ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 581 ฝ่ามือเทวา
ตอนที่ 581 ฝ่ามือเทวา [รีไรท์]
“อะแฮ่ม…ความทรงจำของชายชราอย่างข้านี่ เรื่องมันก็ผ่านไปแล้ว…พูดไปก็ไม่มีประโยชน์…ไม่ว่าอย่างไรตอนนี้เจ้าก็หมั้นหมายกับองค์หญิงสามแล้ว…”
ตอนนั้นอวี้ฉือซงเหมือนเพิ่งได้สติ ใบหน้าของเขามีร่องรอยความผิดหวังเสียใจอยู่
“เจ้าคง…ไม่ได้รังเกียจใช่หรือไม่?”
รอยยิ้มบนใบหน้าของเจียงอวี่เฉิงค้างแข็ง
“จะเป็นไปได้อย่างใด? ท่านก็พูดได้ถูกต้อง…แต่เรื่องมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว ไม่ว่าอย่างใดมันก็ไม่สามารถย้อนกลับได้แล้ว…”
เขาชะงักไปเล็กน้อย และพยายามระงับความโกรธที่อยู่ในอกอย่างยากลำบาก จากนั้นก็พูดออกมาอย่างราบรื่น
“ความหมายของท่านคือท่านอยากจะได้ของเหล่านั้นคืน?”
อวี้ฉือซงหัวเราะอย่างขมขื่น
“ความจริงแล้วแล้วมันก็ช่วยไม่ได้จริงๆ หนึ่งปีกว่าที่ผ่านมา ทั้งสำนักชงซูเก๋อโดนปล้นจนเกลี้ยง ข้ามีความทรงจำ และของมากมายที่เกี่ยวกับองค์หญิง ก็ถูกขโมยไปทั้งหมดแล้ว กอปรกับตอนนี้ข้าก็ยังชักหน้าไม่ถึงหลัง…ของเหล่านั้นจึงเป็นความคิดถึงเพียงหนึ่งเดียวที่ข้ามีต่อองค์หญิง”
เมื่อเจียงอวี่เฉิงได้ยินดังนั้น ในใจก็เริ่มก็รำคาญมากขึ้นเรื่อยๆ
เขาฝืนฟังอวี้ฉือซงพูดจนจบ จากนั้นเขาก็พูดขึ้นว่า
“ท่านประมุขอวี้ฉือ ข้าสามารถเข้าใจความรู้สึกของท่านได้ เอาเช่นนี้ก็แล้วกัน ข้าจะกลับไปเก็บของเหล่านั้นให้ท่านด้วยตนเอง หลังจากเก็บเสร็จแล้ว ข้าจะนำไปให้ท่านที่สำนักชงซูเก๋อ เป็นอย่างใดเล่า?”
อวี้ฉือซงมีสีหน้าย่ำแย่อย่างมาก
“แบบนั้นก็ใช่ว่าจะไม่ได้ แต่ของเหล่านั้นมันค่อนข้างจะกระจัดกระจายอยู่หลายที่ ข้าไม่อยากจะรบกวนคนอื่น ข้าไปหาด้วยตนเองก็น่าจะเหมาะสมกว่านะ!”
รอยยิ้มและน้ำเสียงของเจียงอวี่เฉิงก็แข็งค้างเล็กน้อย
“ประมุขอวี้ฉือ ไม่ใช่ว่าข้าไม่อยากให้กุญแจ แต่ท่านก็ต้องเข้าใจด้วยว่า ตอนสมัยที่องค์หญิงยังอยู่ นางหวงพื้นที่แห่งนั้นมาก สิ่งของเหล่านั้นล้วนสำคัญกับนาง และพวกเราอย่างมาก พวกเราจะพยายามรักษาเอาไว้ให้ดีที่สุด”
“ในเมื่อตอนนี้ท่านอยากได้ของเหล่านั้นคืน วิธีที่เหมาะสมที่สุดต้องให้ข้าไปเอาให้ ท่านวางใจเถอะ ท่านต้องการสิ่งใดก็แค่แจ้งกับข้าก็พอแล้ว ข้าจะต้องช่วยท่านอย่างเต็มที่แน่นอน”
คำพูดนี้สุภาพอย่างมาก และไม่สามารถหาคำพูดอื่นมาเถียงได้
คนทั่วไปเมื่อได้ยินเสียงดังนั้นแล้ว ก็จะเข้าใจว่าเจียงอวี่เฉิงไม่ต้องการจะมอบกุญแจดอกนั้นให้เขา
แต่อวี้ฉือซงไม่ใช่คนทั่วไป
ยิ่งไปกว่านั้นที่เขามาหาเจียงอวี่เฉิงวันนี้ ก็เพื่อมาสร้างความลำบากให้เขา
ตอนนั้นเองเขาจึงพูดยืนกรานต่อว่า
“ข้าจะเข้าไปเพียงครู่เดียวเท่านั้น ไม่มีทางทำลายของภายในอย่างแน่นอน”
“ประมุขอวี้ฉือ…“
“เจ้ากำลังสงสัยในความสามารถของข้า ผู้เฒ่าคนนี้? หรือว่าเจ้าไม่ไว้ใจข้าใช่หรือไม่?”
