ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 553 ชนะมาเท่าไร
ตอนที่ 553 ชนะมาเท่าไร [รีไรท์]
นางมาถึงที่นี่ได้อย่างใด!?
เจี่ยนเฟิงฉือหัวหมุน เข้าใจทันทีว่าฉู่หลิวเยว่มาทำอันใด…ชัดเจนว่ามาเพราะต้องการเงิน!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ สีหน้าของเขาพลันมืดครื้ม
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์รีบกลับออกไปนั่งข้างนอกม่านกั้น และอยู่ในท่าเพิ่งบรรเลงเพลงจบ
“ก๊อก ก๊อก”!
เสียงเคาะประตูดังแว่วเข้ามา
สีหน้าของเจี่ยนเฟิงฉือยิ่งมืดครื้มกว่าเดิม
นางล้วนได้ยินหมดแล้วว่าพวกเขาอยู่ห้องรับรองใด ยังจะเคาะประตูเพื่ออันใดอีก?
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์เห็นเขาไม่ขยับ จึงก้าวไปเปิดประตูข้างหน้าให้แทน
ยามประตูใหญ่เปิดออก ใบหน้างดงามที่จำได้มิรู้ลืมของสตรีนางหนึ่งก็ปรากฏสู่ครรลองสายตา
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์เล่นดนตรีในหอคอยชุนเฟิงอยู่ทุกวัน พบเจอสตรีรูปร่างหน้าตางดงามมานับไม่ถ้วน ทว่ายามที่สตรีนางนี้ปรากฏสู่สายตา ราวกับว่านัยน์ตาของนางสว่างวาบไปชั่วขณะ
นางเผยยิ้มบางเบา
“มิทราบว่าคุณหนู…”
ฉู่หลิวเยว่พิศมองสตรีตรงหน้า นัยน์ตาปรากฏแววตระหนกผ่านวาบหนึ่ง
เหตุใดสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์มาอยู่ที่หอคอยชุนเฟิงได้?
นางมิใช่คนจินชวนหรอกหรือ?
ครั้งหนึ่งเคยมีคำกล่าวแพร่หลายไปทั่วว่า ‘หลิ่วเอ๋อร์หนึ่งบทเพลงสะท้านจินชวน’
มันเป็นคำชมที่แสดงให้เห็นว่าสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์นั้นเล่นผีผาได้ยอดเยี่ยมเพียงไร
จินชวนห่างกับซีหลิงหนึ่งพันลี้ เช่นนั้นนางมาที่นี่ได้อย่างใด?
สตรีในหอคอยชุนเฟิงล้วนขายฝีมือมิขายเรือนร่าง อีกทั้งค่าใช้จ่ายก็สูง คนท้องที่เข้ามายังหอชุนเฟิงแม้แต่ชาหนึ่งอึกยังดื่มกันไม่ลง ไม่ต้องพูดถึงการได้ฟังแม่นางเหล่านี้บรรเลงดนตรีและขับร้อง
ดูเหมือนว่าสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ได้กลายเป็นดาวเด่นของหอคอยชุนเฟิงไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย
นางกดความตระหนกในใจลงไป ก่อนจะยิ้มแย้มพลางเอ่ย
“ข้าชื่อฉู่หลิวเยว่”
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ตื่นตระหนก
ฉู่หลิวเยว่ นามนี้นั้นกระฉ่อนไปทั่วซีหลิง ไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะเป็นเช่นนี้
”ได้พบเจอคุณหนูฉู่ เป็นเกียรติของสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ยิ่ง”
ฉู่หลิวเยว่กวาดตามองเข้ามาในห้องแวบหนึ่ง
“ไม่ทราบว่านายน้อยเจี่ยนอยู่ข้างในหรือไม่?”
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ผงกศีรษะแผ่วเบา
“สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ วันนี้ข้าไม่พบใครทั้งนั้น!”
