ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 530 ลุกขึ้น
ตอนที่ 530 ลุกขึ้น [รีไรท์]
หนิงเจียวเจียวมองไปรอบๆ ด้วยสายตาเหม่อลอย จากนั้นนางถึงได้รู้สึกตัวว่านี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้น
นางโดนคัดออกมาจากอาณาจักรเทพเทียนลิ่งแล้ว! นางตกรอบแล้ว!
สายตาจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน กำลังจับจ้องที่ตัวของนางอยู่ ทำให้นางรู้สึกลำบากใจอย่างมาก
นางพ่ายแพ้แล้ว!
ไม่ว่าจะเป็นกระบี่หลงหยวน หรือ งานหมื่นทูร นอกจากร่างกายที่บาดเจ็บ นางไม่ได้อันใดกลับมาเลย!
นางกำหมัดกร๊อด แล้วทุบลงบนพื้นอย่างแรง!
แต่ทันทีที่นางขยับ นางก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก
หลังมือของนางมีแผลพุพองขนาดใหญ่ที่เกิดจากการโดนไฟลวกตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ทราบ แค่ขยับ ก็รู้สึกเจ็บอย่างมาก
หนิงเจียวเจียวเจ็บจนใบหน้าบิดเบี้ยว
“คิดไม่ถึงว่าหนิงเจียวเจียวจะได้อันดับหก…ข้าคิดว่าจะต้องเป็นฉู่หลิวเยว่แท้ๆ”
“ต่อให้ไม่ใช่ฉู่หลิวเยว่ ก็น่าจะเป็นคนอื่น นับว่าหนิงเจียวเจียวเป็นคนที่เก่งที่สุดในพวกเขาแล้วไม่ใช่หรือ? ใช้หัวนิ้วโป้งเท้าคิดก็รู้แล้ว พ่อของนางจะต้องช่วยนางเตรียมตัวมาไม่น้อยทีเดียว! ไม่รู้จริงๆ ว่าด้านในนั้น เกิดอันใดขึ้นกันแน่…”
เสียงซุบซิบดังเข้าหูของนาง
ทันใดนั้นร่างของนางก็แข็งค้างไป
คนเหล่านั้นกำลังพูดว่าอันใดนะ?
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้โดนคัดออกไปตั้งนานแล้วหรือ!?
ตอนนั้นเองนางก็เหลือบไปมองกระดานหยกสีดำที่ลอยอยู่กลางอากาศ
รายชื่อส่วนใหญ่บนกระดานแผ่นนั้นได้หายไปหมดแล้ว
เหลือเพียงห้าชื่อเท่านั้น ทำให้นางมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ทันใดนั้นนางก็เห็นชื่อหนึ่ง…
ฉู่หลิวเยว่!
ชื่อของนาง ยังอยู่บนนั้น!
นางยังไม่โดนคัดออก!?
สมองของหนิงเจียวเจียวหยุดทำงานอย่างกะทันหัน
เหตุใดถึงเป็นเช่นนี้เล่า?
ฉู่หลิวเยว่โดนเปลวเพลิงสีทองในหลุมยุบกลืนกินไปตั้งนานแล้ว นางน่าจะออกมาจากอาณาจักรเทพเทียนลิ่งก่อนหน้านี้แล้วสิ!
ตอนนี้มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่?
ใบหน้าของนางซีดเผือดราวกับผี นางยกนิ้วชี้ไปทางชื่อของฉู่หลิวเยว่อย่างยากลำบาก แล้วพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงสั่นๆ
“ฉู่…ฉู่หลิวเยว่…ยังอยู่หรือ!?”
ผู้อาวุโสทั้งแปดที่ยืนอยู่ด้านข้างของเขตอาคมก็มองหน้ากันไปมา
ความจริงแล้วพวกเขาก็สงสัยเกี่ยวกับเรื่องนี้อยู่เช่นกัน
แต่ความจริงก็เป็นเช่นนั้น
ผู้อาวุโสตวนมู่ฉุนพยักหน้า เพื่อยืนยันการคาดเดาของนาง
“ถูกต้อง เจ้าคืออันดับหก ด้านในเหลืออีกห้าคน ยังไม่ออกมา”
ทันใดนั้นหนิงเจียวเจียวก็เหมือนนึกอันใดขึ้นมาได้
ตอนที่กระบี่หลงหยวนเลือกเจ้านายคนใหม่ มีลำแสงกลุ่มหนึ่งพุ่งขึ้นมาจากหลุมยุบ ในลำแสงนั้นจะต้องเป็นคนอย่างแน่นอน!
