ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 503 แหวนเฉียนคุน
ตอนที่ 503 แหวนเฉียนคุน [รีไรท์]
ซั่งกวนหว่านตกใจอย่างมาก
เจียงอวี่เฉิงไม่เคยโกรธนางขนาดนี้มาก่อนเลย!
ในใจของนางก็รู้สึกโมโหอย่างมาก!
“เจ้าบอกว่าใครเพ้อเจ้อ? เจียงอวี่เฉิง เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้เจ้ากำลังพูดอยู่กับใคร!?”
เจียงอวี่เฉิงถึงได้รู้สึกตัว จากนั้นเขาก็หมุนตัวกลับมา แล้วค่อยๆ สูดลมหายใจเข้าอย่างลึกๆ อารมณ์ของเขาถึงค่อยสงบนิ่งลงมาได้
“หว่านเอ๋อร์ นี่ไม่ใช่เรื่องที่อยากคุยกับเจ้า เจ้าก็รู้ว่าช่วงนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย ข้าประมาทไปหน่อย…กว่าจะมาถึงวันนี้มันไม่ง่ายเลย หากเพราะเรื่องเล็กๆ เท่านี้ทำให้ความพยายามของเราทั้งหมดสูญเปล่า มันน่าเสียดายมากเลยนะ!”
เขาเดินเข้าไปที่ด้านหน้าของซั่งกวนหว่านอีกครั้ง จากนั้นก็กำลังจะดึงอีกฝ่ายเข้ามาในอ้อมกอด
“กว่าพวกเราจะเดินมาถึงจุดนี้มันไม่ง่ายเลยนะ…”
ซั่งกวนหว่านผลักเขาออก แล้วแค่นหัวเราะเสียงเย็นว่า
“เจียงอวี่เฉิง เจ้ามาพูดเรื่องแบบนี้ตอนนี้มันไม่ปลอมไปหน่อยหรือ?”
สีหน้าน่ารังเกียจของเขาเมื่อครู่นี้ นางเห็นมันอย่างชัดเจน!
“ตอนนี้เจ้าคงคิดว่าชีพจรของข้าถูกทำลายแล้ว ดังนั้นก็เลยไม่สนใจข้าแล้วสิ? ข้าจะบอกอันใดให้นะ คนในราชวงศ์เทียนลิ่งตั้งมากมายอยากเข้ามาครองตำแหน่งเดียวกับเจ้า เจ้าอย่าทำเกินไปนัก!”
ตอนนี้ซั่งกวนหว่านมีอำนาจมากมายอยู่ในมือ แน่นอนว่านางไม่กลัวเจียงอวี่เฉิงอยู่แล้ว
แววตาของเจียงอวี่เฉิงเปลี่ยนไปทันที ในใจของเขาเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยและดูถูก
ตอนนี้ซั่งกวนหว่านคงยังไม่รู้ นางจะอยู่ในสถานการณ์ชีพจรเสียหายไปแบบนี้อีกนานเท่าใดกัน?
หากไม่ใช่เพราะว่า…
เจียงอวี่เฉิงพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อนโยนว่า
“หว่านเอ๋อร์ เจ้าคิดมากเกินไปแล้ว ที่ข้าทำทั้งหมดนี้ก็เพื่อเจ้า! ข้าชอบเจ้ามาตั้งหลายปีขนาดนี้ ในใจของข้าเป็นอย่างใด เจ้ายังไม่รู้อีกหรือ?”
สีหน้าของซั่งกวนหว่านค่อยๆ อ่อนลงเล็กน้อย
“จริงหรือ?”
“แน่นอนว่าเป็นความจริง! เมื่อครู่นี้ข้ารีบร้อนมากไปหน่อย จึงเลือกคำพูดไม่ถูกต้อง เจ้าก็รู้ว่าข้าเกลียดผู้หญิงคนนั้นมากขนาดไหน เมื่อเห็นเจ้าพูดถึงแบบนั้น ข้าจึง…ลืมนึกถึงใจของเจ้าไป”
ในที่สุดคำพูดเหล่านั้นก็ไหลเข้าไปในใจของซั่งกวนหว่านแล้ว
นางแค่นหัวเราะเสียงเบา “งั้นก็ดี ข้าเองก็เกลียดนาง”
เจียงอวี่เฉิงกอดเอวของนางไว้
“จากนี้พวกเราไม่ต้องพูดเรื่องนี้แล้วนะ หื้ม? รอฝ่าบาทฟื้นขึ้นมา แล้วพวกเราจัดงานแต่งงานกันนะ”
จากนั้นซั่งกวนหว่านก็พูดขึ้นว่า
“เช่นนั้นเจ้าก็อย่าดุข้าอีกนะ”
เจียงอวี่เฉิงยิ้มแล้วพูดขึ้นว่า “แน่นอน”
แต่ในแววตาของเขา กลับมีประกายเย็นเยียบแผ่ออกมา
…
จวนตระกูลมู่
เมื่อได้ยินคำพูดของเชียงหว่านโจว ผ่านได้สักพักฉู่หลิวเยว่ถึงได้สติขึ้นมา
“งั้น…งั้นหลายปีที่ผ่านมานี้ เจ้ามีชีวิตรอดมาได้อย่างใด?”
