ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 446 ยังอยู่ในเมืองหลวง
ตอนที่ 446 ยังอยู่ในเมืองหลวง [รีไรท์]
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้ว
ดูแล้วเจี่ยนเฟิงฉือที่อยู่เมืองหลวงในช่วงนี้จะไม่ได้อยู่เฉยๆ เพราะแม้แต่เรื่องนี้เขาก็ยังรู้ด้วยเช่นกัน
แต่ความสามารถของเขานั้นแกร่งกล้ามาก ถ้าอยากจะตรวจสอบอันใดสักอย่าง ก็เกรงว่าจะไม่มีใครมาห้ามเขาเอาไว้ได้
ดังนั้น หลังจากที่ชั่งน้ำหนักในใจของนางอย่างรวดเร็วแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็ตัดสินใจพยักหน้าอย่างซื่อสัตย์
“ข่าวที่นายน้อยเจี่ยนทราบนั้นมักจะถูกต้องอยู่เสมอ”
เจี่ยนเฟิงฉือขมวดคิ้ว ก่อนจะยิ้มพลางเอ่ยปากด้วยความไม่เข้าใจ
“จะว่าไปก็บังเอิญอยู่เหมือนกัน เพราะข้าก็รู้เรื่องนี้มาโดยสม่ำเสมอ และรู้ในวันที่ของสิ่งนั้นถูกขโมยไป
สีหน้าของฉู่หลิวเยว่นิ่งไปทันที!
“นายน้อยเจี่ยนรู้ด้วยหรือว่าโกศทองสัมฤทธิ์ถูกขโมยไป?”
มีแสงริบหรี่ดวงหนึ่งอยู่ในดวงตาที่เยือกเย็นของเจี่ยนเฟิงฉือ
“ก่อนหน้านี้ก็ได้บอกไปแล้ว ว่าบังเอิญไปเห็นเท่านั้น…แต่เป็นเพราะคนคนนั้นปิดหน้าเอาไว้ ข้าเลยไม่รู้ว่าเป็นใคร”
นั่นก็แสดงว่าเขาเห็นจริงๆ!
อีกอย่าง…ยังเห็นคนเดียวด้วย!
ความสามารถในการสังหารทหารยามทั้งภายในและภายนอกตรอกชีเจี่ยวในระยะเวลาอันสั้นได้ โดยไม่ปล่อยให้พวกเขามีเวลาและโอกาสได้ขอความช่วยเหลือ ก็เพียงพอที่จะทำให้เห็นได้ว่าบุคคลนั้นจะต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งมากคนหนึ่ง!
เป็นที่รู้กันว่าที่นั่นยังมีนักต่อสู้ที่มีระดับไม่ต่ำกว่าระดับสี่ด้วย!
และคนที่มีพลังต่อสู้ระดับห้าคงไม่สามารถทำเรื่องขนาดนี้ได้แน่นอน!
ฉู่หลิวเยว่มองไปรอบๆด้วยความหวาดระแวง ก่อนจะเอ่ยปากเสียงเบา
“ไม่รู้ว่านายน้อยเจี่ยนพอจะอธิบายได้หรือไม่ว่าคนคนนั้นมีลักษณะเป็นอย่างใด?”
“ข้ามั่นใจเพียงแค่ว่าคนคนนั้นเป็นผู้ชาย อีกอย่างยังเป็นคนที่มีพลังต่อสู้ระดับหกด้วย ส่วนอย่างอื่นนั้น…ข้าไม่รู้แน่ชัด”
“แล้วท่านเห็นคนคนนั้นถือโกศทองสัมฤทธิ์ไปทางไหน?”
“เรื่องนี้…”
เจี่ยนเฟิงฉือชะงักไปสักพัก ก่อนจะยักไหล่
“ตอนนั้นข้ามัวแต่ตกใจเรื่องที่ว่าที่นี่มีคนที่มีพลังระดับหกด้วย จึงมองไปอีกครั้ง ใครจะทันไปสนใจโกศทองสัมฤทธิ์เล่า?”
เพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้ว่าของสิ่งนั้นจะสำคัญถึงเพียงนี้
เมื่อเขามองเบาะแสบางอย่างออก อีกฝ่ายก็หายไปแล้ว
ฉู่หลิวเยว่มองความจริงจากคำพูดของเขาออก จึงทำได้เพียงถอนหายใจ
“ไม่ว่าอย่างใด ข้าต้องขอขอบพระทัยท่านมาก”
จะว่าไปแล้วเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องอันใดกับเจี่ยนเฟิงฉือ เขาคงจะไม่ได้สนใจอันใดมาก
“แต่…ถ้าเจ้าอยากจะรู้จริงๆ…ก็ใช่ว่าข้าจะช่วยเจ้าไม่ได้”
ฉู่หลิวเยว่นิ่งไป
“ท่านไม่ได้บอกว่า ตอนนั้นท่านเห็นไม่ชัดไม่ใช่หรือ…”
เจี่ยนเฟิงฉือยิ้มอย่างได้ใจ
“ดูแล้วแม่นางฉู่คงจะจำไม่ได้ว่าข้ามีหน้าที่ทำอันใด?”