อวี้ฉือซงพูดตัดบทสนทนาของเขา จากนั้นก็มองหน้าเขาโดยตรง!
เดิมทีเจียงอวี่เฉิงก็รู้สึกร้อนตัวอยู่แล้ว ตอนนี้เขาจึงมองหน้าอวี้ฉือซงด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยและตรวจสอบ แต่ว่าเขาก็ยังไม่กล้าเผชิญหน้าโดยตรง จึงจำเป็นต้องเบนสายตาออกไปอย่างเงียบๆ
“ในเมื่อประมุขอวี้ฉือยืนยันอย่างนั้น เช่นนั้น…ก็ให้ข้าไปกับท่านด้วยก็แล้วกัน เป็นอย่างใด?”
นี่เขาอยากจะเฝ้าสังเกตข้าหรือ?
สีหน้าของอวี้ฉือซงก็ผ่อนคลายขึ้นมาก จากนั้นเขาก็พูดขึ้นมาอย่างใจเย็นว่า
“ได้!”
เจียงอวี่เฉิงรู้สึกคับข้องใจอย่างมาก แต่เกรงว่านี่จะเป็นวิธีการเดียวที่จะกำจัดอวี้ฉือซงได้
“ตอนนี้ข้ายังมีธุระที่ต้องจัดการอีก เช่นนั้นข้าขอตัวก่อนนะ พรุ่งนี้เจอกันที่สวนซินหลี่”
อวี้ฉือซงพูดอย่างไม่ปฏิเสธ
ตอนที่เจียงอวี่เฉิงกำลังจะพูดว่าพรุ่งนี้ตนเองไม่มีเวลา แต่อวี้ฉือซงที่กำลังจะลุกขึ้นยืนแล้วเดินจากไป ก็พูดขึ้นมาว่า
“อ๋อ…จริงสิ คุณชายใหญ่เจียงแม้ว่าเจ้าจะบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ต้องดูแลรักษาตัวเองให้ดีนะ ในตอนนี้เจ้ายังมีเรื่องให้ทำมากมาย เจ้าคง…ไม่สามารถทำพลาดได้ ไม่ใช่หรือ?”
เมื่อได้ยินดังนั้น เจียงอวี่เฉิงก็ต้องกลืนคำพูดที่เหลือลงท้องไป ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วส่งอวี้ฉือซงที่หน้าประตู
หลังจากเห็นว่าอวี้ฉือซงออกจากหน้าประตูใหญ่ตระกูลเจียงไปแล้ว ใบหน้าของเจียงอวี่เฉิงก็เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง
วันนี้มันกะทันหันอย่างมาก ทำให้เขาไม่มีเวลาที่จะหาวิธีปกปิดปราณที่อยู่บนร่างกายได้ดีกว่านี้
ความสงสัยที่มีอยู่ในใจของอวี้ฉือซงจึงไม่ถูกขจัดออกไป หลังจากนี้เขาจะต้องหยั่งเชิงเขาอีกอย่างแน่นอน
“ซุนฉี”
“ขอรับ!”
“วันนี้ข้าจะปิดด่านฝึก ห้ามใครเข้ามารบกวนทั้งนั้น!”
“ขอรับ!”
…
ม่านราตรีเคลื่อนคล้อย ดวงจันทร์แขวนอยู่กลางนภา
ฉู่หลิวเยว่ก็กำลังอยู่ในห้องของตนเอง ดวงตาปิดสนิท สองขานั่งขัดสมาธิ
พลังดั้งเดิมในร่างกายของนางกำลังโคจรอย่างมั่งคง ปราณที่อยู่รอบกายค่อยๆ เพิ่มจำนวนมากขึ้น
หลังจากนั้นนางก็เหยียดแขนข้างขวาออกมา ภายในทะเลจิตใต้สำนึกก็กำลังครุ่นคิดถึงเคล็ดวิชานิภาปลายนิ้ว และโคจรพลังดั้งเดิมในร่างกายของตัวเองไปด้วย ก่อนจะควบคุมมันไปที่ปลายนิ้ว
แสงดาวส่องประกายที่ปลายนิ้วของนางเล็กน้อย
พลังที่แข็งแกร่งค่อยๆ แผ่ขยายออกมา
ภายในทะเลจิตใต้สำนักของฉู่หลิวเยว่ ก็เริ่มนึกถึงวิธีฝึกฝ่ามือเทวา
ตอนที่นางอยู่ที่ชั้นบนสุดของหอสมุดสำนักไท่เหยี่ยน กำแพงทั้งสี่ด้านได้จารึกเคล็ดวิชาหัตถ์ศักดิ์สิทธิ์เอาไว้อย่างครบถ้วน
รวมทั้งนิภาปลายนิ้ว ฝ่ามือเทวา และ หมัดเทวา!