ถ้าเขามีมันมาตั้งแต่ตอนเด็กๆ เขาไม่น่าจะอยู่รอดมาถึง
เชียงหว่านโจวพูดขึ้นว่า
“เมื่อก่อนในร่างกายของข้า เคยมีเชื้อเพลิงลูกหนึ่งอยู่ แต่เมื่อหนึ่งปีก่อน จู่ๆ มันก็ดับไป จากนั้นข้าจึงออกจากชายแดนใต้มา เพื่อมาที่ซีหลิง”
ฉู่หลิวเยว่คาดเดาว่า “เชื้อเพลิงในร่างกายของเจ้า ผู้หญิงคนนั้นที่มอบให้?”
“อื้อ”
“งั้นพวกเจ้าก็น่าจะรู้จักกันมานานแล้วสิ?”
“อื้อ”
ฉู่หลิวเยว่เงียบไปสักพัก
เชื้อเพลิงดับไปอย่างกะทันหัน มีความเป็นไปได้อยู่สองอย่าง
หนึ่งชีพจรของผู้บำเพ็ญเพียรถูกทำลาย สองหมอเทวดาคนที่มอบเชื้อเพลิงนี้ได้ตายลงไปแล้ว
หากเป็นอย่างข้อแรกล่ะก็ ภายในร่างกายของเชียงหว่านโจวน่าจะมีร่องรอยบาดแผลของเชื้อเพลิง
แต่ว่านางกลับหาไม่เจอ…ไม่มี…
นั้นหมายความว่า…ความจริงแล้ว คนที่เขากำลังตามหาอยู่ มีความเป็นไปได้อย่างมากว่าจะตายแล้ว
“ก๊อกๆ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นมา
“คุณหนูฉู่ ของที่ท่านซื้อมาจากหอร้อยโอสถมาส่งแล้วขอรับ” เป็นเสียงของต้วนจืออวี่นั่นเอง
ฉู่หลิวเยว่ลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินไปเปิดประตู
ต้วนจืออวี่สั่งให้ทหารที่อยู่ในจวนขนของเหล่านั้นเข้ามา เมื่อของพวกนั้นรวมกันแล้วก็กองสูงเท่าภูเขาลูกย่อมๆ
เมื่อเขาหันไปมองฉู่หลิวเยว่ พบว่าสีหน้าของฉู่หลิวเยว่กลับสงบอย่างมาก เมื่ออยู่ตรงหน้าของเหล่านี้
นางก้าวเดินขึ้นมาเก็บของด้วยตนเอง
“ถูกต้อง ของเหล่านี้แหละ”
หลังจากคนเหล่านั้นออกไปแล้ว นางก็ยกแขนขึ้นมา พร้อมเลือกของบางอย่างที่อยู่จำนวนนั้น แล้วเอามาใส่ถุงเฉียนคุนของตนเอง
ตอนนั้นเอง ต้วนจืออวี่ก็เดินเข้ามา พร้อมยื่นของบางอย่างมอบให้ด้วยสองมือ
“คุณหนูฉู่ รองแม่ทัพกลัวว่าท่านจะพกพาของที่ซื้อมาไม่สะดวก จึงเตรียมแหวนเฉียนคุนเอาไว้ให้ท่านโดยเฉพาะ สามารถลดความยุ่งยากไปได้มากทีเดียว”
ฉู่หลิวเยว่เงยหน้าขึ้นไปมอง ในมือของอีกฝ่ายมีแหวนเฉียนคุนสีเงินวางเอาไว้อยู่จริงๆ
“รองแม่ทัพมู่พูดเช่นนั้นจริงๆ หรือ?” นางมองต้วนจืออวี่ด้วยใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
ต้วนจืออวี่พูดโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “ใช่ขอรับ”
ความจริงก็คือ “นางจะซื้อก็ให้นางซื้อ แน่จริงก็ให้นางซื้อจนเต็มแหวนเฉียนคุนวงนี้เลย!”
