ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 572 หยกพก
ตอนที่ 572 หยกพก [รีไรท์]
สำนักชงซูเก๋อ
ฉู่หลิวเยว่และคนอื่นๆ มาที่สวนสมุนไพรด้วยกันอีกครั้งหนึ่ง
อวี้ฉือซงยืนอยู่นอกประตู กางค่ายกลขนาดใหญ่ปกคลุมทั่วทั้งอาณาเขตสวนสมุนไพร
“หากข้าอยู่ที่นี่ จะไม่มีผู้ใดกล้ารบกวนเจ้าแน่นอน”
อวี้ฉือซงกล่าว นัยน์ตายังคงแฝงความกังวลใจไว้บางส่วน
ฉู่หลิวเยว่ผงกศีรษะรับคำ
“ขอบคุณมาก ท่านอาจารย์”
จากนั้น นางก็ก้าวเท้าเข้าสวนสมุนไพรไป
เชียงหว่านโจวตามหลังนางไปติดๆ
ฉู่หลิวเยว่หันศีรษะกลับมา และมองเขาด้วยสายตาแฝงความประหลาดใจอยู่บางส่วน
เชียงหว่านโจวจึงเอ่ยขึ้น
“ข้าบอกไปแล้วว่าข้าจะคอยช่วยเจ้า”
ฉู่หลิวเยว่เชิดปลายคางขึ้น
“แค่นอกค่ายกลก็พอแล้ว ท่านอาจารย์ไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยเสียหน่อย”
เชียงหว่านโจวยังคงยืนกราน แล้วเอ่ยตอบว่า
“ข้าเพียงขยับเข้ามาใกล้เจ้านิดหนึ่งเท่านั้น ถ้าหากมีอันใดไม่ถูกต้อง จะได้ช่วยเจ้าได้ทันที”
อาจเพราะกังวลว่าฉู่หลิวเยว่จะไม่เห็นด้วย เขาก็รีบสำทับเพิ่มอีกประโยค
“ที่นี่ไม่มีใครเข้าใจเรื่องทรายรวมศูนย์ได้ดีไปกว่าข้าแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่เห็นท่าทางหนักแน่นของเขาก็ยิ้มออกมา
“ได้”
คนทั้งสองเดินไปยังใจกลางของสวนสมุนไพร
ฉู่หลิวเยว่และเชียงหว่านโจวหันมองหน้ากันรอบหนึ่ง
เชียงหว่านโจวผงกศีรษะรับแผ่วเบา
ฉู่หลิวเยว่สูดลมหายใจเข้าลึก แล้วดึงกริชออกมาปาดฝ่ามือซ้ายของตนอย่างเบามือทันที พลันปรากฏโลหิตสายหนึ่ง!
รอยเลือดสีแดงก่ำไหลรินออกมาจากปากแผล!
ฉู่หลิวเยว่นั่งขัดสมาธิ ก่อนจะทาบฝ่ามือลงบนพื้นข้างใต้
เม็ดโลหิตสีเข้มข้นเม็ดหนึ่ง ร่วงลงมาอย่างไร้สุ้มเสียงเล็ดลอด และจุ่มลงในพื้นสีน้ำตาลแดงอย่างรวดเร็ว
ครู่หนึ่ง สมุนไพรในพื้นที่โดยรอบที่เคยแห้งเหี่ยว ก็พลันดีดตัวขึ้นมา!
ต้นเหมยที่อยู่ใกล้ที่สุดถูกทำลายตั้งแต่ราก!
เศษผงจากทรายรวมศูนย์ไหลรินมาทางฉู่หลิวเยว่!
เร็วมาก ต้นที่สอง ต้นที่สาม
วัตถุดิบทำยานับไม่ถ้วนในบริเวณโดยรอบถูกทำลายสิ้น พวกมันแตกสลายอย่างไร้สุ้มเสียง โดยมีฉู่หลิวเยว่เป็นศูนย์กลาง!
ภายในทรายรวมศูนย์ที่ผสมรวมกัน ก็เริ่มสาดซัดมาทางฉู่หลิวเยว่ด้วยความรวดเร็ว!
ดั่งเรือนผมสีโลหิตที่สะบัดพลิ้วไปตามลม ดั่งทรายจำนวนน้อยนิดที่รินไหล
ถึงแม้ว่าภายในพืชแต่ละต้นจะมีทรายรวมศูนย์จำนวนน้อยมาก ทว่ายามพวกมันทั้งหมดมารวมตัวกันนั้น กลับกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์แสนตระการตาด้วยความรวดเร็ว!
เวลาผ่านไปประมาณหนึ่งเค่อ พื้นดินโดยรอบตัวฉู่หลิวเยว่ ราวกับแม่น้ำสีชาดจำนวนนับไม่ถ้วน!
ทว่าเป้าหมายของมัน ก็คือฉู่หลิวเยว่นั่นเอง!
ราวกับว่ามีมือที่มองไม่เห็นคอยบงการทุกอย่างอยู่!
ครั้นเวลาล่วงเลยไป ฉู่หลิวเยว่ก็สัมผัสได้ถึงความรู้สึกอันแปลกประหลาด โลหิตภายในร่างกายของตนรินไหลออกมาทางปากแผลด้วยความรวดเร็ว
นางหลุบตามองต่ำลง ฝ่ามือทาบลงบนพื้นดินที่ค่อยๆ แปรเปลี่ยนเป็นสีเลือด และยังแพร่กระจายไปยังบริเวณโดยรอบอย่างช้าๆ
ในขณะเดียวกัน สิ่งที่สูญเสียเร็วยิ่งกว่าเลือดของนาง ก็คือ กำลังภายในของนาง!
สีหน้าฉู่หลิวเยว่ปรากฏแววสงสัย
ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดก่อนหน้านี้เชียงหว่านโจว จึงค้านหัวชนฝาเสียขนาดนั้น เจ้าทรายรวมศูนย์สิ่งนี้สิ้นเปลืองพลังอย่างมาก เป็นสิ่งที่น่าหวาดหวั่นยิ่ง
นางเพิ่งจะจัดการขอบเขตภายในระยะห่างสิบสองก้าว ก็เริ่มรู้สึกได้ถึงพลังภายในที่กำลังสูญเสียไป ด้วยความเร็วที่มากผิดปกติ
ทว่าสวนสมุนไพรแห่งนี้มีพื้นที่กว้างใหญ่นัก!
ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ เป็นไปได้มากที่ทรายรวมศูนย์เหล่านี้จะแพร่กระจายไปทั่วภูเขาชิงหยวนทั้งลูก!
ซึ่งสุดท้ายแล้วจะต้องใช้พลังไปมากเท่าใดนั้น… นางเองก็ไม่สามารถยืนยันได้แน่ชัด
ทว่าโชคยังดีที่ตอนนี้หยดน้ำยังคงไร้การเคลื่อนไหว
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ในใจฉู่หลิวเยว่ก็มีความมั่นใจเพิ่มขึ้นมาก
นางตั้งสมาธิและกำหนดลมหายใจ และพยายามจัดสรรกำลังภายในให้กลับมาเป็นระเบียบ!
ทรายรวมศูนย์ที่อยู่บริเวณไกลออกไป ก็เริ่มพากันพรั่งพรูมาทางนี้!
เชียงหว่านโจวยืนอยู่ด้านข้าง คอยจับตามองอย่างใกล้ชิด มิกล้าละสายตาออกไปแม้แต่ครู่เดียว
จนบัดนี้ ทุกอย่างล้วนเป็นไปอย่างราบรื่น แต่ว่านี่เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น
…
ณ พระราชวังเทียนลิ่ง
หลังจากที่เจียงอวี่เฉิงออกมาจากตำหนักฮวาหยาง เดิมทีเขาคิดจะมุ่งตรงออกนอกพระราชวัง ทว่าเมื่อเดินไปได้ครึ่งทาง กลับหมุนกายมุ่งไปยังตำหนักชิงเฟิง
ตำหนักชิงเฟิงยังคงมีการคุ้มกันแน่นหนาเช่นเคย
คนธรรมดามิอาจเดินเข้ามาได้โดยง่ายเช่นนี้ ทว่าเจียงอวี่เฉิงนั้นไม่เหมือนกัน
ด้วยเหตุผลหลายประการ โดยปกติแล้วเขาจึงสามารถเข้าออกได้โดยอิสระ
แต่เมื่อเห็นเจียงอวี่เฉิงปรากฏตัว บรรดานางสนมที่รับหน้าที่คอยเฝ้าจับตาดู ล้วนบังเกิดความประหลาดใจ
ไม่กี่วันก่อน คนผู้นี้เพิ่งแวะมามิใช่หรือ? ไฉนจึงมาอีกเล่า?
ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะแวะเวียนมาบ่อย ทว่าระยะหลังมานี้กลับถี่กว่าปกติ
ถึงแม้ว่าพวกเขาย่อมไม่กล้าพูดคำพูดเช่นนี้ออกมา แต่ว่าสีหน้าอารมณ์ที่แตกต่างจากปกติล้วนปกปิดไว้สิ้น
จะเข้ามาอยู่ที่นี่ได้ ล้วนเป็นคนที่ถูกเลือกมาอย่างดี มิอาจก่อความผิดพลาดเช่นนั้นขึ้นมาได้
เจียงอวี่เฉิงกำลังจะเข้าไป แต่กลับมองเห็นชายคนหนึ่งที่มีท่าทางเหมือนเด็กรับใช้ยืนอยู่ด้านนอกประตู เขายืนเก็บมืออย่างสำรวม เสมือนรอคอยใครสักคนอยู่
เด็กรับใช้ผู้นั้นดูแล้วคุ้นตาอยู่บ้าง
เขาเดินเข้าไปใกล้อีกนิด ก่อนจะพบว่าเป็นคนของหมอหลวงจั่วหมิงซีผู้นั้น
ซั่งกวนหว่านทำการเลือกหมอหลวงมาสามคนไว้เปลี่ยนกะผลัดกันดูแลจักรพรรดิ คำนวณเวลาดูแล้ว วันนี้เป็นเวรของจั่วหมิงซีจริงๆ
เมื่อเด็กรับใช้ผู้นั้นเห็นเจียงอวี่เฉิง พลันโค้งคำนับทำความเคารพ
เจียงอวี่เฉิงถามขึ้น
“ใต้เท้าจั่วอยู่ข้างในหรือ?”
