ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 460 ช่วงชิงร่าง
ตอนที่ 460 ช่วงชิงร่าง [รีไรท์]
ชั่วพริบตาที่ม้วนกระดาษหนังแกะปริคลี่ออก ลำแสงสีแดงสดเป็นประกายระยิบระยับพุ่งออกมาเข้าปกคลุมทั่วทั้งร่างซือถูซิงเฉิน!
หลังจากนั้น บนร่างของซือถูซิงเฉินก็ปรากฏรอยปริแตกเส้นเล็กนับไม่ถ้วนในพริบตา!
โลหิตแดงสดกระจายทั่ว!
เสียง “โครม” ดังขึ้น ซือถูซิงเฉินพลันร่วงลงบนพื้น ร่างกายบิดเบี้ยวเป็นเกลียว ขดตัวกลายเป็นก้อนกลม!
ภายใต้ความคิดอันว่างเปล่า นางรู้สึกได้เพียงทั่วร่างกายทั้งเจ็บปวดทั้งแสบคัน! ราวกับว่ามีมดนับพันนับหมื่นกำลังรุมขบกัดอย่างบ้าคลั่ง!
นางเกาไปตามร่างกายของตนตามแรงจิตใต้สำนึกนำพา ไม่เพียงแต่ฉีกกระชากอาภรณ์ของตนจนขาดรุ่งริ่ง นางยังใช้เล็บที่ถูกตัดแต่งอย่างดีแล่เนื้อหนังของตนไปตามรอยเฆี่ยน!
หลังจากที่หลังคอของนางถูกเกาเสียจนไม่เหลือชิ้นดี ท้ายที่สุดนางก็ยื่นมือมาทางใบหน้าของตน
แล้วเกาอย่างรุนแรงโดยไม่ลังเล!
รอยเลือดหลายสายไหลรินอาบไปแทบทั่วใบหน้าของนาง!
ใบหน้าที่นับได้ว่างดงามของผู้มีอนาคตไกลเช่นนางถูกทำลายในชั่วพริบตา! กลับกลายเป็นใบหน้าอัปลักษณ์และน่าสยดสยองแทน!
“อ๊า…”
ซือถูซิงเฉินส่งเสียงร้องออกมาอย่างควบคุมไม่ได้!
ฉู่หลิวเยว่ที่กำลังมองดูฉากนี้ คิ้วขมวดเป็นปมแน่น
นี่เป็นสัญญาณที่ชัดเจนว่าซือถูซิงเฉินถูกช่วงชิงร่าง!
อีกทั้งผู้ที่ช่วงชิงร่างของนางมีพลังที่แข็งแกร่งมาก!
ถ้าเป็นแบบนี้ กายเนื้อของนางย่อมไม่สามารถรับแรงกดดันน่าหวาดหวั่นและการเฆี่ยนตีจนแตกยับไปทั่วเช่นนี้ได้แน่นอน!
ไม่แปลกใจเลยว่า เหตุใดก่อนหน้านี้นางถึงไม่สามารถทำลายค่ายกลเหนือม้วนกระดาษนั่นได้ ที่แท้ก็เพราะภายในนั้นซ่อนดวงจิตอีกดวงของนักพรตไว้นี่เอง!
ร่างของซือถูซิงเฉินค่อยๆ หยุดกระตุกลง
เมื่อแสงสีเลือดบนตัวนางจางหายไป นางลุกขึ้นอย่างช้าๆ พลางเลื่อนสายตามามองฉู่หลิวเยว่!
ดวงตาคู่นั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง!
มันทั้งแปลกประหลาด เย็นเยียบและไร้ปรานี!
ระฆังในใจฉู่หลิวเยว่ร้องลั่น นางก้าวถอยในทันที!
ทว่าในตอนนั้นเอง ซือถูซิงเฉินเงื้อมือขึ้น!
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกถึงเพียงแรงดึงดูดที่ดุร้ายเข้าห่อหุ้มร่างกาย ทั่วทั้งร่างกายกระโจนไปข้างหน้าอย่างควบคุมไม่ได้!
กรร!
เสวี่ยเสวี่ยคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว มันพุ่งทะยานตัวขึ้นมา!
ซือถูซิงเฉินตวัดสายตาอันเย็นเยียบมองมันครั้งหนึ่ง
พริบตาเดียวก็ปรากฏค่ายกลสีเลือดขนาดใหญ่ขวางกั้นเสวี่ยเสวี่ยไว้ด้านนอก!
โครม!
เสวี่ยเสวี่ยพุ่งเข้ากระแทกค่ายกลอย่างรุนแรง!
ทว่าค่ายกลนั้นกลับไร้ซึ่งรอยขีดข่วน!
สมองของฉู่หลิวเยว่ประมวลหาทางหนีทีไล่อย่างรวดเร็ว แต่ทันใดนั้นนางก็พบว่ากำลังภายในของตนถูกแรงกดดันของฝั่งตรงข้ามกดข่มไว้อย่างแน่นหนา!
