ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 499 ซื้อมาดู
ตอนที่ 499 ซื้อมาดู [รีไรท์]
มุมปากของต้วนจืออวี่กระตุกอย่างแรง
ไม่รู้ว่าเหตุใดในใจของเขาถึงรู้สึกไม่สบายใจตลอดเวลาเลย
หลังจากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็มองไปที่พนักงานคนนั้น แล้วพูดขึ้นว่า
“จริงสิ ร้านของพวกเจ้ามีสามชั้นใช่หรือไม่?”
พนักงานตัวน้อยรีบตอบด้วยความเคารพ
“ขอรับ ชั้นสองจะเป็นของที่มีมูลค่าแพงขึ้นมาหน่อย ส่วนชั้นสามสงวนไว้สำหรับแขกกิตติมศักดิ์ของทางร้าน หากท่านต้องการขึ้นไปด้านบน ทางเราจะเตรียมส่งคนขึ้นไปแนะนำให้ท่านทันที”
ฉู่หลิวเยว่ต้องการของแพง!
“ไม่ต้องไปหาคนอื่น เจ้าไปกับข้าก็พอแล้ว”
พนักงานคนนั้นตกใจระคนดีใจอย่างมาก
ต้องเข้าใจว่า ในหอร้อยโอสถ ในแต่ละชั้นจะมีคนดูแลที่ต่างกัน
พนักงานชั้นหนึ่งจะไม่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปอีกชั้นหนึ่งตามใจชอบ
เมื่อเห็นท่าทางของฉู่หลิวเยว่แล้ว เห็นได้ชัดว่านางต้องการจะซื้อจำนวนมากแน่นอน
แค่ของที่นางสั่งเมื่อครู่นี้ ก็เยอะมากกว่าที่เขาสามารถขายได้ทั้งเดือนแล้ว!
หากเขาสามารถดูแลให้ฉู่หลิวเยว่พอใจได้ การเลื่อนขั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป!
“คุณหนูฉู่แต่ละชั้นจะมีสถานที่คิดเงินต่างกัน”
พนักงานตัวน้อยรีบหยิบกระดาษหนึ่งแผ่นออกมาแล้วส่งยื่นให้ด้วยสองมือ
“เมื่อครู่นี้ท่านใช้จ่ายครบหนึ่งพันผนึกศิลา พวกเราจึงมอบบัตรระดับทองคำของหอร้อยโอสถให้ และยังได้รับส่วนลดอีกสิบส่วนด้วยขอรับ”
ฉู่หลิวเยว่รับบัตรใบนั้นมา แววตาของนางก็สว่างไสวขึ้น แต่ตอนนั้นเองนางก็หันไปมองต้วนจืออวี่ด้วยความลังเล
“นายพลต้วน หากข้าทำแบบนี้มันจะไม่ดีใช่หรือไม่?”
ต้วนจืออวี่ก็คิดว่าสิ่งที่นางทำนั้นไม่เหมาะสม แต่ว่าก็ไม่สามารถพูดออกมาได้
เขากระแอมไอครั้งหนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า
“คุณหนูฉู่วางใจเถอะ จวนตระกูลมู่ยังสามารถเอาเงินเหล่านี้ออกมาได้”
ของที่อยู่บนชั้นสองนั้นค่อนข้างแพง แต่ให้ฉู่หลิวเยว่เลือกสองสามชิ้นคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
ฉู่หลิวเยว่จึงยิ้มออกมาอย่างวางใจ
“เช่นนั้นก็ดี หากกลับไปที่จวนแล้ว ข้าจะไปกล่าวขอบคุณกับท่านรองแม่ทัพมู่ด้วยตนเอง”
เมื่อพูดจบนางก็ให้พนักงานตัวน้อยนำทางขึ้นไปที่ชั้นสอง
…
เห็นได้ชัดว่าที่ชั้นสองมีลูกค้าน้อยกว่าชั้นแรกมาก
ฉู่หลิวเยว่กวาดสายตามองไปรอบๆ จากนั้นก็พบว่าที่ชั้นนี้มีลูกค้าที่กำลังดูสินค้าอยู่ แค่สองคนเท่านั้น หากรวมนางด้วยก็เป็นสามคน
