายาทคนใหม่จากบรรดาองค์ชายอย่างแน่นอน!
ลูกชายของจักรพรรดิจยาเหวินแต่ละคนไม่ได้ผอมบาง แต่มีไม่กี่คนที่เหมาะจะเป็นรัชทายาท
ทุกคนพูดคุยกันแล้วพูดคุยกันเล่า และในที่สุดก็พบว่าคนที่สมควรเลือกที่สุดก็คือองค์ชายสามก็คือหรงจิ่ว!
ในแง่ของความสามารถ เขาเข้าสู่กองทัพภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ต่อสู้ในสนามรบเป็นเวลาหลายปี และประสบความสำเร็จอย่างมาก!
ในแง่ของอายุ ตอนนี้เขาอยู่ในช่วงวัยที่รุ่งโรจน์! และยังเป็นองค์ชายรองที่รองจากหรงจิ้นด้วย!
นอกจากจะเกิดมาไม่ได้สูงแล้วก็คงไม่มีข้อบกพร่องอันใดแล้ว!
ทุกคนได้ตัดสินใจแล้วว่าหรงจิ่วจะกลายเป็นรัชทายาทคนใหม่!
ถึงจะเป็นเช่นนั้น ในตอนนี้หรงจิ่วก็ไม่ได้ดีใจนัก
เพราะเขาถูกกักบริเวณในตำแหน่งมาหลายวันแล้ว
พิธีศพของจักรพรรดินีเสร็จสิ้นแล้ว แต่เสด็จพ่อก็ยังไม่ยอมปล่อยเขาออกมาอยู่นาน จึงทำให้หรงจิ่วเกิดกังวล
อีกอย่างในตอนนี้ จู่ๆ เขาก็ได้ยินว่าเสด็จพ่อของเขาได้เรียกหรงจิ้นให้ไปเข้าเฝ้าอย่างเร่งด่วน
และดูเหมือนว่าทั้งสองจะคุยกันในห้องหนังสืออยู่นาน
เมื่อรอคอยเป็นเวลานานเข้า ในใจของหรงจิ่วก็ยิ่งรู้สึกไม่ปลอดภัยมากขึ้น
ในที่สุดวันนี้ก็มีคนเข้ามาในพระราชวังแล้ว
…จักรพรรดินีถูกองค์ชายสามหรงจิ่วฆ่า! จากนี้ไปเขาก็จะติดคุก และจะต้องเชื่อฟังคำสั่งทุกอย่าง!