ภายใต้แรงกดดันอันน่าหวาดหวั่นนี้ ร่างกายของนางแทบไม่สามารถขยับเขยื้อนได้เลย!
จากนั้น โดยไม่ทันได้ตั้งตัว ซือถูซิงเฉินก็คว้าลำคอของนางเอาไว้!
ลำคอฉู่หลิวเยว่เกร็งแน่น!
ซือถูซิงเฉินหลุบสายตาลงมองฉู่หลิวเยว่ ริมฝีปากบางคู่นั้นฉีกยิ้มหยัน
“ต้องขอบคุณเจ้ามากจริงๆ”
แม้จะเป็นใบหน้าเดิม น้ำเสียงเดิม ทว่าเมื่อฉู่หลิวเยว่สบเข้ากับดวงตาคู่นั้น ก็รู้ได้ทันทีว่า นี่ไม่ใช่ซือถูซิงเฉินตัวจริง!
“หากไม่ได้เจ้า ข้าคงต้องใช้เวลาอีกสักพักจึงจะออกมาได้”
ฉู่หลิวเยว่ถูกนางคว้าลำคอไว้ ทั่วทั้งร่างแขวนอยู่บนอากาศ อีกทั้งฝ่ามือข้างนั้นก็รัดแน่นไม่หยุด สีหน้าของฉู่หลิวเยว่เปลี่ยนเป็นแดงก่ำ ระหว่างหน้าอกและช่องท้องรู้สึกอึดอัดราวกับว่ามันจะระเบิดออก!
“เจ้า… เจ้า!”
ฉู่หลิวเยว่อยากจะเอ่ยปากพูด ทว่ากลับทำได้เพียงแค่ส่งเสียงอันเลือนราง
นางลองง้างมือของซือถูซิงเฉินออก ทว่ากลับสัมผัสได้แต่คราบเลือดข้นเหนียวอันเหม็นคาวเท่านั้น
ซือถูซิงเฉินมองฉู่หลิวเยว่ที่กำลังกระเสือกกระสนดิ้นรน เหมือนกำลังมองเรื่องน่าขบขันเรื่องหนึ่ง แววตาฉายชัดถึงความจองหองและเหยียดหยัน
กริ๊ง!
สุ้มเสียงชัดใสเสนาะหูเสียงหนึ่งดังขึ้น
ซือถูซิงเฉินเลื่อนสายตามอง
ถวนจื่อพุ่งปะทะเข้ากับค่ายกลที่นางสร้างไว้ก่อนหน้า พยายามอย่างยิ่งที่จะเปิดทางออกแม้จะไร้ประโยชน์
ทว่าครั้งนี้ มันกลับทิ้งรอยฟันที่เด่นชัดไว้บนค่ายกล
“ค่ายกลที่ข้าตั้งเองกับมือ จะถูกทำลายลงง่ายๆ ได้อย่างใด?”
น้ำเสียงของนางเลื่อนลอย ทว่าไม่ปกปิดความโอหังอวดดีเลยแม้แต่น้อย
ในใจฉู่หลิวเยว่แจ่มแจ้ง คนผู้นี้ช่วงชิงร่างของซือถูซิงเฉินไปแล้ว!
ซือถูซิงเฉินตัวจริงแม้จะยังไม่ตาย ก็ไม่ต่างอันใดกับตายอยู่ดี!
ใบหน้าของถวนจื่อฉายแววโกรธเคือง ยังคงกัดขย้ำต่อไปอย่างไม่เกรงกลัวอำนาจมืด!
กริ๊ง!
ดื้อด้านเสียจริง!
ซือถูซิงเฉินดูเหมือนว่าจะหมดความอดทน นางเบนสายตามองไปทางเสวี่ยเสวี่ย แล้วคลี่รอยยิ้มแฝงด้วยความนัยออกมา
“สัตว์อสูรตัวนี้ถือว่ามีความสามารถอยู่บ้าง น่าเสียดาย…ที่มันไม่ใช่ของเจ้า”
นางพูดกับฉู่หลิวเยว่โดยตรง
ทว่าในตอนนั้นฉู่หลิวเยว่ใบหน้าแดงก่ำ หายใจแทบไม่ได้ พูดอันใดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
ซือถูซิงเฉินมองดูนางด้วยความพอใจครู่หนึ่ง ก่อนเอ่ยอย่างช้าๆ
“ที่จริงแล้วข้าไม่ได้คิดที่จะฆ่าเจ้า แต่เจ้าทำให้ร่างเนื้อนี้เสียหาย ฉะนั้น อย่าหาว่าข้าไร้ปรานีแล้วกัน…”
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ยกมือขึ้น บนฝ่ามือปรากฏแสงเย็นวาบตวัดผ่านอย่างว่องไว!
ในชั่วพริบตา กริชเล่มหนึ่งแทงเข้าที่ข้อมือของซิงถูซิงเฉิน!