ความจริงแล้ว หนึ่งในสองคนนั้นนางก็รู้จัก เขาคือนายท่านของชงซวีเก๋อ นามว่าอวี้ฉือซง
เขาก็เป็นหมอเทวดา อีกทั้งเขาก็เคยให้คำแนะนำกับนางไม่น้อยเลยทีเดียว จึงนับว่าเป็นอาจารย์ของนางคนหนึ่ง
คิดไม่ถึงว่าจะได้มาเจอเขาที่นี่
แต่ว่าเมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้แล้ว เขาดูแก่ขึ้นหลายปี ทั้งยังมีผมสีดอกเลาขึ้นเป็นจำนวนมาก
“คุณหนูฉู่ เชิญทางนี้ขอรับ”
พนักงานตัวน้อยที่เดินนำอยู่ด้านหน้าก็เชิญนางเข้าไปด้านใน
ฉู่หลิวเยว่รีบถอนสายตากลับมาอย่างรวดเร็ว จากนั้นนางก็เดินตามพนักงานผู้นั้นไป
ที่นี่ก็ใช้ตู้แสดงสินค้าเหมือนกับด้านล่างเช่นกัน แต่ว่าตู้แต่ละตู้นั้นมีค่ายกลป้องกันที่ซับซ้อนมากกว่า
แน่นอนว่าก็เป็นมาตรฐานของเขา ของเหล่านี้แพงกว่าของด้านหน้าตั้งไม่รู้กี่เท่า
ฉู่หลิวเยว่หันไปมองสมุนไพรที่อยู่ด้านหน้า
มันเป็นของหายากและมีราคาอย่างแท้จริง
แต่ว่าสิ่งที่ไม่เหมือนกับชั้นหนึ่งเลยก็คือ ป้ายที่เขียนไว้ด้านบนนั้น เขียนไว้แค่ชื่อสมุนไพร ไม่มีสรรพคุณและราคาติดเอาไว้
เห็นได้ชัดว่าของเหล่านี้มีไว้สำหรับคนรวยเท่านั้น
ฉู่หลิวเยว่เดินไปไม่นาน ก็ชี้นิ้วไปที่ผลไม้สีเขียวลูกหนึ่ง ที่มีขนาดเท่ากำปั้น
“เอาของชิ้นนั้นมาให้ข้าดูหน่อย”
ต้วนจืออวี่เหลือบสายตาไปมอง
ผลอสรพิษวิญญาณขจี
ดูไปแล้วเหมือนว่าของสิ่งนี้จะไม่มีพลังพิเศษอันใด
แต่สีหน้าของพนักงานคนนั้นก็เปลี่ยนไปทันที
เหมือนว่าตกใจอย่างมาก และยังตื่นเต้นดีใจอีกด้วย เขาจึงรีบสวมถุงเท้าแล้วหยิบผลไม้ชนิดนั้นออกมาด้วยความระมัดระวัง
ที่บอกว่าเอาออกมา ก็เพราะว่าด้านนอกของผลอสรพิษวิญญาณขจีผลนี้ มีค่ายกลระดับหนึ่งครอบทับไว้อยู่
เป็นการป้องกันที่แน่นหนาอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่มองมันอย่างละเอียด
“ผลนี้น่าจะมีอายุมากกว่าห้าร้อยปีใช่หรือไม่?”
“ท่านนี่มีดวงตาแหลมคมจริงๆ! ผลอสรพิษวิญญาณขจีผลนี้ หอร้อยโอสถเก็บมาจากต้นเมื่อพันปีที่แล้ว ทั้งต้นนั้นมีผลอสรพิษวิญญาณขจีแค่สามลูกเท่านั้น นับว่าล้ำค่าอย่างมากขอรับ”
พนักงานตัวน้อยเปลี่ยนความคิดที่มองฉู่หลิวเยว่ไปทันที
คาดไม่ถึงว่าคุณหนูฉู่ผู้นี้จะสามารถดูอายุของผลอสรพิษวิญญาณขจีได้ ดูท่าทางแล้วเหมือนว่าจะไม่ได้มาจากตระกูลชนชั้นธรรมดาเลย
คนทั่วไปแล้วไม่ได้มีสายตาที่แหลมคมเช่นนี้!
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าอย่างพอใจ
“ข้าเอาชิ้นนี้”
ในใจของพนักงานผู้นั้นตกใจระคนดีใจอย่างมาก เขาพูดขึ้นว่า
“ผลอสรพิษวิญญาณขจีลูกนี้มีราคาห้าพันผนึกศิลาขาว ท่านแน่ใจใช่หรือไม่ขอรับ?”
