ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 461 สังหารเทพ
ตอนที่ 461 สังหารเทพ [รีไรท์]
เปลวเพลิงกำลังโหมไหม้อย่างรุนแรง! แทบจะมอดไหม้หมดทุกสิ่งอย่าง!
“หลิวเยว่!”
เมื่อเห็นดังนั้น เยี่ยเหล่าก็อดไม่ได้ที่จะร้องออกมาด้วยความตกใจ!
ผู้อาวุโสจงเยี่ยที่ต่อสู้มาเป็นเวลานานใน ที่สุดก็สบโอกาสในการชกเข้าที่หน้าอกของเยี่ยเหล่าอย่างแรง!
ร่างกายของเยี่ยเหล่าสะท้าน เขาถอยเท้าไปสองสามก้าวถึงจะสามารถยืนได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง ที่มุมปากมีเลือดไหลออกมา
ผู้อาวุโสจงเยี่ยมองไปที่เปลวเพลิง ที่เกือบจะมองไม่เห็นร่างของฉู่หลิวเยว่แล้ว
“หึ เยี่ยจือถิง ดูเหมือนครานี้ ลูกศิษย์หัวแก้วหัวแหวนของเจ้าจะไม่รอดอย่างแน่นอน”
เยี่ยเหล่ากำมือแน่น แล้วมองค้อนไปยังเขา พลางเอ่ยด้วยความโกรธ
“จงเยี่ย! สมองของเจ้าถูกสุนัขกินไปแล้วจริงๆ หรือว่าเจ้ายังดูไม่ออก ซือถูซิงเฉินถูกยึดร่างไปแล้ว!”
คำพูดปลุกคนให้ตื่นจากภวังค์!
เมื่อได้ฟังคำว่า “ยึดร่าง” สองคำนี้ หัวใจของผู้อาวุโสจงเยี่ยก็เต้นแรงอย่างดุเดือด เขามองไปยังซือถู
ซิงเฉินอย่างรวดเร็ว
ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้รู้สึก แต่เมื่อมองอีกครั้งในครานี้ กลับรู้สึกว่าทุกพื้นที่เผยให้เห็นความน่าพิศวง
เขาและเยี่ยจือถิงต่อสู้กันอย่างดุเดือด ดังนั้นเขาจึงไม่ได้สนใจสถานการณ์ของซือถูซิงเฉินและฉู่หลิวเยว่มากนัก
เขาจำได้เพียงเลือนรางว่า ดูเหมือนว่าซือถูซิงเฉินจะมีความเปลี่ยนแปลงไปบ้าง และมีความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาอย่างรวดเร็ว!
เมื่อครู่เขาเพียงคิดว่าซือถูซิงเฉินดูดกลืนพลังงานมากขึ้น ส่งผลให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น
แต่เมื่อพิจารณาดูอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว ถึงได้รู้ว่าลมปราณภายในร่างกายของเธอดูแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง!
ลมปราณของผู้ฝึกตนแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน
ซึ่งในตอนนี้ซือถูซิงเฉิน…กลายเป็นคนอื่นไปแล้วจริงๆ!
เยี่ยเหล่าแทบที่จะอดทนรนไม่ไหวที่จะบิดหัวของผู้อาวุโสจงเยี่ยออกมา เพื่อดูว่ามีอันใดอยู่ข้างใน!
เป็นถึงนักรบระดับหก แต่กลับไม่สังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้
อย่างไรเสียตอนนี้ เขาก็สนใจแต่ฉู่หลิวเยว่เท่านั้น!
เขาฉกฉวยโอกาสตอนที่ผู้อาวุโสจงเยี่ยกำลังตกใจและเสียสติ สลัดอีกฝ่ายออกไปได้ แล้วมุ่งตรงไปยังฉู่หลิวเยว่!