ทว่าซือถูซิงเฉินกลับคาดการณ์ไว้อยู่แล้ว นางยื่นมืออีกข้างออกไปอย่างรวดเร็ว คว้าหมับเข้าที่ข้อมือของฉู่หลิวเยว่! ออกแรงหักอย่างโหดเหี้ยม!
กร๊อบ!
ความเจ็บปวดที่มากเกินรับไหวแล่นเข้าจู่โจม!
ครรลองสายตาของฉู่หลิวเยว่ดับวูบไปครู่หนึ่ง!
“กรรมใดใครก่อ กรรมนั้นคืนสนอง”
ซือถูซิงเฉินพูดพลางยิ้มหยัน แววตาเต็มไปด้วยจิตสังหารบ้าคลั่ง!
ชั่วพริบตาที่ถูกหักข้อมือ กริชเล่มนั้นก็ตกอยู่ในเงื้อมมือของซือถูซิงเฉินเช่นกัน
นางแนบกริชลงบนใบหน้าฉู่หลิวเยว่
สัมผัสเย็นวาบทำให้หัวใจของฉู่หลิวเยว่สั่นระรัว
“ใบหน้านี้ของเจ้านั้นช่าง… เอ๊ะ? กริชเล่มนี้…”
ซือถูซิงเฉินกำลังพูด แต่สายตากลับเลื่อนลงมาหยุดบนกริชเล่มนั้น พลันแววตาเปลี่ยนสี
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะภาพหลอนหรืออันใด ฉู่หลิวเยว่รู้สึกว่านางเห็นใบหน้านั้นแสดงสีหน้าประหลาดใจและตื่นตะลึงออกมาเล็กน้อย
ตอนนี้แหละ!
ฉู่หลิวเยว่ทุ่มแรงกายทั้งหมด ใช้สองมือกุมข้อมือซือถูซิงเฉินไว้ แล้วออกแรงบิดอย่างรุนแรง!
ในขณะที่อีกฝ่ายเผลอปล่อยมือตามสัญชาตญาณ นางก็เตะเท้าออกไป!
แล้วอาศัยการสะท้อนกลับของพลัง จนในที่สุด ฉู่หลิวเยว่ก็เป็นอิสระจากการควบคุมของซือถูซิงเฉิน พลันกระโดดถอยออกมาตั้งหลัก!
ทว่าครั้งนี้ ซือถูซิงเฉินไม่ได้ไล่ตามมาฆ่านางทันที แต่กลับมองฉู่หลิวเยว่ด้วยความประหลาดใจแลงุนงงยากเกินจะคาดเดา
“กริชเล่มนี้ เจ้าไปได้มาจากไหน!?”
น้ำเสียงของนางร้อนรนอย่างมาก ท่ามกลางความคลุมเครือ ดูเหมือนจะแฝงด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วด้วยความสงสัย
ผู้ถามคำถามนี้ ย่อมไม่ใช่ซือถูซิงเฉินตัวจริง แต่เป็นผู้ที่ช่วงชิงร่างของนาง!
แต่ว่ากริชเล่มนี้เองก็ไม่ได้มีความพิเศษอันใด ไฉนนางจึงมีท่าทีตอบรับเช่นนี้!?
เมื่อเห็นฉู่หลิวเยว่เชื่องช้าไร้การตอบรับ ซือถูซิงเฉินก็ร้อนรนยิ่งกว่าเก่า และสาวเท้าไปข้างหน้าเข้าไปใกล้หนึ่งก้าว
“ตอบ!”
ท่ามกลางทะเลความคิด ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็ผุดความคิดหนึ่งขึ้นมา
กริชเล่มนี้ เดิมทีเป็นของหรงซิวมอบให้นาง
อีกอย่าง ถ้าหากจำไม่ผิด เหมือนว่าเขาจะเป็นผู้ขัดกริชเล่มนั้นด้วยตัวเอง
กริชเล่มนี้สมควรมีแค่ชิ้นเดียวบนโลก ผู้อื่นไม่น่าจะมีผู้ใดรู้จักกริชเล่มนี้
ทว่าท่าทีของคนผู้นี้ ช่างน่าประหลาดเสียจริง…
“ถ้าหากว่า… ข้าไม่บอกเล่า?” ฉู่หลิวเยว่ถามย้อน
“ไม่บอกหรือ? เช่นนั้นข้าก็มีวิธีมากมายที่จะทำให้เจ้ายอมคายออกมาหมดเปลือก!”
สิ้นเสียง นางก็ประสานมือทั้งสองข้างเข้าไว้ด้วยกัน พลังจากทั่วทั้งร่างก็ปะทุขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง!
เปลวเพลิงสีขาวแผดเผาร่างของนางอย่างรวดเร็ว!
ไม่นานหลังจากนั้น เปลวเพลิงเหล่านั้นก็แบ่งออกเป็นสองสายเข้าโอบฉู่หลิวเยว่ไว้ หมายจะขังนางให้วอดวายใต้เพลิง!
พลันเงาร่างของนางก็ถูกเปลวเพลิงอันช่วงโชติล้อมรอบในทันที!