มุมปากของฉู่หลิวเยว่ยกยิ้มขึ้น
มู่ชิงเห่อติดหนี้นางเยอะมาก จะไปพออันใดกับแค่หนึ่งแสนผนึกศิลา
นางหยิบแหวนเฉียนคุนขึ้นมาโดยไม่รู้สึกผิด จากนั้นก็ถ่ายเทพลังปราณเข้าไป
ทันใดนั้นแหวนเฉียนคุนก็เปล่งแสงออกมาหนึ่งสาย นี่คือการยืนยันตัวตนของเจ้านาย
หลังจากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็ตรวจสอบแล้วว่าแหวนเฉียนคุนใบนี้ใหญ่มาก การหลอมแหวนเฉียนคุนนั้นยากกว่าการหลอมถุงเฉียนคุน ยิ่งพื้นที่มิติกว้างมากเท่าไร ราคาก็มากขึ้นเท่านั้น
แค่แหวนฉียนคุนวงเดียวก็อาจจะมีราคาหลายพันผนึกศิลาแล้ว
แต่หากเมื่อเทียบกับนางในอดีต ถือว่าขนหน้าแข้งไม่ร่วงเลยสักเส้น
ในเมื่อมู่ชิงเห่อไม่สนใจ เช่นนั้นนางก็ยิ่งไม่สนใจ
“ตอนนี้ท่านรองแม่ทัพยุ่งหรือไม่? ข้าจะไปกล่าวขอบคุณกับเขาด้วยตนเอง” ใบหน้าของฉู่หลิวเยว่เต็มไปด้วยความจริงใจอย่างมาก
ต้วนจืออวี่กระแอมไอขึ้นมาเสียงหนึ่งแล้วกล่าวว่า ”รองแม่ทัพมู่กล่าวว่าพรุ่งนี้ท่านต้องไปเข้าร่วมงานแข่งขันหมื่นทูร วันนี้ให้ผ่อนคลายให้มากๆ ก็พอแล้ว เรื่องอื่นๆ ยังไม่ต้องรีบร้อน”
ฉู่หลิวเยว่ลูบจมูกของตนเอง
มู่ชิงเห่ออาจจะไม่อยากเห็นหน้านางในตอนนี้…
“ในเมื่อเป็นเช่นนั้นก็ฝากท่านนายพลต้วนไปขอบคุณท่านรองแม่ทัพด้วย”
ต้วนจืออวี่รีบตอบรับทันที
ฉู่หลิวเยว่นำสมุนไพรเหล่านั้นใส่ลงไปในแหวนเฉียนคุน จากนั้นก็หมุนตัวกลับเข้าไปในห้อง
เชียงหว่านโจวยังคงรอนางอยู่ที่เดิม
ฉู่หลิวเยว่หยิบเตาหลอมโอสถออกมา จากนั้นก็หยิบสมุนไพรที่จำเป็นต้องใช้ออกมา พร้อมจัดเรียงอย่างเป็นระเบียบ
มือของนางวางเอาไว้อยู่ที่ปากของเตาหลอม จากนั้นเปลวเพลิงสีแดงชาดก็ลุกท่วมเตาหลอมทันที!
นางหยิบผลอสรพิษวิญญาณขจีออกมา จากนั้นก็โยนเข้าไป
ทันใดนั้นกลิ่นหอมสดชื่นก็กระจายออกมาทันที!
ลูกไฟก็โหมไปที่ผลอสรพิษวิญญาณขจี เปลือกของผลไม้ชิ้นนั้นก็หลายเป็นสีแดง
เนื้อที่อยู่ด้านในก็ค่อยๆ โปร่งแสง จนเปลือกสีแดงส่วนสุดท้าย เหมือนกำลังห่อหุ้มอันใดบางอย่างที่โปร่งใสอยู่
หลังจากนั้นไม่น้อยเปลือกของมันก็หลุดลอกออกหมดแล้ว น้ำของผลด้านในก็ไหลออกมา
ขณะนั้นเองฉู่หลิวเยว่ก็ใส่บุปผาเกล็ดเงินลงไป
น้ำผลไม้เหล่านั้นก็หยดลงไปที่ดอกไม้ ทันใดนั้นน้ำค้างแข็งสีฟ้าที่เอยู่ตามกลีบก็ละลายไปทันที
ทันใดนั้นเองกลีบบดอกไม้สีฟ้าก็กลายเป็นเปลวเพลิงสีฟ้าอ่อนอย่างรวดเร็ว!
ไอร้อนสายหนึ่งก็กระจายออกมาทันที!
ต้วนจืออวี่ที่ยืนอยู่ด้านนอกก็สามารถได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของโอสถได้ จึงอดรู้สึกแปลกใจไม่ได้
เขารู้ว่าฉู่หลิวเยว่เป็นหมอเทวดา แต่เขาก็คิดว่าฝีมือของอีกฝ่ายไม่ได้ดีนัก
น้อยคนนักที่จะมีคนที่มีพรสวรรค์ด้านวรยุทธการต่อสู้ แล้วยังจะโดดเด่นเรื่องการหลอมโอสถอีก
แต่ว่าเบื้องหลังของนางกลับเป็นเพียงคนธรรมดาเท่านั้น ต้องบอกก่อนว่า คนที่สามารถเป็นหมอเทวดาได้นั้น จำเป็นจะต้องสิ้นเปลืองแรงและสมุนไพรเป็นจำนวนมาก
ตอนที่ฉู่หลิวเยว่ซื้อของราคาแพงพวกนั้น เขาก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
สมบัติที่หายาก ก็ยิ่งยากจะสามารถหลอมโอสถออกมาให้มีประสิทธิภาพดีเยี่ยม
แต่เมื่อดูจากตอนนี้ เหมือนว่าฉู่หลิวเยว่…จะแข็งแกร่งกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก