ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 534 ชนะดั่งราชา
ตอนที่ 534 ชนะดั่งราชา [รีไรท์]
แค่อีกนิดเดียวเท่านั้น!
ก่อนหน้านี้ ในตอนที่เจี่ยนเฟิงฉือตั้งเดิมพันว่าฉู่หลิวเยว่จะได้ที่หนึ่ง เขาคิดว่าอีกฝ่ายนั้นเสียสติไปแล้ว แต่กลับคิดไม่ถึงว่าสถานการณ์มันจะกลับตาลปัตรถึงเพียงนี้!
และท่ามกลางความโกลาหล ก็มีเพียงกลุ่มคนที่ลงพนันเท่านั้น ที่ยังคงเงียบกริบ
ผู้เข้าแข่งขันเหล่านั้นถูกคัดออกทีละคน ทำให้พวกเขาไม่มีเวลาแม้แต่จะตอบโต้ด้วยซ้ำ!
แต่ทันใดนั้น ก็เกิดความผันผวนอีกระลอกหนึ่งขึ้นบนค่ายกลเคลื่อนย้ายอีกครั้ง!
ผู้คนทั่วทั้งจัตุรัสเงียบเสียงลงทันตา พลันหันมองดูมันตาไม่กะพริบ!
ผลของการเดิมพันครั้งนี้จะถูกเปิดเผยแล้ว!
พลันท่ามกลางสายตานับไม่ถ้วน จู่ๆ ก็ร่างหนึ่งโผล่พรวดออกมา!
ซึ่งก็คือเจ้าของร่างที่ดูเยาว์วัย
แสงระเรื่อสะท้อนลงบนผมสีบลอนด์ตัดสั้นของเขา จนเกิดเป็นรัศมีเรืองรองจางๆ
เมื่อเทียบกับสองสามคนก่อนหน้านี้ สภาพของเขานั้นดูดีกว่ามาก เว้นเสียแต่คราบเลือดสีเข้มบนเสื้อผ้านั่น แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก!
เขายืนอยู่ตรงนั้นพร้อมมองไปรอบๆ ใบหน้าขาวนั่นดูเย็นชาราวไม่แยแส
จากนั้นชื่อของเขาบนแผ่นหยกสีดำ ก็ค่อยๆ หายไป
ทั่วทั้งจัตุรัสขนาดใหญ่ตกอยู่ในความเงียบ
“…เชียงหว่านโจว…นั่นมันเชียงหว่านโจว!”
ใครบางคนตะโกนลั่นทำลายบรรยากาศอันน่าอึดอัดนี้!
เช่นเดียวกับสะเก็ดไฟที่หล่นลงในกระทะน้ำมันร้อนๆ จนไฟลุกพรึบ!
เพียงพริบตา คนทั้งสนามก็เดือดดาลราวกับกองไฟ!
“เชียงหว่านโจวได้ที่สอง! แสดงว่าในอาณาเขตเซียนเทพ เหลือเพียงแค่ฉู่หลิวเยว่คนเดียว!”
“…นางได้ที่หนึ่ง…นี่นางจะได้ที่หนึ่งจริงๆ หรือ!? เป็นไปได้อย่างใด!”
“นักรบระดับสาม…นางเป็นแค่นักรบระดับสามจริงหรือ?!”
ทว่าในเมื่อผู้ชมทุกคนได้เจอกับผลลัพธ์อันน่าตกใจนี้แล้ว หากให้มานั่งคิดหาเหตุผลว่า เหตุใดคนเหล่านั้นถึงถูกคัดออกภายในเวลาสั้นๆ เช่นนี้ ก็เกรงว่าจะสายไปเสียแล้ว!
ตอนนี้ในใจของพวกเขามีเพียงความคิดเดียวที่เหลืออยู่!
