ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 490 เด็กหนุ่มลึกลับ
ตอนที่ 490 เด็กหนุ่มลึกลับ [รีไรท์]
คนที่อยูข้างๆ ก็มองหน้ากันเล็กน้อย แล้วรู้สึกว่าเรื่องนี้มันแปลกมาก
หรือว่าความสามารถของฉู่หลิวเยว่ผู้นั้นแข็งแกร่งเกินไปหรือ?
เพราะดูเหมือนทุกอย่างไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น
เมื่อคุณชายใหญ่เห็นฉู่หลิวเยว่ในครั้งแรก เขาก็มีท่าทางที่ผิดปกติไป…
แม้ว่าทุกคนจะคิดเช่นนั้นแต่ก็ไม่ได้แสดงสีหน้าผิดปกติออกมา เขาขานรับเสียงเบาด้วยความเคารพ
“ขอรับ!”
หลังจากเจียงอวี่เฉิงปฏิเสธความคิดในหัวของตัวเองแล้ว เขาก็เบนสายตาหันไปมองสิ่งอื่นแทน
ในสนามมีการแข่งขันของหนึ่งร้อยคู่เกิดขึ้นพร้อมกัน
ในการแข่งขันมีคนที่โดดเด่นมากกว่าฉู่หลิวเยว่และจ้าวอวิ๋นจื่อเสียอีก
แต่ไม่รู้ว่าเหตุใดเขาถึงไม่มีสมาธิจดจ่อกับการแข่งขันอื่นๆ เลย แต่ในทางกลับกัน เขามักจะมองไปที่ฉู่หลิวเยว่อยู่เรื่อยๆ
หลายครั้งเขาพบว่าเขามักจะหันไปมองฉู่หลิวเยว่อย่างอดไม่ได้ เจียงอวี่เฉิงจึงเตือนตัวเองว่า นี่จะเป็นครั้งสุดท้าย
แต่หลังจากนั้นก็เกิดขึ้นอีกหลายครั้ง เหมือนว่าเขาไม่สามารถควบคุมตัวเองได้
ต่อให้เขาบังคับตัวเองไม่ให้มองแต่ในสมองกลับมีภาพรอยยิ้มของนางฉายชัดขึ้นมาในความทรงจำ
แสงจันทร์ สดใส บริสุทธิ์ อีกทั้งมีพลัง โปร่งแสง และมีไหวพริบ
แม้ว่าใบหน้าจะเหมือนกันแค่สามส่วน แต่รอยยิ้มนี้มีเสน่ห์เหมือนกับผู้หญิงคนนั้นเมื่อหลายปีก่อนเลย
เจียงอวี่เฉิงบีบจมูกของตัวเองอย่างหงุดหงิด
ไม่ถูก แบบนี้ไม่ถูกต้อง
ที่เขามาวันนี้ เพื่อจะมาแอบตรวจสอบผู้แข็งแกร่งในงานนี้ ไม่สามารถฟุ้งซ่านกับเรื่องอื่นๆ ได้
หลังจากที่เขาพูดประโยคซ้ำในใจหลายรอบ จากนั้นเขาถึงได้ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
…
แน่นอนว่าฉู่หลิวเยว่ไม่รู้ถึงความสับสนภายในใจของเจียงอวี่เฉิงในตอนนี้
ในทางตรงกันข้ามตอนนี้นางสามารถสงบใจได้แล้ว
ก่อนที่จะมาที่ซีหลิง นางได้เตรียมตัวอย่างเต็มที่แล้ว ดังนั้นหลังจากที่มีเรื่องประหลาดใจเล็กๆ นี้นางก็รีบเก็บอาการอย่างทันที
ตอนนี้ที่สำคัญก็คือ ต้องสืบให้ชัดเจนว่าพวกเขาจัดงานหมื่นทูรกันด้วยเหตุใด พวกเขาวางแผนอันใดกันแน่
เขาไม่เชื่อคำพูดที่ผู้อาวุโสชิวซีพูดเมื่อก่อนหน้านี้ นางไม่เชื่อเลยสักคำ
ซั่งกวนหว่านและเจียงอวี่เฉิงไม่มีความมุ่งมาดและปรารถนาเช่นนี้แน่นอน
เห็นได้ชัดว่าพวกเขาจะต้องมีแผนการอย่างแน่นอน
แล้วอีกอย่าง…นางต้องรีบสืบให้เร็วที่สุด ว่าสถานการณ์ภายในราชสำนักตอนนี้เป็นเช่นไรกันแน่