…
ในขณะเดียวกัน เจี่ยนเฟิงฉือที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในความมืด ก็หรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อเห็นฉากนี้
ความสนใจส่วนใหญ่ของเขามุ่งตรงไปยังร่างกายของซือถูซิงเฉิน
ร่างวิญญาณที่สามารถถ่ายจิตได้…ก่อนที่ผู้ยึดร่างจะเสียชีวิต อย่างน้อยอีกฝ่ายก็ต้องเป็นนักรบระดับเจ็ด
แคว้นเหยาเฉินนี้อาจดูธรรมดา แต่กลับซ่อนเร้นความลับไว้มากมาย…
เท่าที่ดู เจ้ามู่ชิงเห่อนั่นออกไปจากเมืองก่อนเวลาไปเสียหน่อย เลยพลาดการแสดงอันยอดเยี่ยมนี้
ดวงตาของเขาเหลือบไปมองบนเปลวเพลิง พลางขมวดคิ้วเล็กน้อย
แม้ว่าในบางครั้งเขาจะรู้สึกว่า ฉู่หลิวเยว่รังเกียจเขาเหลือคณา แต่มันก็เป็นความสัมพันธ์อันซับซ้อนอีกรูปแบบหนึ่งที่ยากจะอธิบายของเราทั้งสองคน
แต่นางคือคนที่มู่ชิงเห่อต้องพากลับไป แน่นอนว่าเขาต้องปกป้องนางอย่างดี
ถ้าหากมีเรื่องผิดพลาด มู่ชิงเห่อจะก่อปัญหาให้เขาอย่างแน่นอน
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ฝ่ามือของเจี่ยนเฟิงฉือก็พลิกเล็กน้อย ปรากฏเป็นลำแสงส่องประกายอยู่ที่ใต้เท้าของเขา
ในขณะที่เขากำลังรีบเร่ง จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีลมปราณเย็นเยือกวาบผ่านมาจากด้านข้าง!
เขารีบระมัดระวังตัว พลางหันไปมอง!
ร่างในชุดคลุมสีดำหายไปต่อหน้าต่อตาเขาอย่างรวดเร็ว!
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย
ลมปราณเมื่อครู่ของคนนั้น ดูเหมือนว่าเขาจะค่อนข้างที่จะรู้จักมักคุ้น
ราวกับว่าเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง…
เขาตกใจโดยพลัน!
กลิ่นนี้คล้ายว่าจะเป็น…
แต่ไม่ใช่ว่าพวกเขาออกจากราชวงศ์เทียนลิ่งไปแล้วหรือ!?
เจียนเฟิงฉือขยับฝ่าเท้าเล็กน้อย ภายในใจมีแรงกระตุ้นให้ไล่ตามไปให้ทัน
เพียงแต่ในขณะที่เขากำลังจะตามเขาไป ก็พลันเห็นกองเพลิงนั่นลุกโชนขึ้นอีกครั้ง!
เขาหยุดทุกอย่างลง แล้วหันกลับไปหาฉู่หลิวเยว่!
…
ฝีเท้าของชีหานหยุดชะงักลงเล็กน้อย เมื่อแน่ใจว่าเจี่ยนเฟิงฉือไม่ได้เดินตามก็โล่งใจ
ที่จริงแล้วเขาแอบตามฉู่หลิวเยว่มาตลอดทาง
ภารกิจที่สำคัญที่สุดของสิบสามองค์รักษ์เยว่ คือการคุ้มกันความปลอดภัยขององค์หญิง!
ในตอนนี้เขาได้เจอองค์หญิงแล้ว แต่องครักษ์ทั้งสิบสามคนอื่นๆ ไม่อยู่ที่นี่ ฉะนั้นเขาจะรับหน้าที่รับผิดชอบนี้อีกครั้งเอง
เขาซ่อนตัวได้อย่างแนบเนียน ดังนั้นเวลาล่วงเลยมานานแล้วก็ยังไม่ถูกจับได้
ทว่าในตอนนี้องค์หญิงกำลังตกอยู่ในอันตราย เขากังวลใจอยู่ครู่หนึ่ง จึงเผลอหายใจถี่ นั่นทำให้เจี่ยนเฟิงฉือสังเกตเห็น
แต่โชคดีที่อีกฝ่ายไม่ได้ตามมา
ชีหานรู้สึกใจชื้นขึ้นมาเล็กน้อย และมองดูเปลวไฟสีขาวอีกครั้ง พลางขมวดคิ้วขึ้นมา
ในบัดนี้องค์หญิงยังทรงเป็นเพียงนักรบระดับสาม แม้ว่าภายนอกจะเห็นพละกำลังที่แข็งแกร่งมาก แต่เมื่อเทียบกันกับเมื่อก่อนแล้วก็ยังถือว่าน้อยมากทีเดียว
ดูเหมือนว่าซือถูซิงเฉินผู้นั้นจะถูกสิงร่างไปแล้ว ในตอนนี้พลังการต่อสู้ของนางอยู่เหนือนักรบระดับที่หกอย่างสิ้นเชิง
องค์หญิงเพียงคนเดียวไม่น่าจะสามารถรับมือได้
เขาอยากจะรีบรุดไป แต่ตอนนี้มีคนจำนวนมากกำลังจับตามอง ถ้าหากว่าเขายื่นมือเข้าไป จะต้องมีคนสังเกตเห็นเป็นแน่
ถ้าหากไม่ระมัดระวัง ตัวตนขององค์หญิงก็จะยิ่งน่าเคลือบแคลงมากขึ้น…
ชีหานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง พลางมองดูเปลวเพลิงที่แผดเผาแรงขึ้นเรื่อยๆ ในที่สุดเขาก็วางแผนที่จะลงมือ
ไม่ว่าอย่างใดก็ต้องช่วยองค์หญิงก่อน!
