ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 562 สวนสมุนไพร
ตอนที่ 562 สวนสมุนไพร [รีไรท์]
ลู่เจือเหยารีบโบกมือปฏิเสธพัลวัน
“ไม่ใช่แบบนั้น แม้จะมีผู้บาดเจ็บล้มตายจากเหตุการณ์ครั้งนั้นก็จริง แต่จริงๆ แล้วนั่นไม่ใช่สาเหตุหรอก…เพียงแต่หลังจากสิ้นสุดการปะทะ ความยิ่งใหญ่ของชงซูเก๋อก็เริ่มถดถอย เจ้าสำนักเก๋อเองก็รู้สึกว่า หากเขาบังคับศิษย์ของตัวเองให้อยู่ต่อ ก็มีแต่จะทำให้เกิดผลเสียต่ออนาคตของพวกเขา จึงมีการออกคำสั่งเลิกจ้าง ถ้าใครไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อก็สามารถถอนตัวได้ โดยแค่เสียค่าธรรมเนียมให้เจ้าสำนักเก๋อ แล้วก็ออกไปได้เลย”
“ในตอนนั้นมีหลายคนมากที่เลือกถอนตัวออกไป แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นคนที่เพิ่งเข้ามาอยู่ได้แค่หนึ่งปีเสียมากกว่า”
ถ้าจะบอกว่าพวกเขาไม่มีความรู้สึกต่อชงซูเก๋อ ก็คงเป็นการไร้เหตุผลเกินไป
แต่ก็เป็นเพราะชงซูเก๋อในปัจจุบันนั้น ไม่ใช่ชงซูเก๋อดั่งที่เคยเป็นในอดีตแล้ว
ฉู่หลิวเยว่เงียบไปครู่หนึ่ง
“แต่คงไม่ได้มีแค่เหตุผลนี้หรือเปล่า?”
ถึงชงซูเก๋อจะต้องเจอกับเหตุการณ์ที่เลวร้ายเช่นนั้น จนตกต่ำถึงเพียงนี้ แต่ก็ไม่มีทางที่พวกเขาจะผลักไสไล่ส่งคนของตัวเองแน่นอน!
ลู่เจือเหยาสับสนอยู่พักหนึ่ง และเงียบไป
ศิษย์น้องตัวน้อยผู้นี้ช่างฉลาดเป็นกรด หากไม่พูดก็คงจะไม่ได้แล้ว แต่ถ้าพูด…แล้วนางไม่อยากอยู่ต่อเล่า เขาจะทำเยี่ยงไร?
สุดท้ายเย่หรานหร่านที่ยืนอยู่ข้างๆ ก็ทนไม่ไหว แล้วพูดขึ้นมาเอง
“หลิวเยว่ เจ้าอาจจะไม่รู้ว่า ที่เจ้าสำนักเก๋อทำเช่นนี้ ก็เพราะหวังดีกับพวกเขา…ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เหล่าสาวกของชงซูเก๋อมักจะถูกผู้อื่นกีดกัน และถูกคุกคามทุกหนทุกแห่ง…ทำให้พวกเขาไม่สามารถบรรลุการฝึกตนได้…”
ฉู่หลิวเยว่เข้าใจในทันที
“มีคนจ้องเล่นงานชงซูเก๋อหรือ?”
เย่หรานหร่านหันไปสบตากับลู่เจือเหยา ก่อนจะพยักหน้ารับเบาๆ
มีคนในซีหลิงที่แกร่งกล้าเพียงนั้นเชียวหรือ?
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางขบคิดเรื่องนี้อยู่ในใจ
ความจริงแล้วพอคิดดีๆ ก็พอจะมีคนแบบนั้นอยู่บ้าง…
“ใช่องค์…”
“หลิวเยว่ หว่านโจว พวกเจ้ามากันแล้วหรือ”
ยังไม่ทันจบประโยค อวี้ฉือซงและผู้อาวุโสซย่าอี้ก็เดินออกมาจากห้องโถงเสียก่อน
เมื่อผู้อาวุโสซย่าอี้เห็นทั้งสองคน ดวงตาของเขาก็สว่างวาบขึ้นทันใด พลันเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว และมองดูทั้งสองคนอย่างระมัดระวัง
“จิ๊จิ๊! เจ้าสำนักเก๋อ คราวนี้เจ้านำต้นกล้าคุณภาพดีกลับมาได้ตั้งสองต้น!”
ก่อนหน้านี้เขาไม่ค่อยเชื่อ แต่พอได้เห็นกับตาแล้วตอนนี้ ก็พลอยโล่งใจขึ้นมา!
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา อย่าว่าแต่อัจฉริยะ แม้แต่ผู้ฝึกตนทั่วไปก็ยังไม่คิดจะก้าวเข้ามาในประตูชงซูเก๋อของพวกเขาเลย
ทว่าตอนนี้กลับมีอัจฉริยะรุ่นเยาว์ผู้ครอบครองชีพจรตี้จิงตั้งสองคนเข้ามาในสำนักของเขา นี่มันสวรรค์โปรดชัดๆ!
อวี้ฉือซงเองก็หัวเราะเช่นกัน รอยย่นบนใบหน้าขยับตามเสมือนหัวเราะไปพร้อมเจ้าของร่าง
“ข้าบอกแล้ว ว่าถ้าเจ้าเห็น เจ้าต้องดีใจแน่ๆ ทั้งสองคนนี้คือนักรบที่เก่งกาจจากงานหมื่นทูรในปีนี้!”
ฉู่หลิวเยว่รีบพาเชียงหว่านโจวเข้ามาทำความเคารพพวกเขา
“คารวะเจ้าสำนักเก๋อ และผู้อาวุโสซย่าอี้”
ผู้อาวุโสซย่าอี้ยิ้มบาง พลันเอ่ยถาม
“เขาบอกว่าพวกเจ้าเลือกชงซูเก๋อด้วยตัวเอง จริงหรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มตอบ “จริงเจ้าค่ะ”
ผู้อาวุโสซย่าอี้ลูบเคราของเขาไปมา ราวยังไม่เชื่อใจสักเท่าไร
อวี้ฉือซงจึงเดินเข้ามาแล้วพูดว่า
“วันนี้พวกเจ้าลองไปสำรวจชงซูเก๋อเสียก่อน หลังจากที่พวกเจ้ามีความเข้าใจในสำนักชงซูเก๋อแล้ว ค่อยมาตัดสินใจว่าผู้ใดจักเป็นอาจารย์ให้พวกเจ้า”
เขาหยุดชั่วคราว ก่อนจะแสร้งเอ่ยต่อราวกับเรื่องขบขัน “แต่เดิมมีผู้อาวุโสหลายคนให้เลือก แต่ตอนนี้… เหลือเพียงตาแก่อย่างข้ากับซย่าอี้แค่สองคน!”
ฉู่หลิวเยว่แอบเจ็บปวดในใจ แต่ก็ยังพยักหน้าตอบไป
“ขอบพระคุณเจ้าสำนักเก๋อและผู้อาวุโสซย่าอี้”
หลังจากนั้น ภายใต้การนำทางของลู่เจือเหยาและเย่หรานหร่าน ฉู่หลิวเยว่และเชียงหว่านโจวก็เริ่มออกสำรวจสำนักชงซูเก๋อทั้งหมด
ฉู่หลิวเยว่เคยมาที่นี่หลายครั้งแล้ว แต่ภาพที่ได้เห็นในตอนนี้นั้น แตกต่างจากในอดีตโดยสิ้นเชิง
มีร่องรอยการต่อสู้อยู่ทั่วทุกหนทุกแห่ง และสิ่งก่อสร้างหลายอย่างได้รับความเสียหาย
แม้จะผ่านไปหนึ่งปีแล้ว แต่หากดูจากร่องรอยที่เหลือเหล่านี้ ก็จะเห็นได้ว่าการสู้รบครั้งนั้นช่างน่าสลดใจเพียงใด
หลังจากเดินไปรอบๆ ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกไม่สบายใจ ราวกับมีบางอย่างกำลังทำให้นางอึดอัด
ตำราเกือบหมื่นเล่มที่อยู่ในชงซูเก๋อถูกนำออกไป ซึ่งทั้งหมดนั้นเต็มไปด้วยสูตรปรุงยาอันล้ำค่าและตำราศิลปะการต่อสู้
วัตถุดิบยาอันล้ำค่าเองก็ถูกขโมยไปเช่นกัน จนแทบไม่เหลืออันใดเลย
และตอนนี้มีเพียงสวนสมุนไพรแห่งเดียวที่เพิ่งจะเริ่มปลูกใหม่ไป
แต่แม้ว่าจะมีการปลูกใหม่เพิ่มขึ้นมากมาย แต่พืชบางอย่าง เช่นสมุนไพร ก็จำต้องใช้เวลาหลายร้อยปีในการเติบโต
พวกเขาเพิ่งเริ่มปลูกกันปีนี้ ฉะนั้นก็ต้องรอกันต่อไปอีกพักใหญ่
ฉู่หลิวเยว่มองไปยังสวนสมุนไพรที่เพิ่งได้รับการปรับปรุงใหม่ และถามอย่างลังเล
“ศิษย์พี่ลู่ ก่อนหน้านี้เจ้าพูดว่า…ถ้าอยากได้สมุนไพรชนิดใด ก็ให้บอกพวกเจ้า…เจ้าหมายถึงต้นอ่อนพวกนี้หรือ?”
ลู่เจือเหยารู้สึกเขินอายเล็กน้อย พลางเกาหัวของเขา
“คือ…คือว่า…ถึงเจ้าพวกนี้จะเพิ่งเอาลงปลูก และยังไม่สามารถใช้งานได้ แต่ถ้าพวกศิษย์น้องต้องการล่ะก็ พวกเราจะพยายามอย่างดีที่สุด เพื่อตอบสนองความต้องการเหล่านั้นเอง!”