นั่นก็คือ ฉู่หลิวเยว่ที่อยู่ระดับต่ำสุดในบรรดานักรบทั้งหมด กำลังจะชนะและคว้าอันดับหนึ่งในงานหมื่นทูรไปครอง!
อวี่เหวินจิงหงตกตะลึง ตัวแข็งทื่อ พลันไปมองเจี่ยนเฟิงฉือ
“นะ…นางเด็กตัวจ้อยนั่น…จะได้ที่หนึ่ง…จริงๆ หรือ!?”
เจี่ยนเฟิงฉือสะบัดพัดในมือใส่เขา พลางมองอีกฝ่ายด้วยท่าทางรังเกียจ
“อย่าทำหน้าสิ้นหวังเช่นนั้น ข้าไม่อยากเป็นเพื่อนกับคนเขลาหรอกนะ”
อวี่เหวินจิงหงกลืนน้ำลายดังอึก
“ข้า…ข้า…”
เขาเป็นถึงนายน้อยแห่งตระกูลอวี่เหวิน อีกทั้งยังเคยเห็นโลกกว้างมานักต่อนัก แต่กลับต้องมาตกตะลึงพูดไม่ออกกับเหตุการณ์ธรรมดาเช่นนี้
ตะ…แต่ว่า…
“ฉู่หลิวเยว่ได้ที่หนึ่งเชียวนะ! เจี่ยนเฟิงฉือ เจ้ารู้หรือไม่ว่านี่มันหมายความว่าอย่างใด!”
อวี่เหวินจิงหงตื่นเต้นจนเผลอกระโดดเข้าไปเกาะไหล่ของเจี่ยนเฟิงฉือ
เจี่ยนเฟิงฉือผงะเล็กน้อย ก่อนจะค่อยๆ ขยับตัวหนี
“ไอ้หยา เขยิบออกไปไกลๆ ข้าเลยนะ!”
ช่างน่าอายจริงๆ!
เขาสูดหายใจเข้า พลางจัดแขนเสื้อให้เข้าที่ และพูดด้วยรอยยิ้มบางๆ
“แน่นอน ข้าย่อมรู้ว่ามันหมายความว่าอย่างใด เจ้าคงเตรียมใจ พร้อมจ่ายเงินให้ข้าแล้วใช่หรือไม่?”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น แววตาของอวี่เหวินจิงหงก็หม่นหมองลงทันที
เมื่อครู่เขามัวแต่อึ้งกับเรื่องที่ฉู่หลิวเยว่ได้ที่หนึ่ง จนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท!
“บัดซบ!”
หลังจากตกตะลึงอยู่นาน ในที่สุดเขาก็สบถออกมาอย่างดุเดือด
เจี่ยนเฟิงฉือล่ะกลัวว่าอีกฝ่ายจะเส้นเลือดในสมองแตกตายจริงๆ!
เพราะเขาวางเงินพนันสำหรับที่หนึ่งให้ฉู่หลิวเยว่ไว้สูงมาก แถมฝ่ายนั้นก็ยังเดิมพันไว้เยอะอีกด้วย…
เจี่ยนเฟิงฉือเหลือบมองเขาอย่างสบายอารมณ์
“ตื่นเต้นหรือ? เจ้าเดิมพันกับข้าเองมิใช่หรือไร?”
อวี่เหวินจิงหงยกมือกุมศีรษะอย่างขมขื่น
“ข้าแค่เสียดายที่ลงเงินพนันกับปีศาจอย่างเจ้าไปเสียเยอะ! เช่นนี้แล้วก็เอาเงินแต่งเมียของข้าไปด้วยเลยไม่ดีกว่าหรือ!”
ณ ตอนนี้เขาเห็นแต่ภาพผลึกสีขาวนับไม่ถ้วนหลั่งไหลออกไปกระเป๋าตัวเอง และลอยไปหาอีกคน โดยที่เขาทำอันใดไม่ได้เลย!
