ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 535 สมเหตุสมผล
ตอนที่ 535 สมเหตุสมผล [รีไรท์]
ชายผ้าสีแดงปลิวสยายไปตามสายลม เส้นผมยาวสีดำขลับถูกมัดไว้ลวกๆ อีกทั้งรอยยิ้มจางๆ บนใบหน้าสวยธรรมชาติที่ไร้การเติมแต่งนั่น สามารถทำให้คนทั่วทั้งแคว้นลุ่มหลงไปกับเสน่ห์ของนางได้อย่างง่ายดาย
ซึ่งหากมิใช่ฉู่หลิวเยว่แล้ว จะเป็นใครไปได้อีก!?
แสงสีอ่อนระเรื่ออันอบอุ่นตกกระทบลงบนร่างของนาง เสริมให้ใบหน้าและดวงตาของนางนั้นสว่างไสวและเจิดจ้า
ชั่วขณะหนึ่ง ทุกคนล้วนตกตะลึงจนพูดไม่ออก
ใครจะคิดว่าแม่นางที่ดูผอมบางและอ่อนแอเช่นนี้ จะชนะและได้อันดับหนึ่งในงานหมื่นทูรกันเล่า!?
ทันทีที่ฉู่หลิวเยว่โผล่ออกมา นางก็รู้สึกได้ถึงสายตานับร้อยที่จ้องมองมาจากรอบด้าน
นางกะพริบตาและมองไปรอบๆ อย่างสงบ ก่อนจะตระหนักรู้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
อืม…น่าจะเป็นเพราะว่านางออกมาคนสุดท้ายสินะ?
แต่ก็ไม่เห็นจะต้องทำท่าทางตกอกตกใจใหญ่โตเช่นนี้เลยหนิ?
เชียงหว่านโจวยกเท้าขึ้นแล้วเดินไปข้างหน้า
และทันทีที่นางเห็นเขา มุมปากเรียวสวยก็เผลอยกขึ้นโดยไม่รู้ตัว
“เจ้าไม่ได้…”
“ข้าช้าเกินไป”
เชียงหว่านโจวพูดอย่างหนักแน่น แต่การแสดงออกของเขานั้นค่อนข้างตึงเครียด
ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึงครู่หนึ่ง พลันเข้าใจว่าเขาหมายถึงอันใด
นี่เขากำลังโทษตัวเองที่ไปไม่ทันนางหรือ?
“ไม่หรอก”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหัวด้วยท่าทีจริงจัง
อาณาเขตเวียนเทพของราชวงศ์เทียนลิ่งนั้นกว้างใหญ่ไพศาล ซึ่งเชียงหว่านโจวจำต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการค้นหาตัวนาง
และถึงแม้ว่านางจะใช้เวลาอยู่ในอาณาเขตนานเพียงใด แต่ความจริงนางก็รู้อยู่แล้วว่าเชียงหว่านโจวกำลังรอนางอยู่ด้านนอก
อย่างใดเสีย เขาก็ยังต่อสู้เพื่อนางจนถึงที่สุด
ฉู่หลิวเยว่คิดว่าเขาทำเพื่อตนมามากพอแล้ว
แต่กลับคิดไม่ถึงว่าเขาจะยังโทษตัวเองเช่นนี้
“ขอบใจเจ้ามากนะ เสี่ยวโจว”
ฉู่หลิวเยว่มองเขาด้วยรอยยิ้มและพูดเสียงอ่อนนุ่ม
เชียงหว่านโจวตกตะลึง พลันเบิกตาโพล่งราวประหลาดใจ!
เขาจ้องมองฉู่หลิวเยว่อย่างเหม่อลอย เสมือนมองทะลุผ่านนางไป
จนฉู่หลิวเยว่อดแปลกใจไม่ได้
“อันใดกัน? เจ้าไม่ชอบที่ข้าเรียกเจ้าเช่นนี้หรือ?”