ฉู่หลิวเยว่คิดแล้วคิดอีก
“เช่นนั้น…ศิษย์พี่ลู่กำลังจะบอกว่า…เจ้าจะออกไปซื้อมันจากด้านนอกหรือ?”
แต่ที่นางสงสัย เพราะแม้แต่วัสดุทางการแพทย์สำหรับการปรุงยา คนเหล่านี้ยังไม่สามารถหาซื้อให้ตนเองได้เลย
“ส่วนมากคนในชงซูเก๋อล้วนเป็นเซียนหมอกันทั้งนั้น และมันน่าจะมีสถานที่สำหรับการปรุงยาอยู่แล้วสิ แต่แล้วเหตุใดถึงต้องมาสร้างสวนสมุนไพรขึ้นใหม่เช่นนี้?”
เมื่อก่อนนางเคยเอาสมุนไพรจำนวนมากจากที่นี่ไปใช้
แต่ตอนนี้พวกเขากลับไม่พูดถึงมันเลย?
ลู่เจือเหยาถอนหายใจ
“ศิษย์น้องหญิง เจ้าเดาถูกแล้ว เมื่อก่อนชงซูเก๋อเคยมีสวนสมุนไพรขนาดใหญ่ แต่…หลังจากเหตุการณ์นั้น สวนสมุนไพรก็ถูกทำลาย ไม่เพียงแต่วัตถุดิบสำหรับปรุงยาเท่านั้นที่ได้รับความเสียหาย ทว่าแม้กระทั่งพื้นที่ขนาดใหญ่นั้น ก็ยังเสียหาย และได้รับผลกระทบ จนกลายเป็นดินแดนที่แห้งแล้งไปด้วย ซึ่งตอนนี้ สวนสมุนไพรแห่งใหม่ก็ได้ถูกสร้างขึ้นในสถานที่ๆ บริสุทธิ์เพียงไม่กี่แห่งบนภูเขาชิงหยวนแทนแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วเป็นปม
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ไปได้?”
ใครกันที่กล้าลงมือกับชงซูเก๋อได้อย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้?
ไปแปลกใจเลยที่อวี้ฉือซงถูกกดดันขนาดนั้น!
และไม่แปลกเลยที่ศิษย์พี่ศิษย์น้องหลายคนลาออกจากชงซูเก๋อ!
ขนาดนี้แล้ว ใครมันจะอยากอยู่ต่อบ้าง?
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ อารมณ์ของลู่เจือเหยาและเย่หรานหร่านก็ดิ่งฮวบลงทันที
คนทั้งหมดล้วนตกอยู่ในความเงียบ
ผ่านไปพักหนึ่ง ฉู่หลิวเยว่ก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นก่อน
“ศิษย์พี่ลู่ ข้าอยากไปดูที่สวนสมุนไพรอันเก่า”
ลู่เจือเหยาชะงัก
“เจ้าจะไปทำอันใดที่นั่น? ตอนนี้พื้นที่ตรงนั้นกลายเป็นที่รกร้างไปแล้ว อีกอย่าง เจ้าสำนักเก๋อก็สั่งไว้แล้วว่าห้ามให้ศิษย์คนใดเข้าไปในนั้นโดยพลการ”
ร่องรอยความผิดหวังปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของฉู่หลิวเยว่
เย่หรานหร่านกะพริบตาปริบๆ พลันกระซิบกระซาบ
“ศิษย์พี่ลู่ ในเมื่อหลิวเยว่อยากไปดู ก็พานางไปเถอะนะ! แค่ดูแป๊บเดียว คงไม่มีปัญหาหรอก”
เจ้าสำนักเก๋อชื่นชอบพวกฉู่หลิวเยว่มาก และถึงแม้ว่าเขาจะรู้ เขาก็จะไม่ลงโทษสองคนนี้หรอก
ลู่เจือเหยาลังเลอยู่ชั่วขณะ แต่สุดท้ายก็ยอมพยักหน้าตกลง
“ก็ได้! แต่พอไปถึงแล้วห้ามแตะต้องอันใดเด็ดขาด พวกเราแค่ไปดู แล้วก็กลับกันเลย”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้า
“ตามที่ศิษย์พี่ลู่ว่าเลย”
หลังจากนั้น พวกเขาก็เบี่ยงออกไปยังเส้นทางอื่นและเดินไปที่สวนสมุนไพรเก่า
…
วันนี้สำนักชงซูเก๋อไม่ค่อยมีคน พวกเขาเดินไปตามเส้นทาง กระทั่งถึงครึ่งทางแล้ว ก็แทบไม่ค่อยได้เจอใครเลย
สิ่งนี้ทำให้ลู่เจือเหยาและเย่หรานหร่านแอบโล่งใจ
ทว่ายิ่งเดินหน้าไปเรื่อยๆ ก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความเหงาและโดดเดี่ยว
และในที่สุด หลังจากผ่านไปประมาณครึ่งชั่วยาม พวกเขาก็มาถึงจุดหมายแล้ว
“มันอยู่ตรงนั้น”
ลู่เจือเหยาเอ่ยพลางชี้ไปยังที่ดินแดนรกร้างข้างหน้า