หรือว่า…คนคนนั้นคือฉู่หลิวเยว่?!
ไม่!
ไม่ใช่!
ต่อให้คนคนนั้นคือฉู่หลิวเยว่ ทั้งหมดก็มีเพียงสี่คนเท่านั้น! เหตุใดถึงมีหกคนได้เล่า?นางรีบมองรายชื่อทั้งห้าที่อยู่บนกระดานหยกสีดำอย่างตั้งใจอีกครั้ง
นอกจากฉู่หลิวเยว่ หยางเซิ่นเอ๋อร์ เชียงหว่านโจว และยังมีอีกสองคนที่นางยังไม่เคยเห็นหน้าค่าตามาก่อน!
นี่…นี่มันเรื่องอันใดกันแน่เนี่ย?
หนิงเจียวเจียวรู้สึกสับสนอย่างมาก มีสมมติฐานมากมายผุดขึ้นในสมองของนาง ทำให้นางรู้สึกปวดหัวอย่างมาก!
นางปวดมากจนต้องกุมศีรษะของตัวเองเอาไว้แน่น แล้วกรีดร้องโหยหวนออกมา
“อ๊าก…”
ผู้ชมที่ดูอยู่ ก็รู้สึกตกใจกับปฏิกิริยาของนางมาก
แต่ตอนนั้นเอง ดวงตาของหนิงเจียวเจียวเหลือกขึ้น จากนั้นก็ล้มหมดสติลงไปกองที่พื้น
ผู้อาวุโสตวนมู่ฉุนรีบพูดขึ้นมาว่า
“ยังไม่รีบพานางไปรักษาอีก!”
“ขอรับ!”
ทหารม้าทมิฬที่อยู่รอบเวทีประลองก็รีบขึ้นมาทันที จากนั้นก็ยกหนิงเจียวเจียวออกไป
แต่ท่าทางที่คลุ้มคลั่งของหนิงเจียวเจียวเมื่อครู่นี้ ก็ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดผวาอย่างมาก
ผู้อาวุโสทั้งหลายก็ต่างมองหน้ากัน ในใจก็มีความกังวลอย่างมาก
เหมือนว่าในอาณาจักรเทพเทียนลิ่งจะมีอันใดบางอย่างที่ทำให้นางรู้สึกสะเทือนใจ…
น่าเสียดายที่พวกเขามีหน้าที่เฝ้าเขตอาคมนี้ไว้เท่านั้น จึงไม่สามารถล่วงรู้ถึงสถานการณ์ที่อยู่ด้านใน
ผู้อาวุโสตวนมู่ฉุนขมวดคิ้วแน่น แล้วถอนหายใจออกมา
ก่อนหน้านี้เขาเคยพูดแล้วว่าอาณาเทพเทียนลิ่ง ไม่สามารถเปิดออกตามความต้องการได้ และยิ่งไม่ควรให้คนที่ไม่ใช่คนจากราชวงศ์เทียนลิ่งเข้าไปด้านในด้วย
ตอนนี้ก็เกิดเรื่องขึ้นจริงๆ ด้วย!
แต่เรื่องมันก็มาถึงขนาดนี้แล้ว จะห้ามก็คงจะสายเกินไปแล้ว
สิ่งเดียวที่พวกเขาสามารถทำได้ก็คือ อธิษฐานไม่ให้สถานการณ์ย่ำแย่ไปมากกว่านี้
…
อวี่เหวินจิงหงมองไปยังรายชื่อที่อยู่บนกระดาน แล้วหัวเราะดัง “เหอะ” ออกมา
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าที่เจี่ยนเฟิงฉือลงพนันว่าฉู่หลิวเยว่จะเป็นที่หนึ่งนั้น เป็นเรื่องที่บ้า แต่ว่าดูจากตอนนี้แล้ว…
เหมือนว่าจะไม่ใช่จะไม่มีหวังเลย?