หมอ…หมอ!
“ท่านได้ทิ้งอันใดบางอย่างไว้บนตัวของคนคนนั้นหรือ?”
เจี่ยนเฟิงฉือเขกหัวของนางไปหนึ่งที
“ฉลาดมาก!”
ฉู่หลิวเยว่เงียบไป
ถ้าเป็นเมื่อก่อน เจี่ยนเฟิงฉือจะกล้าบังอาจต่อหน้านางได้อย่างใด!
แต่ตอนนี้ก็ไม่ใช่เวลาที่จะมาคิดเรื่องแบบนี้
“เหตุใดหรือ? ให้ข้าช่วยหาให้เจ้าหรือไม่? เพราะถึงอย่างใดแล้วเจ้าก็มีเวลาอีกสามวัน ข้าก็ว่างอยู่พอดี”
เห็นสีหน้าของเจี่ยนเฟิงฉือแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็หรี่ตา
คนคนนี้ยังก่อเรื่องให้โลกวุ่นวายเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด!
แบบนี้มันเป็นการช่วยนางที่ไหนกัน เห็นได้ชัดว่าคิดอยากจะเล่นคึกคะนองและนึกสนุกเท่านั้น!
มุมปากของฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ ยกขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มที่จริงใจ
“แน่นอนอยู่แล้ว! เรื่องนี้ข้าคงต้องรบกวนนายน้อยเจี่ยนแล้ว! เมื่อสิ้นสุดเรื่องนี้แล้ว หลิวเยว่จะตอบแทนท่านให้ดีสักครั้งอย่างแน่นอน!”
เจี่ยนเฟิงฉือตัวสั่นอย่างบอกไม่ถูก
ฉู่ ฉู่หลิวเยว่คนนี้ เวลายิ้มแล้วช่างคล้ายคนคนนั้นเหลือเกิน!
ทุกครั้งที่เห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของนาง เขาก็มักจะขนลุกทุกครั้ง
นึกไม่ถึงเลยว่าตอนนี้ถึงคนจะตายไปแล้ว แต่เมื่อเขาเห็นสีหน้าที่คล้ายคลึงแบบนี้แล้ว กลับรู้สึกตกตะลึงด้วยสัญชาตญาณ
เห้อ!
ความเจ็บปวดในใจนี้ช่างยิ่งใหญ่จริงๆ!
“เอาล่ะๆ! เดี๋ยวข้าจะช่วยเจ้าเอง!”
เจี่ยนเฟิงฉือรีบละสายตาอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็ก้าวถอยหลังไปเพื่อมองตรวจสอบฉู่หลิวเยว่รอบหนึ่ง
อันที่จริงแล้ว รูปลักษณ์โดยรวม ไม่ว่าจะเป็นใบหน้าหรือรูปร่าง จริงๆ แล้วไม่ได้คล้ายกันมากนัก
แต่ไม่รู้ว่าเหตุใด เมื่อเผชิญหน้ากับฉู่หลิวเยว่แล้ว เขามักจะนึกถึงคนๆ นั้นเป็นครั้งคราว
เขาไม่เชื่อว่ามู่ชิงเห่อจะไม่มีความรู้สึกที่แปลกประหลาดเช่นนี้!
“ถ้าเจ้าไปจริงๆ…”
จู่ๆ เจี่ยนเฟิงฉือก็นึกอันใดบางอย่างออกจึงบ่นพึมพำ
ฉู่หลิวเยว่ไม่เข้าใจสีหน้าของเขา จึงเอ่ยปากถามอย่างอ่อนโยน “ไปที่ใดหรือ?”
เจี่ยนเฟิงฉือชี้ไปยังตำแหน่งที่มู่ชิงเห่อจากไป
เจ้ายังจำคำที่ข้าเคยพูดได้หรือไม่ ว่าเจ้ามีส่วนที่คล้ายคลึงกับคนที่ข้าเคยรู้จัก?”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“ถ้าพวกเขาเห็นเจ้า ต้องอึ้งทึ่งกันอย่างแน่นอน”
เจี่ยนเฟิงฉือยิ้มแย้มขึ้นมา
ไม่ได้มีแค่เขาคนเดียวที่รู้สึกฝังใจเช่นนี้? และนี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่น่าอายอันใด!
โดยเฉพาะพวกเจียงอวี่เฉิง…
ไม่รู้จริงๆ ว่าถ้าพวกเขาเห็นฉู่หลิวเยว่แล้วจะมีปฏิกิริยาอย่างใด! พวกเขาจะต้องตกตะลึงอย่างแน่นอน!
