ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 551 เจ้าของเดิม
ตอนที่ 551 เจ้าของเดิม [รีไรท์]
น้ำเสียงของนางทำให้เจียงอวี่เฉิงรู้สึกไม่สบายใจ
“แน่นอนว่าต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ข้าเคยโกหกเจ้าที่ไหนกัน? ความจริงข้าก็ไม่ชอบนาง แต่คิดไม่ถึงว่านางจะได้อันดับหนึ่งจากงานหมื่นทูร แต่เพราะจำเป็นต้องพึ่งชีพจรดั้งเดิมของนาง ฉะนั้นตอนนี้เจ้าเองก็พยายามอดทนไว้ก่อน”
ทว่าซั่งกวนหว่านในตอนนี้นั้นไม่ใช่คนที่เกลี้ยกล่อมง่ายๆ เหมือนในอดีต
เรื่องของอาณาเขตเซียนเทพกระตุ้นนางมากเกินไป จนตอนนี้นางเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้
นางลุกพรวดขึ้นและถามว่า
“เหอะ? เจ้ากล้าพูดหรือว่า พอเห็นหน้านางแล้วเจ้าไม่ได้คิดอันใดจริงๆ? ถ้าเจ้าไม่ได้รู้สึกผิด เหตุใดเจ้าถึงไม่บอกข้าตั้งแต่แรก?”
ครั้งแรกที่นางเห็นฉู่หลิวเยว่ยิ้มออกมา มีเพียงสวรรค์ที่รู้ดีว่านางหวาดกลัวเพียงใด!
แต่ถ้าก่อนหน้านี้เจียงอวี่เฉิงเตือนนางสักหน่อย นางคงไม่ต้องมานั่งหวาดผวาราวคนสติแตกเช่นนี้!
“ข้าจะรู้สึกผิดไปด้วยเหตุใด? หว่านเอ๋อ เจ้าน่ะชอบคิดไปเองอยู่เรื่อย เมื่อก่อนข้าก็เคยบอกเจ้าแล้วมิใช่หรือว่า ข้าแค่คิดว่ามันไม่คุ้มที่จะพูดถึงนาง และช่วงนี้เจ้าก็เหนื่อยมากพอแล้ว จิตใจของเจ้าถึงได้กระสับกระส่ายและเปราะบางเช่นนี้ ไว้รอให้ชีพจรดั้งเดิมของเจ้าฟื้นคืนสภาพเดิมเสียก่อน และทุกอย่างก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป”
เจียงอวี่เฉิงรู้จุดอ่อนของซั่งกวนหว่านเป็นอย่างดี ดังนั้นเขาจึงสามารถเกลี้ยกล่อมนางได้เสมอ
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ สีหน้าของซั่งกวนหว่านก็ดูดีขึ้นมาก
เจียงอวี่เฉิงใช้เวลาเกลี้ยกล่อมครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะสามารถเอาใจซั่งกวนหว่านได้อย่างสมบูรณ์
และสุดท้ายเจียงอวี่เฉิงก็พาซั่งกวนหว่านกลับวังด้วยตัวเอง พลางมองดูนางจนนางหลับสนิท แล้วค่อยจากไป
คล้อยหลังเจียงอวี่เฉิงได้ครู่หนึ่ง ฉานอี้ก็เดินเข้ามา
“องค์หญิงสามเพคะ องค์ชายเจียงไปแล้วค่ะ”
ซั่งกวนหว่านลืมตาขึ้น ดวงตาของนางสดใส ใครว่านางนอนหลับกันเล่า?
นางลุกขึ้นนั่งพลางคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วสั่งว่า
“ฉานอี้ เจ้าจงไปสืบประวัติของฉู่หลิวเยว่ผู้นั้นมา หากพบพิรุจให้รีบกลับมาแจ้งข้าทันที อีกอย่าง ส่งคนไปจับตามองพวกตระกูลเจียงไว้ สั่งให้พวกนั้นคอยดูว่าช่วงนี้มีอันใดที่ผิดแปลกเกิดขึ้นกับคนในตระกูลหรือไม่”
ฉานอี้ขานตอบด้วยความเคารพและเดินออกไป
เหลือเพียงซั่งกวนหว่านอยู่ในห้องบรรทมเพียงผู้เดียว
นางจุดไม้จันทน์และต้องการงีบหลับ
ทว่ายามหลับตา สมองกลับฉายแต่ภาพใบหน้าของฉู่หลิวเยว่ซ้ำๆ
และใบหน้านั้นก็คอยย้ำเตือนนางถึงสิ่งเลวร้ายต่างๆ ที่เกิดขึ้นเสมอ
หลังจากพยายามข่มตาหลับอยู่พักหนึ่ง นางก็หงุดหงิดมากจน ทุบทุกอย่างในห้องจนพังยับเยิน
นางบ้าคลั่งอยู่แบบนั้นจนกระทั่งไม่เหลือข้าวของเครื่องใช้ใดให้ทำลาย
“สั่งคนเข้ามา!”