หากนางได้ที่หนึ่งจริงๆ ล่ะก็…เจี่ยนเฟิงฉือก็รวยเละแล้ว!
เขาเองก็ควรจะเดิมพันเพิ่มอีกหน่อยดีหรือไม่…
“เจ้าไปหาเด็กสาวที่เก่งกาจขนาดนี้มาจากที่ไหน?”
เขาเอนตัวไปด้านข้างของเจี่ยนเฟิงฉือ แล้วกระซิบถามเสียงเบา
เจี่ยนเฟิงฉือเหลือบสายตามองเขาอย่างดูถูก
อวี่เหวินจิงหงรีบปิดปากของตนเองทันที จากนั้นก็เดินไปที่โต๊ะพนันอย่างเงียบๆ
“ข้าจะเพิ่มเงินอีกหนึ่งพันผนึกศิลา”
…
อาณาจักรเทพเทียนลิ่ง
หยางเซิ่นเอ๋อร์ยืนอยู่บนกระบี่บิน พยายามหลบเลี่ยงวิถีดาบของเชียงหว่านโจว แต่ดาบวายุที่แหลมคมของเขาก็ยังฟันเข้าที่หัวไหล่ของนาง จนทิ้งคราบเลือดเอาไว้
นางรีบมองบาดแผลที่หัวไหล่ของตัวเองอย่างรวดเร็ว หยดเลือดไหลริน หลังจากไม่นานแขนทั้งแขนของนางก็กลายเป็นสีแดง
วิถีดาบเมื่อครู่นี้ ถ้าฟันมาอย่างแม่นยำกว่านี้ เกรงว่าคอของนางคงขาดไปแล้ว!
หยางเซิ่นเอ๋อร์ในที่สุดความรู้สึกหวาดกลัวก็พวยพุ่งออกมาจากก้นบึ้งในใจของนาง!
เดิมทีนางเองก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเชียงหว่านโจวอยู่แล้ว!
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางคงต่อกรได้อีกแค่ไม่กี่กระบวนท่า เชียงหว่านโจวก็สามารถบีบนางออกจากอาณาจักรเทพเทียนลิ่งได้แล้ว!
นางรีบเงยหน้าขึ้นไปมอง
หุ่นเชิดของนางก็กำลังต่อสู้อยู่กับมายาอสูรศักดิ์สิทธิ์!
ในขณะเดียวกันเอง!
ทันใดนั้นแรงกดดันของกระบี่หลงหยวนก็เพิ่มมากขึ้น!
บนพื้นก็มีหุบเหวแตกระแหงเพิ่มขึ้นอีกจำนวนนับไม่ถ้วน
สายฟ้าปรากฏขึ้นตรงใบมีดของกระบี่หลงหยวน!
จากนั้นก็มีลมพัดอย่างบ้าคลั่ง!
ท้องฟ้ามืดสนิทแล้ว มีเพียงกระบี่หลงหยวนเท่านั้นที่ยังเปล่งประกายอยู่!
ตู้ม!
ตู้ม!
กระบี่กู่ร้องคำรามเสียงดัง!
สองมือของฉู่หลิวเยว่จับด้ามกระบี่ไว้แน่น หัวใจของนางเต้นแรงราวกับกำลังจะหลุดออกมา
ในตอนนั้นเองพลังชีวิตก็พลุ่งพล่านออกมา!
ทะเลเพลิงที่กว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุดก็โหมกระหน่ำขึ้นมาทันที
ในที่สุดกระบี่หลงหยวนที่ถูกปักลงดินมานับพันปีก็เริ่มขยับตัวแล้ว!
ฉู่หลิวเยว่หน้าแดงก่ำ สายตาเต็มไปด้วยเจตจำนงแห่งการต่อสู้อย่างแรงกล้า!
ตอนนั้นเอง!
กระบี่หลงหยวนก็หลุดออกมาแล้ว!