ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 454 เห็นด้วย
ตอนที่ 454 เห็นด้วย [รีไรท์]
อวี๋มั่วและเยี่ยนชิงทั้งคู่ล้วนกลั้นหายใจ สักเสียงหนึ่งก็มิกล้าเปล่งออกมา
หากทำได้ พวกเขาอยากจะหายตัวออกจากที่นี่เสียตอนนี้เลย!
บนโลกนี้ ผู้ที่กล้าทำตัวไร้มารยาทเช่นนี้ต่อองค์ชายนั้นมีอยู่ไม่มาก คนผู้นี้ก็เช่นกัน
แต่ว่าก่อนหน้านี้คนผู้นี้ก็ไม่เคยเอ่ยวาจาเช่นนี้มาก่อน เห็นได้ชัดเลยว่าครั้งนี้พวกเขาคงไปทำให้หมาป่าโกรธเข้าแล้ว
หรงซิวกระแอมไอ
“ผู้อาวุโสล้อเล่นแล้ว”
“องค์ชายทราบก็ดีแล้ว!”
สุ้มเสียงนี้แม้ฟังดูกระโชกโฮกฮากไปบ้าง แต่เยี่ยนชิงและอวี๋มั่วผ่อนลมหายใจเบาๆ ออกมาพร้อมกัน
ถ้าเป็นแบบนี้ ดีร้ายอย่างใดก็คิดเสียว่าทำสำเร็จได้เพราะโชคช่วยก็แล้วกัน
“ได้ยินว่าที่ครั้งนี้องค์ชายเสด็จประทับอยู่ที่นั่นนานขนาดนี้ ก็เพื่อสตรีนางหนึ่ง?”
หรงซิวหัวคิ้วกระตุก อวี๋มั่วปรายตามองเยี่ยนชิงแวบหนึ่งด้วยความสงสัย
ปากเยี่ยนชิงเปิดแล้วเปิดอีก
“หาใช่เยี่ยนชิงไม่” ผู้อาวุโสท่านนั้นหัวเราะเสียงเย็นเยียบ “เป็นเพียงการคาดเดาของข้าเท่านั้น แต่ดูเหมือนว่าคราวนี้จะเดาถูกเสียแล้วกระมัง?”
หรงซิวชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะผงกศีรษะเบาๆ
“มิผิด”
เขายอมรับด้วยท่าทีเยือกเย็นเช่นนี้ ทำให้ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกออกจะตั้งตัวไม่ทันอยู่บ้าง
“…แต่ไหนแต่ไรองค์ชายไม่เคยคิดมีปฏิสัมพันธ์กับสตรี ไฉนครานี้จึงข้ามเส้นออกมา และคิดเปิดหูเปิดตาเช่นนี้เล่า?”
อารมณ์โทสะก่อนหน้านี้สลายไปไม่เหลือ แทนที่ด้วยคำหยอกล้อเจือความสงสัยอยู่หลายส่วน
“ไม่รู้ว่าสตรีเช่นใดกันที่ทำให้องค์ชายเป็นเช่นนี้ได้? ดูท่า…พวกตาแก่นั่นก็ยังไม่รู้เรื่องกันล่ะสิ?”
หรงซิวตอบอย่างตรงไปตรงมา
“ใช่แล้ว ข้ายังไม่กลับไป ป่าวประกาศตอนนี้ย่อมไม่เหมาะสม รอข้ากลับไปก่อน แล้วข้าจะเอ่ยปากพูดเรื่องนี้ด้วยตัวเอง”
คำพูดนี้ทำให้ชายชราภายในม่านแสงเงียบไปได้ครู่หนึ่ง
“…องค์ชายจะประทานยศให้นางเช่นนั้นหรือ?”
หรงซิวหัวเราะ “ภรรยาของข้า ย่อมต้องมียศมีตำแหน่ง”
“อันใดนะ?!”