และในที่สุดนางก็เปิดปากตะโกนเรียกคนที่อยู่ข้างนอก
พลันเหล่าข้าราชบริพารด้านนอกก็เดินเข้าไปอย่างว่องไว
“เก็บกวาดให้สะอาด!”
ซั่งกวนหว่านออกคำสั่งอย่างดุดัน
คนรับใช้ในวังต่างก้มศีรษะลงเงียบๆ ไม่กล้ากระโตกกระตาก เห็นได้ชัดว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาต้องเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้
หลังจากเก็บกวาดจนสะอาดหมดจด พวกเขาก็นำของตกแต่งที่เหมือนกันอีกชุด เข้ามาจัดวางอีกครั้ง ทำให้สภาพห้องนั้นดูไม่ต่างจากเมื่อก่อน
จากนั้นซั่งกวนหว่านถึงสงบลง
…
อีกด้านหนึ่ง ฉู่หลิวเยว่และพรรคพวกกำลังออกจากสวนซินหลี่
เดิมทีอวี้ฉือซงต้องการพาทั้งสองกลับไปที่สำนักชงซูเก๋อ แต่ฉู่หลิวเยว่ปฏิเสธ
และเมื่อได้ยินว่าฉู่หลิวเยว่กำลังวางแผนจะเช่าห้องพักสักแห่งในเมืองซีหลิง อวี้ฉือซงก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เพราะในวันที่เขาพบกับฉู่หลิวเยว่ครั้งแรก เขาเห็นคนของจวนมู่ตามประกบนาง และปฏิบัติต่อนางราวแขกพิเศษ
พักอาศัยอยู่ในจวนมู่ก็ดีแล้วมิใช่หรือ จู่ๆ เหตุใดนางถึงย้ายออกเล่า?
ฉู่หลิวเยว่เหลือบมองสีหน้าของเขา ก่อนจะรู้ว่าเขากำลังเข้าใจอันใดผิด พลันรีบชี้แจง
“ท่านเจ้าสำนัก รองแม่ทัพมู่แค่เชิญข้ามาที่นี่ และเจี่ยนเฟิงฉือก็เป็นแค่คนพาข้ามา นอกจากธุระเหล่านี้แล้ว ข้ากับพวกเขาก็ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกันแต่อย่างใด”
พอได้ฟังอวี้ฉือซงก็คิดได้ว่าตนนั้นคงคิดมากไปเอง พลันหัวเราะอย่างเขินอาย
“เป็นเช่นนี้นี่เอง”
ช่วงนี้มีข่าวลือมากเกิดขึ้นในเมืองซีหลิง อีกทั้งยังฟังดูมีน้ำหนักเสียจนเขาหลงเชื่อได้อย่างง่ายดาย
“จะให้พักอยู่ในจวนมู่ตลอดไปคงดูไม่เหมาะ ข้ากับเสี่ยวโจวจึงขอย้ายออกมา”
ถึงจะใช้คำว่าย้าย แต่พวกเขาก็ไม่มีสัมภาระติดตัวมากมายนัก
ทันใดนั้นอวี้ฉือซงก็เอ่ยถาม “แล้วพวกเจ้าได้ดูๆ ไว้หรือยัง?”
ฉู่หลิวเยว่ส่ายหัวทันที
งานหมื่นทูรเพิ่งจบไป ทำให้พวกเขาไม่มีเวลาเตรียมเรื่องที่พักใหม่เลย
นั่นเป็นเหตุผลที่นางตัดสินใจหาที่พักดีๆ กับเสี่ยวโจวก่อน แล้วค่อยเดินทางไปยังสำนักชงซูเก๋อ
อวี้ฉือซงจึงออกปากว่า
“หากพวกเจ้าไม่รังเกียจ ข้ามีจวนว่างอยู่หลังหนึ่ง สามารถให้พวกเจ้าพักอยู่ได้”
…
กลุ่มคนเดินผ่านถนนสามสายมาเรื่อยๆ ก่อนจะถึงหน้าประตูทางเข้าจวน
ฉู่หลิวเยว่มองไปยังประตูที่ดูคุ้นเคยตรงหน้า พลันตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
นี่มัน…จวนพักผ่อนอีกหลังของอวี้ฉือซงในเมืองซีหลิงมิใช่หรือ?
เมื่อก่อน เวลาที่เขาไม่มีภารกิจ เขาจะชอบมานอนพักผ่อนหย่อนกายอยู่ที่นี่
ฉู่หลิวเยว่เองก็เคยมาที่นี่หลายครั้ง
“ถึงจวนนี้จะไกลหน่อย แต่ก็เงียบสงบดี ถ้าพวกเจ้าไม่ขัดอันใด ก็สามารถพักอยู่ที่นี่ได้!”