เจี่ยนเฟิงฉือยิ้มเยาะโดยไม่คิดจะสนใจเขา และหันไปมองคนโง่เง่าเหล่านั้น ที่ยังคงยืนตะลึงอยู่ในจัตุรัสแห่งการพนันนี่
แต่เพราะเหตุการณ์ที่ดูตาลปัตรมากเกินไปหน่อย พวกเขาจึงยังดึงสติกลับมาไม่ได้
อ่า แต่ก็ไม่ใช่ทุกคนเสียทีเดียว
ทว่ากลุ่มคนที่ยืนหน้าซีดเผือดพร้อมร่างกายสั่นเทานั้น น่าจะเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแล้ว
“ปึกๆ”
เจี่ยนเฟิงฉือเคาะโต๊ะเรียก
“ข้าจะไปรอพวกเจ้าที่หอคอยชุนเฟิง อา ใช่แล้ว อย่าลืมนำเงินของข้าไปด้วยล่ะ”
หลังจากพูดจบ เขาก็เหลือบมองชายที่พูดลับหลังเขาในตอนแรก
และเมื่อสัมผัสได้ถึงแววตาของเจี่ยนเฟิงฉือ ขาของชายคนนั้นก็อ่อนยวบลง พลันทรุดตัวลงกับพื้นอย่างแรง
เขาทุ่มเงินเกือบทั้งหมดไปกับการเดิมพันครั้งนี้! และสำหรับเขา มันคือการสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่!
เจี่ยนเฟิงฉือหัวเราะเยาะ
“เห่อ หากชะตาลิขิตไว้เช่นนั้น มีหรือมนุษย์ตัวเล็กตัวน้อยอย่างเราจะแทรกแซงได้! ดูเหมือนว่าพวก “ผู้ดีตีนแดง” อย่างข้านั้น นอกจากจะไม่ต้องจ่ายแล้ว ซ้ำยังได้โชคกลับมาอีกต่างหาก? จู่ๆ ก็ได้เงินพิเศษมากมายเช่นนี้ แล้วข้าจะใช้อย่างใดถึงจะหมดเล่า…เห่อ น่าปวดหัวจริงเชียว!”
ชายคนนั้นสำลักอากาศจนหน้าดำหน้าแดง แต่ก็ไม่สามารถโต้แย้งได้สักคำ
เจี่ยนเฟิงฉือหมุนตัวกลับ และเตรียมย่ำเท้าออกไป แต่ก็หยุดชะงักลงอีกครา
“โอ๊ะ อีกอย่างนะ ข้าน่ะรวยกว่าที่พวกเจ้าคิดไว้มาก ฉะนั้น…เงินเหล่านั้นเทียบไม่ได้กับทรัพย์สิน “ทั้งชีวิต” ของข้าเลยแม้แต่น้อย และ…ในอนาคต ต่อให้พนันกันอีกกี่สิบครั้ง ก็ไม่มีวันเทียบข้าได้หรอก”
ชายคนนั้นตาเหลือก และหมดสติไปเพราะความโกรธสุดขีด
เจี่ยนเฟิงฉือสบถเบาๆ
กระจอกจริงๆ
ทุกคนในวงพนันกลายเป็นคนโง่ ณ บัดดล สีหน้าของพวกเขามู่ทู่ดูน่าเกลียดยิ่ง
การที่เจี่ยนเฟิงฉือพูดจาเช่นนั้นมันออกจะหยาบคายเกินไปหน่อย แต่เนื่องด้วยสถานะและความแข็งแกร่งของเขา มีหรือที่คนธรรมดาจะกล้าลองดีกับเขา?
และยิ่งตอนนี้…พวกเขาแทบไม่มีแรงมาสนใจกระเป๋าเงินของตัวเองด้วยซ้ำ!