ต้วนจืออวี่เงยหน้าขึ้นมามองทันที
คาดไม่ถึงว่าไอ้ผลสีเขียวๆ ลูกนี้จะมีราคาห้าพันผนึกเชียว
เหมือนว่าฉู่หลิวเยว่จะสัมผัสได้ถึงความผิดปกติของเขา จึงถามออกมาอย่างเป็นห่วงว่า
“นายพลต้วน เป็นอันใดไปหรือ?”
ต้วนจืออวี่หัวเราะอย่างฝืดๆ ว่า
“ม่ะ ไม่มีอันใด…”
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็เข้าใจได้ในทันทีว่า แล้วกระซิบถามเสียงเบาว่า
“อ่า ข้าเลือกของแพงไปใช่หรือไม่?”
ต้วนจืออวี่ “…”
เรื่องแบบนี้ยังจำเป็นต้องถามอีกหรือ?
แม้นายท่านจะบอกว่าให้ดูแลคุณหนูฉู่ให้ดีที่สุด แต่ถ้าให้ดูแลเช่นนี้ เกรงว่านายท่านจะต้องกระอักเลือดแน่นอน!
แต่ในเมื่อพูดไปแล้วจะกลับคำได้อย่างใดเล่า?
ต้วนจืออวี่ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
“เปล่าขอรับ ท่านอย่าคิดมาก เพียงแต่ข้าเป็นคนหยาบกระด้าง ไม่รู้จักสมุนไพรเหล่านี้ดี คิดไม่ถึงว่ามันจะมีมูลค่าขนาดนี้ ตอนแรกจึงตกใจเล็กน้อยขอรับ”
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจออกมา
“งั้นก็ดีแล้ว ข้ายังกังวลอยู่เลยว่ามีตรงไหนที่ข้าทำไม่ถูกหรือไม่”
ต้วนจืออวี่อยากจะพูดแต่ก็พูดไม่ได้ ใบหน้าราบเรียบ แต่ในใจกลับครุ่นคิดถึงเหตุผลอย่างบ้าคลั่ง เขาจะบอกนายท่านเรื่องนี้ว่าอย่างใดดี
ฉู่หลิวเยว่เดินต่อไปด้านหน้า
ชั้นนี้กว้างมาก สมุนไพรก็เยอะมาก
ของที่ฉู่หลิวเยว่ชอบมีมากมายเต็มไปหมด
เมื่อเดินมาหนึ่งส่วนสาม นางก็เลือกของที่ต้องการออกมาหมดแล้ว
พนักงานที่ยืนอยู่ด้านหลัง ใช้สายตาสำรวจอย่างเงียบๆ คาดไม่ถึงว่านางจะเลือกของที่แพงที่สุดในชั้นนี้
“คุณหนูฉู่ จากการใช้จ่ายของท่านเมื่อครู่นี้ ท่านใช้จ่ายเกินหนึ่งหมื่นผนึกศิลา บัตรทองของท่าน ก็เลื่อนขั้นเป็นบัตรทองคำขาว นอกจากของที่อยู่บนชั้นสาม ของทุกชิ้นสามารถลดสิบห้าส่วน”
ฉู่หลิวเยว่ได้ยินดังนั้น ทันใดนั้นก็หยิบผนึกน้ำแข็งแปดสีออกมาด้วย
“เอาอันนี้ด้วย”
พนักงานตัวนั้นค่อนข้างคุ้นเคยกับความฟุ่มเฟือยของฉู่หลิวเยว่แล้ว เขาจึงยิ้มออกมาแล้วพูดว่า
“ผนึกน้ำแข็งแปดสีก้อนนี้ ได้มาจากทะเลลึก เป็นพลังแห่งความเย็น ราคาอยู่ที่เจ็ดพันผนึกศิลาขาว”
ฝีเท้าของต้วนจืออวี่ชะงักไปเล็กน้อย
เชียงหว่านโจวที่ยืนอยู่ข้างๆ ฉู่หลิวเยว่ก็ขมวดคิ้ว พร้อมถามเสียงเบาว่า
“ภายในร่างกายของข้ามีความเย็นอยู่แล้ว..น่าจะใช้ของชิ้นนี้ไม่ได้หรอกมั้ง?”
“ใครบอกว่าจะให้เจ้า”
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองเขา
“ข้าก็แค่เห็นมันสวยดี ก็เลยซื้อมาดู”