แว่วเสียงเอื่อยเชื่อยของเจี่ยนเฟิงฉือลอยออกมาจากข้างในห้อง
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ลอบก่นด่าเจี่ยนเฟิงฉืออยู่ในใจที่เอาตนมาเป็นโล่ ทว่านางก็ยังคงทำสีหน้าปั้นยากพลางมองไปยังฉู่หลิวเยว่
“คุณหนูฉู่ ท่านลอง…”
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยขึ้นมาทันควัน
“พี่สาว สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ ปิ่นปักผมของท่านจะหลุดแล้ว”
“อ๊ะ?”
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ลนลาน รีบหมุนกายเดินไปยังกระจกทองเหลืองเบื้องหน้า มองดูปิ่นปักผมบนศีรษะตนด้วยความระมัดระวัง
ฉู่หลิวเยว่อดไม่ได้ที่จะลอบยิ้มในใจ
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ตรวจดูเครื่องประดับศีรษะอย่างเอาใจใส่ นอกจากผีผาแล้ว นี่ก็เป็นสิ่งที่นางให้ความสำคัญรองลงมา
ทว่ากลับไม่มีอันใดเคลื่อนแม้แต่น้อย
ฉู่หลิวเยว่อาศัยช่วงที่สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ส่องกระจก ก้าวเข้ามาในห้อง มุ่งตรงไปยังหลังม่านกั้น
เจี่ยนเฟิงฉือคาดไม่ถึงว่านางจะพุ่งตรงเข้ามา พลันแสดงสีหน้าทึ่มทื่อ…
“นายน้อยเจี่ยน ดูเหมือนว่าชีวิตท่านจะผ่านไปได้อย่างมีชีวิตชีวาเสียจริง! “
ฉู่หลิวเยว่ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ตอนที่ขึ้นมา นางได้ยินหมดแล้วว่าเจี่ยนเฟิงฉือมากอดสตรีที่นี่ คาดไม่ถึงว่าจะเป็นสตรีที่มีค่าตัวแพงที่สุดอย่างสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์
ถ้าหากว่าไม่ใช่เพราะเงินเดิมพันที่ได้จากนาง เขาจะสุรุ่ยสุร่ายเช่นนี้ได้อย่างใด?
เจี่ยนเฟิงฉือโต้ตอบ
“เจ้าเข้ามาได้อย่างใด!? สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์? สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์!”
หลังจากสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์กลัดปิ่นให้ตัวเองเรียบร้อยแล้ว ได้ยินเสียงเจี่ยนเฟิงฉือ หันกลับไปมองก็พบว่าฉู่หลิวเยว่เดินเข้ามาแล้ว นางตกตะลึงจนหัวใจแทบ “หล่น” ไปอยู่ตาตุ่ม
เพียงตรวจดูเครื่องแต่งกายแวบเดียว นางเผลอลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิท!
ฉู่หลิวเยว่ส่งยิ้มไปให้สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์คราหนึ่ง
“พี่หลิ่วเอ๋อร์ ไม่ต้องกังวลไป เรื่องครานี้ไม่เกี่ยวอันใดกับท่าน”
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์มึนงง พลันความคิดหนึ่งแล่นวาบเข้ามาในหัว
มิแปลกใจเลยว่าเหตุใดนางที่เพิ่งพบฉู่หลิวเยว่จึงรู้สึกคุ้นตานัก รูปลักษณ์เช่นนี้…
ฉู่หลิวเยว่มองไปยังเจี่ยนเฟิงฉือ
“นายน้อยเจี่ยน ความจริงแล้วข้ามาเพราะอยากถามท่าน มิใช่ว่าท่านหลงลืมอันใดไปหรือ?”