เด็กรับใช้ตอบด้วยความนอบน้อม
“ขอรับ”
“นานเท่าไรแล้ว?”
“หนึ่งเค่อเห็นจะได้ขอรับ”
เจียงอวี่เฉิงผงกศีรษะ
ดูจากเวลาแล้ว อีกไม่นานเขาสมควรได้เวลาออกมา
เขาครุ่นคิด ก่อนจะล้มเลิกความตั้งใจที่จะเข้าไป กลับยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม รอคอยคนด้านในพร้อมกับเด็กรับใช้ผู้นั้น
เด็กรับใช้นั้นก็มิกล้าไถ่ถามอันใด เพียงแค่รักษาท่าทีและยืนอยู่ด้วยเท่านั้น
ครู่เดียว บุรุษวัยกลางคนผู้หนึ่งก็เดินออกมาจากห้อง
เป็นจั่วหมิงซีจริงๆ
เจียงอวี่เฉิงก้าวไปด้านหน้าหลายก้าว
“ใต้เท้าจั่ว”
เมื่อเห็นเจียงอวี่เฉิง จั่วหมิงซีตระหนกตกใจยิ่ง
“คุณชายเจียงมาที่นี่ได้เช่นไร?”
เจียงอวี่เฉิงหัวเราะพลางตอบ
“ช่วงนี้องค์หญิงสามพักผ่อนไม่ค่อยเพียงพอ ข้าจึงแวะมาเยี่ยมนาง อีกทั้งอยากรู้ว่าอาการฝ่าบาทเป็นอย่างใดบ้างจึงแวะมาดูเสียหน่อย”
จั่วหมิงซีผงกศีรษะว่าเข้าใจ เขาลูบเครายาวของตน สีหน้าผ่อนคลายยิ่ง
“ท่านช่างเอาใจใส่ฝ่าบาทโดยแท้”
เจียงอวี่เฉิงมองประตูที่ถูกปิดลงอย่างระมัดระวัง
“ใต้เท้าจั่ว ฝ่าบาทได้สติหรือยัง?”
ใบหน้าของจั่วหมิงซีเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม ส่ายศีรษะ
ความผิดหวังฉายวาบผ่านนัยน์ตาของเจียงอวี่เฉิง
“เหตุใดจึงยังไม่ดีขึ้นอีกเล่า?”
พวกเขาหยุดให้ยาพระองค์แล้ว ตอนนี้เพียงแค่ดูแลร่างกายของฝ่าบาทเท่านั้น
ปกติแล้ว ควรจะได้สติแล้วถึงจะถูก
ทว่ายื้อมาจนถึงตอนนี้ กลับยังคงไร้ซึ่งความเคลื่อนไหว
จั่วหมิงซีเอ่ยว่า
“พวกเราเข้าใจในความร้อนใจของคุณชายเจียงดี ทว่าเรื่องนี้นั้น…ออกจะพูดได้ไม่เต็มปากเท่าไรนัก บางทีวันพรุ่งฝ่าบาทอาจได้สติก็เป็นได้ ท่านเองก็ไม่ต้องกังวลมากนัก”
เจียงอวี่เฉิงทำได้เพียงแค่ผงกศีรษะ
“รบกวนใต้เท้าจั่วแล้ว”
“นี่เป็นหน้าที่ข้า จะเรียกว่ารบกวนได้อย่างใด? ไม่ว่าอย่างใดก็ตาม พวกเราจะทุ่มสุดกำลัง สู้เพื่อทำให้ฝ่าบาทฟื้นขึ้นมาในวันหน้าให้ได้ ถ้าหากคุณชายเจียงมิมีเรื่องอื่นใดแล้ว ข้าขอตัวไปจ่ายยาให้ฝ่าบาทก่อน?”
“เชิญใต้เท้าจั่ว…”
เจียงอวี่เฉิงถอยหลังครึ่งก้าว
จั่วหมิงซีประสานมือทำความเคารพ ก่อนจะนำเด็กรับใช้จากไป
ทว่าเมื่อออกเดินได้เพียงสองก้าว เจียงอวี่เฉิงพลันรั้งตัวเขาไว้
“ใต้เท้าจั่ว รอประเดี๋ยว”
จั่วหมิงซียืนนิ่ง หันศีรษะกลับมามองเขา
“คุณชายเจียงมีเรื่องอันใดอีกหรือ?”
สายตาของเจียงอวี่เฉิงจับจ้องไปยังบริเวณเอวของเขา ในใจบังเกิดความสงสัยขึ้นมาเรื่องหนึ่ง
หมอหลวงเข้าวัง ย่อมต้องห้อยหยกพกประจำตัวไว้ที่เอว ทว่าบนร่างจั่วหมิงซีนั้น กลับไร้หยกพกที่ว่า
“ใต้เท้าจั่ว หยกพกประจำตัวหมอหลวงของท่านเล่า?”