อวี้ฉือซงเอ่ยพลางเดินไปเปิดประตูบานใหญ่
ด้านในไม่มีใครอยู่ และของหลายอย่างถูกจัดเก็บเข้าที่อย่างเป็นระเบียบ
หรือเดิมทีเขาวางแผนจะขายจวนหลังนี้?
ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าของฉู่หลิวเยว่ อวี้ฉือซงก็นึกว่านางไม่ชอบจวนของตน
“อันที่จริง ไม่มีผู้ใดเข้ามาพักในจวนหลังนี้นานแล้ว แต่ถ้าพวกเจ้าไม่ชอบ…”
“ไม่ๆ จวนหลังนี้น่าอยู่มาก ข้ากับเสี่ยวโจวชอบความสงบ และที่นี่ก็เหมาะกับเรามากๆ” ฉู่หลิวเยว่รีบแย้งอย่างไว พลางส่งยิ้มสดใสให้อวี้ฉือซง “หากปราศจากความช่วยเหลือของท่าน ก็ไม่รู้ว่าข้ากับเสี่ยว
โจวจะหาจวนที่เหมาะกับความชอบของเราเช่นนี้ได้เมื่อไหร่!”
พอได้ยินแบบนั้น อวี้ฉือซงก็พลอยดีใจตามไปด้วย
“ดีจริงๆ! พวกเจ้าชอบก็ดีแล้ว!”
จากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็พูดต่อ
“แต่เจ้าสำนักเก๋อ ข้ากับเสี่ยวโจวไม่สามารถอยู่บ้านท่านเฉยๆ ได้ ข้าจะจ่าย…”
อวี้ฉือซงรีบส่ายหน้าทันที
“หลิวเยว่ เจ้ากับหว่านโจวเป็นศิษย์ของสำนักชงซูเก๋อของเราแล้ว จักต้องเกรงใจไปใย อีกอย่าง…แค่วันนี้พวกเจ้าเลือกชงซูเก๋อ ข้าก็…มีความสุขมากๆ แล้ว เมื่อเทียบกับสิ่งเหล่านี้ แค่จวนหลังเดียวยังเทียบไม่ได้ด้วยซ้ำ”
อวี้ฉือซงพูดจากใจจริง
ถ้าวันนี้ไม่ได้ฉู่หลิวเยว่กับเชียงหว่านโจว โดยพื้นฐานแล้วย่อมไม่มีใครเลือกชงซูเก๋อแน่นอน และสุดท้ายสำนักของเขาก็จะกลายเป็นเรื่องขำขันให้คนพวกนั้นหัวเราะเหยียดหยาม
แต่เด็กสองคนนี้ได้ช่วยชงซูเก๋อไว้ และยังช่วยรักษาหน้าให้เขาอีกด้วย
ฉู่หลิวเยว่ยังคงลังเล
ดูก็รู้ว่าตอนนี้อวี้ฉือซงขาดแคลนเงินมากเพียงใด ไม่อย่างนั้นเขาคงไม่เริ่มเตรียมขายของพวกนี้หรอก
ทว่าเขากลับปฏิเสธไม่เอาเงินจากตน
ฉู่หลิวเยว่คิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า
“เจ้าสำนักเก๋อ ข้ามีเรื่องที่ต้องปรึกษาหารือกับท่าน ไม่ทราบว่าท่านพอจะสะดวกหรือไม่?”
อวี้ฉือซงสงสัยเล็กน้อย แต่ก็พยักหน้าตอบตกลงไป
“ได้แน่นอน”
เชียงหว่านโจวและเย่หรานหร่านรู้ว่าพวกเขากำลังจะคุยธุระกัน ดังนั้นทั้งสองจึงรออยู่ที่เดิม ในขณะที่ฉู่หลิวเยว่และอวี้ฉือซงย้ายไปหารือกันที่ลานเล็กๆ อีกแห่งหนึ่ง
“ฉู่หลิวเยว่ เจ้าต้องการคุยอันใดหรือ?” อวี้ฉือซงมองฉู่หลิวเยว่อย่างพินิจพิเคราะห์
ฉู่หลิวเยว่สูดหายใจเข้าลึกๆ พลางหยิบกล่องไม้ออกมาจากแหวนเฉียนคุน และส่งมอบมันให้อีกฝ่าย
อวี้ฉือซงชะงักไปทันที
“นี่มัน…”
มันคือสิ่งที่เขาขายออกไป ในหอร้อยโอสถวันนั้น!
ทว่าเหตุใดมันถึงมาอยู่กับฉู่หลิวเยว่ได้?
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยเสียงเบา
“เจ้าสำนักเก๋อ หลังจากที่ท่านจากไปในวันนั้น ข้าก็ซื้อมันต่อมาอีกทอด และตอนนี้ ก็ถึงเวลาส่งคืนให้เจ้าของเดิมแล้ว”