ฉู่หลิวเยว่เอนตัวพิงลงบนเก้าอี้มือหนึ่งก็ลูบปลายคาง อีกมือหนึ่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
ตอนนี้นางรู้สึกเป็นคนหัวเดียวกระเทียมลีบอย่างมาก จึงต้องการหาคนที่สามารถช่วยเหลือได้…
ทันใดนั้นเองในเวทีการประลองก็เกิดความวุ่นวายขึ้น
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นไปมอง แล้วพบว่ามีคนที่จบการแข่งขันได้อีกแล้ว
บนกระดานหยกสีดำ ก็มีรายชื่ออีกรายชื่อหนึ่งหายไป
หลังจากนั้นไม่นาน ชื่อของคนสองคนแทบจะหายไปในเวลาเดียวกัน
หลังจากที่นางชนะเป็นคนแรก ผู้เข้าแข่งขันที่อยู่บนสนามก็เหมือนจะฮึกเหิมขึ้นเล็กน้อย การแข่งขันจึงทวีความดุเดือดขึ้น
แน่นอนว่าตอนนี้เมีคนที่ชนะการแข่งขันเพิ่มมากขึ้น
เวลาค่อยผ่านไปทีละน้อย รายชื่อที่อยู่บนกระดานก็ค่อยๆ หายไปเรื่อยๆ และมีผู้บำเพ็ญเพียรที่โดนคัดออกก็เดินออกจากสนามอย่างต่อเนื่อง
เป็นเพราะว่านี่เป็นโอกาสที่หาได้ยาก ทุกคนจึงทุ่มสุดแรงเพื่อที่จะชนะ ดังนั้นพวกเขาจึงแสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มที่ อาการบาดเจ็บที่ตามมาก็เยอะเหมือนกัน
มีบางคนไม่ยอมแพ้ ถึงกับสลบไปเพราะเลือดไหลหมดตัว
บนสนามมีคราบเลือดอยู่ทั่วทุกที่
ส่วนผู้ชมที่ชมอยู่ด้านบนก็ตื่นเต้นมากขึ้นเรื่อยๆ บางคนถึงกับส่งเสียงเชียร์จนหน้าแดงก่ำ
ที่นั่งด้านข้างของฉู่หลิวเยว่นั้นมีคนลงมานั่งเป็นจำนวนมากแล้ว
เมื่อเห็นสถานการณ์แบบนี้ คนที่มาจากราชวงศ์เทียนลิ่งนั้นยังพอพูดได้ แต่คนที่มาจากด้านนอกพรมแดนม่านฟ้า กลับต้องตกใจไม่มากก็น้อย
ฉู่หลิวเยว่เจอเรื่องแปลกจนไม่รู้สึกประหลาดใจแล้ว
คนที่อยู่ข้างๆ ของนางก็รีบพูดคุยกันเล็กน้อยแล้ว
อยากผูกมิตรก็ตาม อยากจะหยั่งเชิงก็ตาม ทุกคนต่างก็มีความคิดเป็นของตนเอง ตอนนั้นก็ถือว่ามีความกระตือรือร้นขึ้นมาหลายส่วน
แต่ว่าไม่มีคนที่เริ่มชวนฉู่หลิวเยว่คุยเลยแม้แต่คนเดียว
ฉู่หลิวเยว่เองก็ไม่ได้รังเกียจ นางนั่งดูการแข่งขันอย่างเงียบๆ และเหลือบมองรายชื่อบนกระดานหยกเป็นครั้งคราว
…
“อ๊าก! เจ้าบ้าไปแล้วหรือ!”
ทันใดนั้นกลางสนามก็มีเสียงกรีดร้องดังขึ้น!
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นไปมอง พบว่าคนที่กำลังกรีดร้องนั้นคือ เด็กหนุ่มคนหนึ่ง
อีกทั้งคนคนนี้ ก็ไม่นับว่าเป็นคนแปลกหน้า เขาเป็นหนึ่งในศิษย์จากสำนักหลิงอวิ๋นที่เดินมาพร้อมกับจ้าวอวิ๋นจื่อในตอนนั้น
“เจ้าเป็นสัตว์เดรัจฉานหรือ?! คาดไม่ถึงว่าจะกินเนื้อมนุษย์!?”