เคล็ดวิชาทั้งสามส่วนนี้ เป็นวิชาที่มีระดับขั้นสูงขึ้นไปเรื่อยๆ ความยากก็เพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน!
เคล็ดวิชาหัตถ์ศักดิ์สิทธิ์นั้น นางสามารถจดจำได้อย่างขึ้นใจ จนแทบจะสามารถท่องถอยหลังได้อยู่แล้ว
ครั้งแรกที่นางฝึกวิชานิภาปลายนิ้วนั้น นางพยายามฝึกมากกว่าพันกว่าในที่สุดก็สำเร็จ
แต่หลังจากที่ฝึกสำเร็จแล้ว หากนางมีเวลานางก็จะกลับไปฝึกฝนอีกครั้ง
จนตอนนี้สามารถบอกได้ว่านางเข้าใจเคล็ดวิชานิภาปลายนิ้วได้อย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว และสามารถเริ่มฝึกวิชาฝ่ามือเทวาได้แล้ว
ในสมองของนาง ค่อยๆ มีแสงสีเงินมาบรรจบรวมกัน จากนั้นก็กลายเป็นร่างเงาสายหนึ่ง
ฉู่หลิวเยว่สามารถมองออกได้แค่ว่าคนผู้นั้นเป็นผู้ชาย แต่ไม่สามารถมองเห็นหน้าตาของเขาได้ชัดเจน
เขายกมือขึ้นมา จากนั้นก็มีประกายแสงดวงดาวออกมาจากนิ้วของเขา
ทันใดนั้นแสงเหล่านั้นก็กลายเป็นแสงดาวที่กระจัดกระจายไป จากนั้นเขาก็แตะปลายนิ้วอื่นๆ ของเขาเบาๆ
แสงสีเงินเหล่านั้นก็ครอบคลุมฝ่ามือทั้งหมดของเขาด้วยความรวดเร็ว
เขาหมุนข้อมือขึ้น แล้วผลักฝ่ามือนั้นออกมา!
แสงจำนวนมากก็ถาโถมออกมา
ฉู่หลิวเยว่เบิกตากว้าง จากนั้นก็มองฝ่ามือของขวาของตัวเอง
นางจ้องไปที่แสงตรงปลายนิ้วอย่างใจจดจ่อ และพยายามกระจายพลังเหล่านั้นออกไป
แต่ทว่าแสงเหล่านั้นไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆ
ฉู่หลิวเยว่คาดเดาผลลัพธ์นี้เอาไว้ได้นานแล้ว ใบหน้าของนางไม่มีความตกใจหรือสิ้นหวังอยู่เลย แต่นางพยายามเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง
ตอนแรกที่นางพยายามควบรวมพลังแสงดาราสีเงินให้อยู่ที่ปลายนิ้ว นางต้องล้มเหลวมานับครั้งไม่ถ้วน กว่าจะสำเร็จ
แต่ตอนนี้ต้องกระจายพลังนั้นออกมา มันต้องใช้แรงมากกว่า ดังนั้นมันจึงยากกว่าเดิมมาก
นางโคจรพลังในตัวเองอีกครั้ง จากนั้นก็เริ่มใหม่อีกครั้ง
ล้มเหลว
ล้มเหลวแล้ว
ล้มเหลวอีก
…
แสงจันทร์รอดผ่านหน้าต่างเข้ามา กระทบลงบนร่างกายของนาง ทำให้เงาของนางทอดยาวออกไป
ราวกับว่านางกำลังเข้าฌาน นางนั่งจ้องฝ่ามือตนเองตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้
ถ้าไม่ใช่เพราะมีปราณโคจรเข้าออกรอบตัวของนางอย่างต่อเนื่อง คนอื่นที่มาเห็นอาจจะคิดว่านางเป็นรูปปั้นได้
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ทุกครั้งที่นางพยายามลองใหม่ พลังงานที่เต็มเปี่ยมจะออกมาจากเถียนตัน และไหลเวียนเข้าไปในทุกส่วนของร่างกาย
ทำให้เส้นชีพจรของฉู่หลิวเยว่ได้รับการชำระล้างครั้งแล้วครั้งเล่า อีกทั้งยังทำให้มันแข็งแรง และมีขนาดกว้างขึ้นด้วย
เวลาหนึ่งคืนผ่านไป
ตอนที่แสงอาทิตย์ยามเช้าส่องเข้ามา ในที่สุดปลายนิ้วของฉู่หลิวเยว่ก็มีแสงแยกออกมา และค่อยๆ แผ่ขยายไปยังนิ้วโป้ง บนฝ่ามือของนาง มีแสงสีเงินจางๆ ปรากฏขึ้นมาสองกลุ่ม!