เมื่อคิดถึงฉากนั้นแล้ว เจี่ยนเฟิงฉือรู้สึกว่าร่างกายของตัวเองได้ถูกฟื้นฟูแล้ว
“ช่างเถอะ! เราไม่พูดถึงเรื่องนี้กันแล้ว! ในเมื่อเจ้ารีบถึงเพียงนี้ ข้าไปตามหาให้เจ้าตอนนี้ล่ะ!”
เมื่อพูดจบแล้ว เขาก็หยิบกระดิ่งขึ้นมา
กระดิ่งนี้มีขนาดใหญ่เท่าหัวแม่มือ และแกะสลักจากหินสีน้ำเงินอมเขียว
ตรงช่องว่างที่เป็นโพรงนั้น จะเห็นได้ว่ามีบางอย่างอยู่ข้างในที่ตีระฆังเบาๆ ทำให้เกิดเสียงที่คมชัด
เจี่ยนเฟิงฉือฟังอย่างนิ่งเงียบสักพัก ก็เผยสีหน้าที่สงสัยออกมาพลางมองไปยังฉู่หลิวเยว่
“คนคนนั้นยังอยู่ในเมืองหลวง”
…
ในพระราชวัง อึมครึมกว่าบรรยากาศข้างนอกมาก
ในคุกใต้ดินมืดแห่งหนึ่ง ซือถูซิงเฉินถูกคุมขังเอาไว้อีกครั้ง
พระราชวังโย่วเหอถูกเผาไหม้ไปหมดแล้ว นางจึงถูกขังไว้ในอีกที่หนึ่ง แต่จักรพรรดิจยาเหวินก็ได้สั่งให้เพิ่มคนมาเฝ้าอีก
เป็นเวลาสิบวันกับอีกสิบสองยาม มีคนคอยอยู่ในระยะห่างจากซือถูซิงเฉินไม่ถึงสิบก้าวและยังเฝ้าอย่างเคร่งครัดตลอดเวลาด้วย
ซือถูซิงเฉินถูกทำร้ายที่แขนข้างหนึ่งและขาอีกข้างหนึ่ง จึงทำได้เพียงนอนอยู่บนพื้นอย่างทรหด ระหว่างนั้นก็หลับๆ ตื่นๆ อยู่หลายรอบ
นางหวังว่าทุกครั้งที่นางลืมตาขึ้นมาแล้วจะเปลี่ยนไปอยู่อีกที่หนึ่ง
แต่…ไม่ได้เป็นเช่นนั้น
ในใจของนางจึงเต็มไปด้วยความหมดหวัง
แม้แต่ผู้อาวุโสจงเยี่ยก็ยังไม่สามารถช่วยชีวิตนางออกไปได้ แล้วนับประสาอันใดกับคนอื่นๆ?
และไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับทางเสด็จพ่อ จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวอันใด
“นึกไม่ถึงเลยว่า องค์ชายสามจะเป็นกบฏจริงๆ! และไม่รู้ว่าจะเข้ามาต่อสู้ถึงในวังเช่นนี้…”
เสียงที่เต็มไปด้วยความกังวลดังขึ้นมา
ซือถูซิงเฉินนิ่งไป ก่อนจะเห็นว่าผู้ที่ทำหน้าที่คอยเฝ้านางเหล่านั้นพากันวิพากษ์วิจารณ์อันใดบางอย่าง
“นั่นสิ! ไม่แปลกที่ฝ่าบาทจะใช้มาตรการป้องกันอย่างหนาแน่น จนสุดท้ายแล้วก็สั่งประหารชีวิต…ที่จริงแล้วก็เพื่อรอวันนี้นี่เอง!”
“แล้วอย่างใดเล่า? สุดท้ายแล้วก็หนีออกจากแดนประหารไปได้อยู่ดีไม่ใช่หรือ? ได้ยินมาว่าตอนนี้ข้างนอกกำแพงเมืองได้เกิดสงครามขึ้นแล้ว! พวกทหารตะวันตกเฉียงใต้เหล่านั้นคงจะไม่กลัวตายกันแล้ว! อีกทั้งยังเตรียมตัวกันมาด้วย! จากที่ข้าดูแล้ว มีโอกาสได้รับชัยชนะสูงมาก!”
“มันก็ไม่เสมอไป! ในเมืองหลวงนี้ นอกจากทหารคุ้มกันแล้ว ยังมีผู้แข็งแกร่งจากตระกูลใหญ่ด้วย! จะถูกโจมตีจนพ่ายแพ้อย่างง่ายดายได้อย่างใด?”
“ข้าได้ยินมาว่ามีบางคนได้หนีออกไปแล้ว…น่าเสียดายที่เรายังต้องเฝ้าอยู่ที่นี่ ถ้าไม่งั้นคงจะหาโอกาสได้บ้าง…อืม!”
คนคนนั้นพูดยังไม่ทันจบ จู่ๆ ก็กรีดร้องเสียงดังขึ้นมา!
“เจ้าคือ…”
คนที่เหลือยังไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกฆ่าตายไปแล้ว
ซือถูซิงเฉินจึงรีบเงยหน้าขึ้นมองทันที!