เจี่ยนเฟิงฉือเห็นว่าหลบต่อไปไม่ได้แล้วเป็นแน่แท้ รู้สึกปวดศีรษะลามไปยังหน้าผาก
“ไม่ลืมไม่ลืม! ที่ว่าจะแบ่งเงินให้เจ้า ไม่ขาดแม้แต่แดงเดียวแน่นอน! แต่ว่าตัวข้าไปลงขันกับบ่อนรายใหญ่ไว้ ต้องรอผลพนันเหล่านั้นออกมาเสียก่อน ผ่านไปสักสองสามวัน พอผลออกมาชัดเจนแล้ว ถึงจะแบ่งได้ เข้าใจหรือไม่?”
ทว่าฉู่หลิวเยว่กลับมิเชื่อคำของเขา รอยยิ้มหวานนั่นทวีความเย็นเยียบขึ้น
“ข้าได้ยินมาว่า ในเมืองซีหลิง องค์ชายเจี่ยนของใครหลายๆ คนนั้นรักสนุก อีกทั้งยังเป็นลูกค้าประจำของบ่อนทุกที่ ถึงแม้ว่าหนี้ของพวกเขาจะคำนวณออกมาไม่ชัดเจน ทว่าตัวท่านเองย่อมจำได้อย่างแน่นอน สรุปแล้วท่านติดเงินไว้เท่าไรกันแน่?”
สมองของเจี่ยนเฟิงฉือนั้นดียิ่ง โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับเรื่องเที่ยวเล่นกินดื่มเฮฮา ล้วนจำได้อย่างแม่นยำ
ครั้งนี้เขาหมายมั่นปั้นมือจะได้รับโชคขนาดใหญ่ จะลืมได้อย่างใดว่าตนลงขันไปเท่าไร?
“ที่ข้าต้องการนั้นไม่มาก กำไรที่ท่านได้ร้อยละสิบเป็นเช่นไร เงินจำนวนนี้ท่านให้ได้อยู่แล้วใช่หรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่พูดพลางถอนหายใจยาวออกมาคราหนึ่ง เผยให้เห็นสีหน้าวิตกกังวล
“ไม่ปิดบังท่านแล้ว ตัวข้าเองก็หมดหนทางเช่นกัน ที่มาหาท่านที่หอชุนเฟิงด้วยตัวเองเช่นนี้…แท้จริงแล้วข้ากำลังร้อนเงิน”
เจี่ยนเฟิงฉืออ้าปากพะงาบ
สตรีนางนี้ไปได้ยินเรื่องพวกนี้มาจากที่ใดกัน!?
ต้องให้นางเล่าทุกอย่างออกมาให้หมด!
“ล้อเล่นอันใดกัน เจ้านี่น่ะหรือร้อนเงิน?” เจี่ยนเฟิงฉือมองนางด้วยความสงสัยเต็มประดา “เจ้ากินนอนอยู่ในจวนตระกูลมู่ หรือว่าไอ้เจ้ามู่ชิงเห่อนั่นไม่ให้เงินเจ้า? มันไม่ขี้งกขนาดนั้นหรอกน่า!?”
ฉู่หลิวเยว่คิดในใจ มู่ชิงเห่อกับคำว่า “ขี้งก” นั้นไม่เกี่ยวข้องกันแม้แต่น้อย แต่ตัวเจ้าเจี่ยนเฟิงฉือ บัดนี้กลับเห็นได้ชัดเจนแจ่มแจ้งทีเดียว
“มีบางเรื่องที่นายน้อยเจี่ยนยังไม่ทราบ ข้าปลีกตัวออกมาจากจวนตระกูลมู่แล้ว”
เจี่ยนเฟิงฉือตะลึงงัน
“โอ๋? เหตุใดเจ้าจึงออกมาเช่นนี้เล่า?”
สำหรับสถานการณ์ของฉู่หลิวเยว่ในปัจจุบันแล้ว จวนตระกูลมู่ถือเป็นตัวเลือกที่ดีอย่างยิ่ง
นางที่เพิ่งกุมชัยชนะจากงานหมื่นทูร แต่พอกลับไปแล้วดันคิดจะตัดความสัมพันธ์กับมู่ชิงเหอเช่นนั้นหรือ?