เชียงหว่านโจวกำหมัดแน่น และไม่นานก็ยอมเอ่ยปากออกมา
“นางผู้นั้นก็เรียกข้าเช่นนี้”
ฉู่หลิวเยว่เดาได้ทันทีว่าเขากำลังพูดถึงใคร
คนที่จะทำให้เขาฝังใจได้ขนาดนี้ มีแค่คนผู้นั้นเพียงผู้เดียว
“ถ้าเจ้ารังเกียจ จากนี้ไปข้าจะไม่เรียกเจ้าแบบนั้นอีก”
เนื่องจากพวกเขาผ่านเหตุการณ์นี้ไปด้วยกัน ฉู่หลิวเยว่จึงคิดว่านางเริ่มจะสนิทกับเชียงหว่านโจวขึ้นมาบ้าง นางจึงเรียกเขาเช่นนี้
แต่นางก็ไม่อยากผิดใจกับเขา
และโดยเฉพาะ… กับคนที่นางไม่รู้ว่ายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า
เชียงหว่านโจวเงียบไปสักพัก ก่อนจะส่ายศีรษะไปมา
“ไม่เป็นไร นางคงไม่ถือสาหรอก”
หากนางไม่ว่าอันใด แน่นอนว่าเขาก็ไม่รังเกียจเช่นกัน
ฉู่หลิวเยว่สัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันละเอียดอ่อนของเขา
“ก็ดี เช่นนั้นจากนี้ไปข้าจะเรียกเจ้าว่าเสี่ยวโจว ส่วนเจ้าก็สามารถเรียกชื่อของข้าได้เช่นกัน”
เชียงหว่านโจวพยักหน้าตกปากรับคำโดยไม่พูดอันใด
ฉู่หลิวเยว่เองก็ไม่อยากบังคับเขา วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เด็กคนนี้จำต้องเข้าสู่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเป็นธรรมดา
“ฉู่หลิวเยว่”
แต่จู่ๆ ก็มีเสียงเรียกอันคุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง
ฉู่หลิวเยว่หันหลังกลับไปมอง
“ผู้อาวุโสตวนมู่”
ผู้อาวุโสตวนมู่ฉุนมองนางด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน ทว่าสุดท้ายเขาก็ยกนิ้วโป้งให้นาง
“ยินดีด้วย! เจ้าเก่งกว่าที่พวกเราคาดไว้…และมีพลังมากกว่าที่คิดไว้มาก สมแล้วที่ได้อันดับหนึ่ง!”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี
“ผู้อาวุโสตวนมู่ก็ชมเกินไป หลิวเยว่ผู้นี้แค่โชคดีเท่านั้นเอง”
ผู้อาวุโสตวนมู่ฉุนส่ายหัวและลูบเคราของเขา
“เจ้าอย่าได้สบประมาทตัวเองเพียงนั้น มีผู้เข้าร่วมมากมายพ่ายแพ้ต่อเจ้า แค่นี้ก็มากพอที่จะยืนยันเรื่องทักษะของเจ้าได้แล้ว”
ตอนแรกพวกเขาไม่กล้าปักใจเชื่อ แต่เมื่อความจริงปรากฏให้เห็นกับตาขนาดนี้ ถ้าไม่เชื่อคงไม่ได้แล้ว!
ศักยภาพของฉู่หลิวเยว่ผู้นี้…สามารถพัฒนาขึ้นไปอีกได้เรื่อยๆ!
“เหอะ ใครจะไปรู้ว่านางอาจใช้อุบายบางอย่างก็เป็นได้!”
ทว่าจู่ๆ ผู้อาวุโสชิวซีที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เอ่ยโพล่งออกมาอย่างโกรธเคือง
แต่ฉู่หลิวเย่วยังคงยิ้มรับ และแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
อย่างใดเสียผลการแข่งขันก็ออกมาแล้ว และนางก็ได้ชัยชนะมาครอบครองแล้ว เหตุใดจักต้องสนใจเสียงครวญครางไร้สาระนั่นด้วยเล่า?
ผู้อาวุโสตวนมู่ฉุนมองผู้อาวุโสชิวซีอย่างไม่พอใจ
แม้ว่าเขาจะไม่ชอบฉู่หลิวเยว่ แต่เขาไม่ควรพูดต่อหน้าคนจำนวนมากเช่นนี้ ช่างไร้ความอดทนเสียจริง
และเมื่อเห็นใบหน้าที่ไร้ซึ่งความกังวลของฉู่หลิวเยว่ ผู้อาวุโสชิวซีก็ยิ่งโกรธ และอดไม่ได้ที่จะขึ้นเสียงใส่
“ฉู่หลิวเยว่ เจ้าไม่ได้ยินที่ข้าพูดหรือ?”
เสียงของเขาดึงดูดความสนใจของผู้คนรอบข้าง
พลันทั่วทั้งจัตุรัสก็เงียบกริบ
สายตานับไม่ถ้วนจับจ้องไปยังฉู่หลิวเยว่กับผู้อาวุโสชิวซี
นี่ผู้อาวุโสชิวซี…กำลังหาเรื่องฉู่หลิวเยว่หรือ?
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มบาง
“การแข่งขันมันจบแล้วนะ ผู้อาวุโสชิวชี ท่านยังต้องการให้ข้าพูดอันใดอีก?”
ผู้อาวุโสชิวซีขมวดคิ้วมุ่น
“ก็เรื่องที่เจ้าใช้อุบายใดคว้าชัยชนะมาอย่างใดเล่า! ในการแข่งขันครั้งนี้ เจ้าคือผู้ที่มีระดับต่ำที่สุด หากไม่ได้ใช้กลอุบาย เจ้าจะเอาชนะคนจำนวนมากแล้วชนะได้อันดับหนึ่ง ได้อย่างใด!”
และความจริงแล้วทุกคน ณ ที่นี้เองก็อยากรู้เช่นกัน
ฉู่หลิวเยว่เป็นฝ่ายขมวดคิ้วบ้าง
“ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่ผู้อาวุโสชิวซีต้องการจะสื่อ ถึงข้าจะเป็นคนที่ระดับต่ำสุด แต่…ความแข็งแกร่งของข้านั้นไม่ได้ต่ำกว่าผู้ใดในที่นี้เลย ย้อนกลับไปในรอบการคัดเลือก ท่านเองก็ได้เห็นกับตาแล้วมิใช่หรือ?”