ชายชราตกใจจนเสียงหาย แม้แต่ร่างเงาอันเลือนรางที่บัดนี้กลับสั่นระริก
“องค์ชายคิดที่จะ… แต่ว่านางไม่สมควรที่ข้ามพรมแดนม่านฟ้าเข้ามาได้! สตรีที่มีภูมิหลังเช่นนี้ พวกตาแก่นั่นจะไปเห็นด้วยได้อย่างใด!?”
หรงซิวคลี่ยิ้มบางเบา
“ท่านเองก็ไม่เห็นด้วยเช่นนั้นหรือ?”
“ข้าน่ะ…อย่าเอาข้ากับเจ้าพวกนั้นมาเปรียบเทียบกัน!”
ชายชราเอ่ยด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
“องค์ชายกำลังดูถูกข้าอยู่เช่นนั้นหรือ!?”
“ในเมื่อองค์ชายเป็นผู้เลือกสตรีนางนั้นด้วยตัวเอง ข้าย่อมวางใจ ผู้ที่ทำให้องค์ชายทุ่มเทแรงกายแรงใจถึงเพียงนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นนางในดวงใจของท่าน ข้าจักกล้าคัดค้านได้อย่างใด? ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดครั้งนี้องค์ชายเสด็จกลับล่าช้านัก… เพียงแต่ว่า ในเมื่อท่านเตรียมการทุกอย่างไว้เสร็จสรรพ เหตุใดจึงยังยืดเวลาออกไปอีกเล่า?”
ในตอนท้าย น้ำเสียงของชายชราฟังดูเพิกเฉยอย่างเห็นได้ชัด
หรงซิวรู้สึกร้องไห้ไม่ได้ หัวเราะไม่ออกอยู่บ้าง
“ท่านวางใจเถอะ ตัวข้ารู้ว่าควรจะทำอย่างใดต่อไป อีกไม่กี่วันข้าก็จะกลับ หากฟากโน่นเกิดเรื่องอันใดขึ้น คงต้องวานให้ท่านดูแลสักระยะหนึ่ง”
ชายชราเม้มริมฝีปากแน่น
“ปกติข้าไม่ได้มีความอดทนนักหรอก! ครั้งนี้เห็นแก่เรื่องสำคัญในชีวิตขององค์ชาย เช่นนั้นก็ย่อมได้! รอองค์ชายกลับมา ข้าขอยลโฉมสตรีผู้นั้นเป็นคนแรก!”
ประกายลึกล้ำสายหนึ่งทอดผ่านนัยน์ตาของหรงซิว
“เรื่องนี้ เกรงว่าผู้อาวุโสคงต้องรออีกสักหน่อย ครั้งนี้นางไม่ได้กลับไปกับข้า”
“อันใดนะ!? ไม่กลับมากับท่านหรือ!?”
ชายชราตะลึงงัน
ตัวเขาคิดไปถึงเรื่องส่งมอบของขวัญแรกพบเรียบร้อยแล้ว เหตุใดจึงพูดว่าไม่มากันเล่า!?
“เดี๋ยวก่อน! คงมิใช่ว่านางมิได้ชอบพอพระองค์หรอกใช่หรือไม่!?”
หรงซิว “…”
เยี่ยนชิงและอวี๋มั่วพร้อมใจกันหดคอ อับอายจนแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีเสียตรงนี้
คำพูดเช่นนี้ พวกเขาไม่ได้อยากได้ยินเลยจริงๆ!
หรงซิวสูดลมหายใจเข้าลึก
“เรื่องนี้คงไม่รบกวนผู้อาวุโสต้องเป็นกังวล นางกลับเข้าไปพรมแดนม่านฟ้าครานี้ เพราะมีธุระส่วนตัวต้องจัดการ รอจัดการเสร็จแล้ว ท่านย่อมมีโอกาสได้พบนาง”
ชายชราพลันเกิดความสนใจใคร่รู้
“นางเข้ามาพรมแดนม่านฟ้า กลับไม่ได้ตามท่านมาด้วยกัน? เช่นนั้นนางไปที่ใด? ไปทำอันใด?”