ฉู่หลิวเยว่เองก็ไม่คิดที่จะอธิบายให้เขาฟังมากนัก นางเล่าเพียงแค่ว่าตนเข้าร่วมกับสำนักชงซูเก๋อแล้ว ภายหลังคิดที่จะอาศัยอยู่ในซีหลิง ดังนั้นจึงคิดหาบ้านให้ตัวเองสักหลังหนึ่ง
“ของสิ่งใดในซีหลิงล้วนมีราคาสูง จะทำอันใดล้วนต้องใช้เงิน นายน้อยเจี่ยน หรือว่าท่านใจแข็งพอที่จะเห็นข้าเร่ร่อนอยู่ข้างถนน?”
คำพูดของฉู่หลิวเยว่นั้นมาจากใจจริง
ริมฝีปากของเจี่ยนเฟิงฉือสั่นระริกอย่างรุนแรง
นางน่ะหรือจะเร่ร่อนอยู่ข้างถนน?!
แค่นางไม่ทำให้ผู้อื่น เช่นเขา กลายเป็นคนเร่ร่อนข้างถนนก็ถือว่าดีเท่าไรแล้ว!
“นั่นก็…ความจริงแล้วตัวข้าเอาเงินก้อนใหญ่ไปลงเดิมพันในบ่อนหมดแล้ว บัดนี้ยังไม่ได้รับกำไรคืน ในระยะเวลาเพียงเท่านี้ไม่สามารถหาเงินจำนวนเยอะเพียงนั้นได้จริงๆ… มิเช่นนั้น ให้เจ้าก่อนสักส่วนหนึ่ง เป็นอย่างใด?” เจี่ยนเฟิงฉือเตรียมเจรจากับฉู่หลิวเยว่
ทว่าทันทีที่พูดจบ ก็ได้รับสายตาที่เปี่ยมไปด้วยความเหยียดหยามจากสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ที่อยู่ด้านข้าง
จิ๊ เมื่อครู่เจ้าคนนี้หยิบผนึกศิลาขาวหนึ่งแสนชิ้นออกมาแบบดวงตาแทบไม่กะพริบ มาบัดนี้กลับแสร้งว่ายากจนขึ้นมาทันทีทันใด!
ได้ยินเช่นนี้แล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาสัญญาจะแบ่งเงินให้ฉู่หลิวเยว่ ทว่าตอนนี้คิดจะกลับคำพูด
เหอะ!
ดีจริงๆ!
นางก้าวไปข้างหน้า พลางเอ่ยชี้ชวนด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“องค์ชายเจี่ยน แต่ไหนแต่ไรมาท่านรักษาคำพูดเสมอ อีกทั้งยังใจกว้าง บัดนี้คุณหนูฉู่ประสบพบความยากลำบาก ท่านคงนิ่งดูดายไม่ช่วยไม่ได้ มิใช่หรือ?”
ข่าวลือก่อนหน้าที่ว่าเจี่ยนเฟิงฉือมีใจแก่ฉู่หลิวเยว่ บัดนี้ดูอย่างใดก็ล้วนเป็นเรื่องเหลวไหลทั้งสิ้น!
เจี่ยนเฟิงฉือพลันรู้สึกถึงแรงกดดัน
ท้ายที่สุด เขาก็กัดฟันตอบ
“เช่นนั้นข้าจะหาทางรวบรวมเงินดู”
ระหว่างพูด เขาก็หยิบแหวนเฉียนคุนออกมาหนึ่งวง
จากนั้น ก็หยิบแหวนเฉียนคุนออกมาเพิ่มอีกหนึ่งวง
ในตอนที่เขาหยิบแหวนเฉียนคุนวงที่ห้าออกมา สีหน้าของสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ค่อยๆ นิ่งค้าง
ทว่าเจี่ยนเฟิงฉือก็ยังไม่หยุดมือ
…สรุปแล้วเขาชนะมาเท่าไรกันแน่!?