เมื่อได้ยินดังนั้น ทุกคนก็ตกใจอย่างมาก
ชายหนุ่มคนนั้นดูท่าทางน่าจะอายุสิบหกสิบเจ็ด เขาสวมเสื้อกระสอบแขนสั้นที่ไม่เข้ากับร่างกายของตนเองอยู่ น่าจะเป็นเพราะว่ามันเก่าเกินไปแล้ว เสื้อผ้าจึงดูไม่เหมือนเดิมเสียเท่าไหร่
แม้ว่าเขาจะไม่ได้มีรูปร่างเตี้ย แต่ก็ดูผอมมาก หนังหุ้มกระดูก ถูกห่อหุ้มด้วยเสื้อกระสอบอีกที
เขามีผมสั้นสีทอง มันดูนุ่มและสะท้อนแสงท่ามกลางแสงอาทิตย์ จนส่องประกายระยิบระยับ
ผมนั้นปกคลุมทั้งใบหน้าของเขา แต่ก็ยังสามารถเห็นใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของเขาได้อยู่ จากปลายคางแหลมๆ ของเขา
ในตอนนั้นเอง ในปากของเขาก็มีเศษเนื้อที่เลือดไหลย้อยออกมา เลือดเหล่านั้นมาจากแผลที่ไหลของฝ่ายตรงข้ามที่ถูกเขากัด
เขาพ่นก้อนเนื้อชิ้นนั้นออกมาจากปากด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ พร้อมพูดออกมาอย่างเย็นชาว่า
“เหม็น”
น้ำเสียงและสีหน้าของเขาสงบราบเรียบอย่างมาก ราวกับว่าเรื่องที่กำลังพูดอยู่นั้นไม่เกี่ยวกับเขาเลยสักนิด
แต่ดูจากท่าทางของเขาแบบนี้นั้น มันทำให้คนรู้สึกเสียวสันหลังวาบ
เด็กหนุ่มที่ยืนฝ่ายตรงข้ามก็สำลักอากาศทันที เพราะเขาไม่กล้าถามว่า คำว่า “เหม็น” มันหมายความว่าอย่างใดกันแน่
น่าจะเพราะไม่อยากรู้คำตอบนี้มากกว่า!
ผู้ชมที่อยู่โดยรอบก็เงียบไปทันที
ไม่ว่าใครก็มองออก ว่าเด็กคนนี้…ไม่ธรรมดา!
เขาเช็ดคราบเลือดจากมุมปาก พร้อมขมวดคิ้วด้วยความรังเกียจเล็กน้อย
แต่หัวใจของเด็กหนุ่มอีกคนกลับเต้นแรงขึ้นทันที! ความไม่สบายใจแผ่ปกคลุมทั่วทั้งหัวใจของเขา!
“เจ้า…เจ้าจะทำอันใด?”
เขาถามอย่างเข้มแข็ง แต่ความจริงภายในกลับหวาดกลัวอย่างมาก น้ำเสียงของเขาจึงสั่นเล็กน้อย
แต่เด็กผมทองคนนั้นกลับไม่พูดอันใดสักคำ เขาเพียงเอียงศีรษะแล้วมองดูอีกฝ่ายเท่านั้น
ทันใดนั้นเขาก็เดินถอยหลังลงไปครึ่งก้าว โก่งโค้งเอวลง ทั่วทั้งร่างกายเต็มไปด้วยความเครียด!
ตอนนั้นเองรูปร่างของเขาก็กลายเป็นหมาป่าตัวหนึ่ง พร้อมพุ่งเข้าใส่อย่างรวดเร็ว!
ในตอนนั้นเองก็ก็ยกมือขึ้น ฝ่ามือที่แข็งกระด้างก็กลายเป็นกรงเล็บหมาป่า พร้อมกดลงไปที่ลำคอของชายหนุ่มคนนั้นแน่น
ความเร็วของเขานั้นเร็วมาก ชายหนุ่มอีกคนหนึ่งโดนโยนลงพื้นโดนที่ไม่ทันได้ โต้ตอบเลยด้วยซ้ำ
“ข้า…แค่กๆ…ยอม…ยอมแพ้แล้ว”
ชายหนุ่มคนนั้นเงยหน้าขึ้นมาสบสายตากับดวงตาสีน้ำตาลที่เย็นชา เขาตัวสั่นหงึกๆ พร้อมยอมแพ้อย่างไม่ต้องลังเลเลย!
สายตาของเด็กหนุ่มผมทองคนนั้นมีประกายความเสียใจพัดผ่านอยู่ ราวกับว่าเสียดายที่ไม่ได้เล่นต่อ
แต่สุดท้ายเขาก็ต้องยอมปล่อยมือ
ในเมื่อเขาชนะแล้ว แต่สีหน้าของเขายังไม่เปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่น้อย หลังจากที่มองไปรอบๆ แล้ว เขาก็เดินลงจากเวทีประลองมา
จากนั้น คาดไม่ถึงว่าเขาจะเดินตรงมาทางฉู่หลิวเยว่!