เจี่ยนเฟิงฉือหันกลับไปและเดินไปที่จัตุรัส
เขาไม่กลัวว่าคนพวกนั้นจะชักดาบหนีหนี้
เพราะตั้งแต่ใช้ชีวิตอยู่ในซีหลิงมาหลายปี ก็ไม่มีใครกล้าคดโกงเขาเลยสักคน
อวี่เหวินจิงหงที่มองดูเหตุการณ์นั่น รีบเอ่ยถามพัลวัน
“นั่นเจ้าจะไปไหน?”
เจี่ยนเฟิงฉือยังคงเดินไปข้างหน้า และเอ่ยตอบโดยไม่หันไปมองคนถาม
“สาวน้อยนั่นช่วยให้ข้าชนะพนันได้เงินมากมาย ข้าจึงต้องเข้าไปขอบคุณเสียหน่อย!”
เดิมทีเขาไม่เคยสนใจเรื่องงานหมื่นทูรเลย ทว่าตอนนี้…ดูเหมือนว่ามันจะเปลี่ยนไปแล้ว
การที่มีฉู่หลิวเยว่เคียงข้างเช่นนี้ อย่างน้อยก็ช่วยยกระดับเขาขึ้นอีกสองระดับ!
ส่วนอวี่เหวินจิงหง ที่แม้ว่าจะยังคงเจ็บใจไม่หาย แต่อีกใจก็สงสัยเรื่องของฉู่หลิวเยว่ไม่หยุด ดังนั้นเขาจึงรีบตามอีกคนออกไปอย่างว่องไว
ก่อนหน้านี้ตำแหน่งที่ทั้งสองคนยืนอยู่นั้นค่อนข้างไกลจากจัตุรัสมาก ทว่าหลังจากเดินไปข้างหน้าได้สักพัก พวกเขาก็สามารถมองเห็นภาพของจัตุรัสทั้งหมดได้อย่างชัดเจน
เจี่ยนเฟิงฉือมองไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายแปดเหลี่ยมนั่น ก่อนจะหรี่ตาลงทีละนิด
และไม่เพียงแต่เขาเท่านั้น ทว่าทุกสายตาในจัตุรัสแห่งนี้ ล้วนแต่มองไปทางด้านนั้น!
เสียงอึกทึกค่อยๆ เงียบลง
ผู้ชมทุกคนต่างพร้อมใจกันเงียบเสียง และรอให้ฉู่หลิวเยว่โผล่ออกมา!
เชียงหว่านโจวเหลือบมองสองร่างที่นอนอยู่บนพื้นไม่ไกลจากตนนัก
ดูเหมือนว่าพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสและสลบไปพร้อมกัน
จากนั้นทหารม้าทมิฬก็เดินขึ้นมาและอุ้มทั้งสองลงไป
เชียงหว่านโจวขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นใบหน้าของพวกเขา
เขาไม่เคยเห็นสองคนนี้ในอาณาเขตเซียนเทพ
แสดงว่าต้องเป็นคนจากจุดอื่น…
แต่หากว่าตามที่ทุกคนพูดเมื่อครู่แล้ว ได้ความว่าสองคนนี้เพิ่งจะออกมาก่อนเขาได้ไม่นาน
ซึ่งนั่นก็หมายความว่า…เป็นช่วงที่ฉู่หลิวเยว่เหวี่ยงกระบี่หลงหยวนพอดี!
ด้วยประการฉะนี้ จึงสรุปได้ว่าการเคลื่อนไหวของฉู่หลิวเยว่นั้น ไม่เพียงแต่จะทำให้อาณาเขตของพวกเขาสั่นคลอน แต่ยัง…ส่งผลกระทบต่ออาณาเขตอื่นด้วย?
ทว่าทันใดนั้น คลื่นความผันผวนอันคุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นบนค่ายกลเคลื่อนย้าย!
พร้อมกับภาพของผู้หญิงที่มีรูปร่างเพรียวบางและสวยงาม ที่ปรากฏขึ้นแก่สายตาของทุกคน!