แต่ในขณะที่เขาก้าวเข้าไปหนึ่งก้าว เสียงที่ทุ้มต่ำและนุ่มลึกก็แทรกเข้ามาในหูของเขา
“นางสามารถจัดการปัญหาเองได้”
ชีหานหันกลับมาในทันที!
พลันร่างสูงโปร่งก็ปรากฏตัวขึ้น!
เมื่อเห็นใบหน้าของผู้ที่กำลังเดินมา ดวงตาของเขาก็หรี่ลงเล็กน้อย!
องค์ชายหลีหวัน!
“หากเจ้าออกไปตอนนี้ จะต้องนำพาปัญหามาให้นางเป็นแน่ เจ้าก็น่าจะรู้มิใช่หรือ?”
หรงซิวสวมอาภรณ์สีคล้ายกับหิมะ ทับด้วยเสื้อคุลมสีดำ มือหนึ่งไพร่ไว้ด้านหลัง ด้วยท่าทีงดงาม
ริมฝีปากบางของเขายกขึ้นเล็กน้อย พร้อมกับรอยยิ้มจางๆ ที่ปรากฏขึ้นบนใบหน้า ดูอบอุ่นและสง่างาม
ถึงกระนั้น หางตาและคิ้วกลับมีแรงกดดันที่ไม่อาจมองข้ามได้ ทำให้ผู้คนต้องยอมจำนนโดยไม่รู้ตัว!
สายตาของชีหานจ้องมองไปยังหรงซิว โดยไร้คำพูดใด
เขาไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่หรงซิวมาปรากฏตัวข้างหลังเขา!
ในตอนนี้ทั้งสองกำลังเผชิญหน้ากัน เขาสัมผัสได้ถึงอันตรายเล็กน้อยที่ออกมาจากจากร่างกายของหรงซิว!
นั่นคือการบีบบังคับที่มีแต่ผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่จะสามารถทำได้!
อากาศระหว่างคนทั้งสองเกือบที่จะถูกแช่แข็งและนิ่งงัน!
หรงซิวไม่ได้กังวลว่าชีหานจะเห็นพละกำลังที่แท้จริงของเขา
เมื่อก่อนชีหานเคยสำรวจรอบๆ ตำหนักองค์ชายหลี เขาย่อมรู้สึกถึงความผิดปกติบางอย่าง
หากสิบสามผู้พิทักษ์เยว่ ไม่มีความสามารถนี้ ก็ไม่มีความจำเป็นต้องมีอยู่
และการอยู่เคียงข้างนาง คงเป็นภาระเสียเปล่าๆ
ในขณะที่ชีหานลังเลว่าควรจะจัดการกับเรื่องนี้อย่างใดดี
จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้น!
เขารีบหันกลับมามองในทันที! พลันรูม่านตาหดเล็กลง!
เห็นเพียงเปลวไฟสีแดง ที่จู่ๆ ก็ปะทุออกจากเปลวไฟสีขาวที่โหมไหม้!
ทันใดนั้น ประกายไฟก็ล่องลอยกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ!
ท่ามกลางกองเพลิงนั้น พลังปราณที่รุนแรงไร้การควบคุมได้พัดพาไปทั่วทุกทิศ!
พื้นที่ถูกปูด้วยหยกขาวส่งเสียงดังและแตกออก กระจายหลุดลอยไป
เปลวไฟสีแดงโหมไหม้จนท่วมท้น จนเปลวไฟสีขาวถูกโอบล้อมและดูดกลืนเข้าไปโดยง่าย!
ส่วนเปลวไฟอีกด้านก็จวนที่จะสลายจนหมด!
ร่างเพรียวบางค่อยๆ ชัดเจนขึ้น!
ดวงตาหลายคู่จ้องมองไปยังร่างนั้น
นางเดินออกมาอย่างช้าๆ เส้นผมสีดำคลับของนางปลิวสยาย เสื้อผ้าส่งเสียงสะบัดพัด สายตาฉายแววเย็นชา!
ราวกับเทพสังหารที่ออกมาจากไฟนรก!
ผู้ใดที่ได้เห็นฉากนี้ ต่างก็ต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ!
ซึ่งแม่นางคนนั้นก็คือ…
ฉู่หลิวเยว่!