สีหน้าของผู้อาวุโสชิวซีเปลี่ยนไปทันที
วันนั้นฉู่หลิวเยว่ก็เอาชนะจ้าวอวิ๋นจื่อได้โดยไร้ตัวช่วยหรืออุบายใดๆ และจนถึงตอนนี้อาการบาดเจ็บของจ้าวอวิ๋นจื่อก็ยังไม่ดีขึ้นเลย!
สำหรับการแข่งขันครั้งนี้ ถือว่าทักษะของฉู่หลิวเยว่นั้นไม่ธรรมดาจริงๆ
“นอกจากนี้ ข้าเองก็ไม่รู้หรอกว่า เหตุใดคนอื่นถึงถูกคัดออกก่อนข้า ท่านต้องการให้ข้าถามพวกเขาทีละคนหรือไม่ ว่าเหตุใดพวกเขาถึงด้อยกว่าข้า? แต่…เช่นนั้นข้าคงลำบากใจมากแน่”
ฉู่หลิวเยว่กล่าวพลางทำสีหน้าอึดอัดใจ
และคราวนี้ไม่ใช่แค่ผู้อาวุโสชิวซีคนเดียวที่ทำหน้าบึ้งตึง
“เจ้าพูดจาเพ้อเจ้ออันใด! ข้าแค่อยากให้เจ้าอธิบายกลวิธีของเจ้า เหตุใดจักต้องดึงผู้อื่นเข้ามาเกี่ยวด้วย!?” ผู้อาวุโสชิวซีตอบอย่างลนลาน
ฉู่หลิวเย่วจงใจก่อสงครามชัดๆ!
เพราะรอบนี้ยังมีผู้เข้าแข่งขันอีกมากมาย รวมทั้งกองกำลังที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาด้วย!
ซึ่งการที่ฉู่หลิวเยว่พูดจาเช่นนั้น มันยิ่งทำให้เขาอารมณ์เสียสุดๆ!
“ผู้อาวุโสชิวซี ข้าคิดว่าท่านอาจลืมบางอย่างไป สถานที่ที่พวกเราไปคืออาณาเขตเซียนเทพของราชวงศ์เทียนลิ่ง และนั่นคือสถานที่ที่จักรพรรดิแห่งราชวงศ์เทียนลิ่งทรงเคยประทับอยู่ ซึ่งเป็นสถานที่ที่ศักดิ์สิทธิ์และมีเกียรติมาก อย่าว่าแต่ข้าเลย แม้แต่คนธรรมดายังไม่กล้าหมิ่นประมาทสถานที่แห่งนั้น แต่ท่านกลับพูดจาเช่นนี้ แสดงว่า ท่านกำลังสงสัยว่ามีบางอย่างผิดปกติกับอาณาเขตเซียนเทพของราชวงศ์เทียนลิ่ง หรือไม่ก็กำลังสงสัยในตัวบรรพบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ของเรา?”
ฉู่หลิวเยว่พูดจาเสียงดังฟังชัดราวไม่แยแส มุมปากของนางยกขึ้นเล็กน้อย เสมือนกำลังพูดถึงเรื่องเล็กน้อยทั่วไป
ทว่าผู้อาวุโสชิวซีนั้นถึงกับใจหล่นไปอยู่ตาตุ่ม รอยย่นบนหน้าผากของเขาสั่นคลอนด้วยความวิตกกังวล
เขายอมรับการกล่าวหาเช่นนี้ไม่ได้เด็ดขาด!
“เจ้า หยาบคายนัก! ข้าไปมีเจตนาเช่นนั้นได้อย่างใด!?”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะพลางมองเขา
และตอนนั้นเองที่ผู้อาวุโสชิวซีถึงได้รู้ว่า เขาเป็นฝ่ายพาตัวเองมาเจอปัญหาโดยแท้!
เมื่อครู่เขาพูดอันใดที่น่าสงสัยเกี่ยวกับฉู่หลิวเยว่ออกไปจนหมด!
เดิมทีก็เพราะว่าเขาอยากระบายความโกรธออกไปเท่านั้น แต่กลับคิดไม่ถึงว่าฉู่หลิวเยว่จะหลักแหลมถึงเพียงนี้!
ผู้อาวุโสตวนมู่ฉุนที่อยู่ถัดจากเขาทนไม่ไหวอีกต่อไป พลันเอ่ยปากว่า
“ฉู่หลิวเยว่ ผู้อาวุโสชิวซีไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้นหรอก เขาแค่ตกใจที่เจ้าได้อันดับหนึ่ง อย่าไปใส่ใจนักเลย”
หลังจากพูด เขาก็ก้าวไปข้างหน้าและตะโกนด้วยเสียงอันลึกล้ำ
“ข้าขอประกาศว่า! ฉู่หลิวเยว่ คือผู้ชนะอันดับหนึ่งของงานหมื่นทูรครั้งนี้!”