ทว่าหรงซิวกลับมิยอมปริปาก
“เรื่องที่ท่านควรรู้ในตอนนี้ ท่านล้วนรับรู้หมดแล้ว”
เมื่อเห็นว่าหรงซิวไม่ยินยอมเปิดเผย ชายชราจึงมิได้ซักไซ้หาความอันใดอีก
“เช่นนั้นแล้ว หวังว่าองค์ชายจะกลับมาภายในเร็ววัน”
กล่าวจบ ม่านแสงฉากนั้นก็จางหายไปอย่างรวดเร็ว
หรงซิวพ่นลมหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
ครั้งนี้ ดูท่าจะยืดเวลานานเกินไปจริงๆ ถึงขนาดที่ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกมาส่งจดหมายด้วยตนเอง
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยถามว่า
“วันนี้มู่ชิงเห่อมีการเคลื่อนไหวอันใดบ้าง?”
อวี๋มั่วตอบทันที
“ช่วงก่อนหน้านี้ เขาไปยังที่พักของคุณหนูหลิวเยว่ หลังจากนั้นไม่นานก็จากไปขอรับ”
สีหน้าของหรงซิวบังเกิดความสงสัยเล็กน้อย
ช่วงเวลาแบบนี้ การที่มู่ชิงเหอไปหานาง…
“ตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน?”
อวี๋มั่วตระหนก หน้าเปลี่ยนสีฉับพลัน
ตามข้อตกลงก่อนหน้า ในช่วงเวลาวันเว้นวัน คนที่ส่งไปจับตาดูมู่ชิงเห่อจะต้องกลับมารายงานเขาสักหนึ่งครั้ง
ทว่าวันนี้… กลับไม่มีข่าวอันใดเลย!
ตัวเขาอยู่ข้างกายหรงซิวโดยตลอด คอยจัดการเรื่องของหรงจิ่วจนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท!
อวี๋มั่วคุกเข่าลงเสียงดัง “ปึก!”
“ข้าน้อยละเลยหน้าที่ ขอองค์ชายลงทัณฑ์ข้าน้อยด้วย!”
หรงซิวตระหนักเรื่องราวได้ทันทีที่เห็นสีหน้าของอวี๋มั่ว คิ้วเรียวปานกระบี่ขมวดหากันเล็กน้อย
“ไม่ต้อง ดูเหมือนว่าวันนี้เขาจากไปแล้ว”
มู่ชิงเห่อมิใช่บุคคลธรรมดา อีกฝ่ายไม่มีทางไม่รู้ว่ามีคนคอยสอดส่องตนเองในเงามืด
ในเมื่อวันนี้เริ่มลงมือ แสดงว่าเขาต้องมีเหตุผลเป็นแน่
อีกอย่าง…
“เยว่เอ๋อร์ล่ะ?”
หรงซิวถามขึ้นมาทันควัน
อวี๋มั่วใจกระตุกดัง “กึก”!
หรงซิวหลับตา ครู่หนึ่งจึงเปิดเปลือกตา เบนสายตามองไปยังที่ที่หนึ่ง
ทางนั้นคือ…ที่ตั้งของพระราชวัง!
นางเข้าไปในวังแล้วเช่นนั้นหรือ!?
เขาจับจ้องไปยังลำแสงที่เชื่อมฟ้าดินเข้าไว้ด้วยกัน เมื่อเวลาผ่านล่วงเลยไป สีของลำแสงดูเหมือนจะเลือนหายไปมากแล้ว ทว่าลมปราณบนตัวซือถูซิงเฉินกลับแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก!
ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ ยามลำแสงสาดลงบนลวดลายประหลาดตา ก็ปรากฏรอยร้าวขึ้นมากมาย!
แววตาของหรงซิวดำมืดลง!
จากนั้น ก็มีอัสนีบาตรสายหนึ่งผ่าลงมา!
ท้ายที่สุด ลวดลายอักขระประหลาดเหล่านั้นก็แยกออกจากกันโดยสมบูรณ์!