ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 586 กระบี่เทพเมฆาสำริด
ตอนที่ 586 กระบี่เทพเมฆาสำริด [รีไรท์]
เสียงภายในห้องโถงเงียบไป ทุกคนต่างหันไปมองที่ด้านนั้นอย่างพร้อมเพรียง
งานประมูล…กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว!
หลังจากที่แท่นหินสีขาวหยุดลงที่กลางอากาศด้านข้าง ก็มีระลอกคลื่นเกิดขึ้น
ทันใดนั้นเองก็มีชายชราผู้หนึ่งเดินออกมา!
รอบตัวของเขาไม่มีปราณใดๆ แผ่กระจายออกมา แต่หัวใจของผู้ชมทุกท่านกลับสั่นไหว!
พลังฉีกมิติด้วยมือเปล่านั้น ไม่สมควรมองข้ามอย่างยิ่ง!
ผมของชายชราผู้นี้เป็นสีขาวโพลน แต่จิตวิญญาณแจ่มใส ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนและเป็นมิตร
เมื่อเห็นการปรากฏตัวของเขานั้น ผู้ชมที่อยู่ในห้องโถงก็รู้สึกร้อนรนขึ้นมาทันที
“เหตุใดถึงกลายเป็นเหล่าซ่งได้ล่ะ? เขามักจะปรากฏตัวขึ้นที่งานประมูลครั้งใหญ่ไม่ใช่หรือ?”
“ไม่รู้สิ! ก่อนหน้านี้ก็ไม่เคยได้ยินเขาพูดถึงมาก่อน…”
“เขาหนึ่งในผู้นำระดับสูงของหออวี่เซี่ยงไม่ใช่หรือการประมูลวันนี้ทำให้เขาเคลื่อนไหวได้ หรือว่าจะมีสมบัติล้ำค่าหายากในงานวันนี้ด้วย?”
ผู้ชมทั้งต่างซุบซิบเสียงเบา
ซ่งเจิงกวาดสายตามองผู้ชมด้วยรอยยิ้ม
“ยินดีต้อนรับทุกท่าน ตามที่ทุกคนคาดเดากันต่างๆ นานา บังเอิญอย่างมากที่งานประมูลวันนี้จะมีข้าเป็นผู้ดำเนินรายการหลัก”
เขาพูดขึ้น เสียงซุบซิบรอบข้างก็หายไปทันที
เมื่อได้ยินเขาพูดเช่นนั้น ก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่แสดงสีหน้าประหลาดใจออกมา
ซ่งเจิงมาที่นี่ได้ เกรงว่าในงานประมูลวันนี้จะมีของล้ำค่าเข้าร่วมประมูลอย่างแน่นอน!
ต่อให้ไม่สามารถประมูลได้ แต่ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้วที่ได้มาเข้าร่วมงานวันนี้!
“กฎของหออวี่เซี่ยงคือ…ใครให้ราคาสูง ผู้นั้นได้ไป! ข้าเชื่อว่าทุกท่านคงจะรอจนเบื่อแล้ว เช่นนั้นผู้เฒ่าอย่างข้าคงจะไม่พูดไร้สาระแล้ว เริ่มการประมูลได้!”
เมื่อสิ้นเสียงของเขา แท่นหินสีขาวที่อยู่ด้านข้างก็มีขวดหยกสีเขียวปรากฏขึ้น
“นี่คือโอสถฟื้นพลังระดับห้า เพิ่มอัตราการเลื่อนขั้นของจอมยุทธ์ระดับหกได้เก้าส่วน! ราคาเริ่มต้น…สองร้อยผนึกศิลาขาว”
สำหรับบุคคลทั่วไป สองร้อยผนึกศิลาขาวก็ถือเป็นเงินที่จำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว แต่เมื่อมาอยู่ที่นี่ นี่จึงเป็นเพียงราคาเริ่มต้นเท่านั้น
อีกทั้งโอสถเม็ดนี้ ก็ดึงดูดผู้บำเพ็ญเพียรจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
ทันทีที่ซ่งเจิงพูดจบ จึงมีคนเริ่มแย่งประมูลทันที
“สองร้อยสิบ!”
“สองร้อยสามสิบ!”
“สองร้อยสี่สิบห้า!”
ฉู่หหลิวเยว่เหลือบสายตามองไปยังคนที่ตะโกนประมูล และคนส่วนใหญ่ที่ประมูลนั้นล้วนเป็นคนที่อยู่ชั้นหนึ่ง
คนที่นั่งอยู่ชั้นหนึ่ง ล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเพียรระดับล่างของเมืองซีหลิง หรือไม่ก็จะเป็นคนที่มาจากตระกูลเล็กๆ
ถ้าพูดตามตรงแล้ว คนที่สามารถนั่งอยู่โถงนี้ได้นั้น พวกเขาจะต้องเป็นคนที่มีฝีมือและมีกำลังทรัพย์
แต่เมื่อเปรียบเทียบกับคนที่อยู่ชั้นบนแล้ว ก็ถือว่ายังห่างไกลมากนัก
คนที่สามารถขึ้นมาอยู่ชั้นสองได้ พื้นฐานแล้วจะต้องเป็นลูกหลานของตระกูลที่มีอำนาจ
เช่นเจียงอวี่จือและซย่าโหวถิงอัน
พวกเขามีตระกูลทางบ้านคอยสนับสนุน ทรัพยากรมากมาย เดิมทีแล้วเขาไม่มีทางประมูลโอสถเช่นนี้ในสถานที่แบบนี้หรอก
สำหรับชั้นสามนั้น…ก็ยิ่งไม่ต้องพูดถึง
หลังจากผ่านการประมูลมาแล้วรอบหนึ่ง สุดท้ายก็มีชายหนึ่งคนหนึ่งประมูลไปในราคาสามร้อยผนึกศิลาขาว
นี่ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ดี
หลังจากนั้นของชิ้นที่สองก็ปรากฏออกมา
ของชิ้นนั้นเป็นกระบี่สีทองแดงโบราณ แต่ปราณที่แผ่ออกมาก็ทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
“นี่คือกระบี่เทพเมฆาสำริด! ตัดเหล็กเหมือนตัดโคลน คมอย่างมาก! ราคาเริ่มต้น…ห้าร้อยผนึกศิลาขาว! การประมูลแต่ละครั้ง ต้องเสนอราคาไม่น้อยกว่าห้าสิบผนึกศิลาขาว!”
นี่เพิ่งเป็นของประมูลชิ้นที่สอง แต่ราคาเริ่มต้นขึ้นเป็นห้าร้อยผนึกศิลาขาวแล้ว จึงทำให้ทุกคนรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองที่กระบี่ดาบนั้นครู่หนึ่ง
“ถือว่าเป็นกระบี่ที่ดี”
คุณค่าของกระบี่เล่มนี้ย่อมมากกว่าห้าร้อยผนึกศิลาขาวอย่างแน่นอน นางเริ่มอยากประมูลกระบี่เล่มนี้เสียแล้ว
นางลูบคางตัวเองอยู่สักพัก จากนั้นก็คิดขึ้นมาได้ว่า
จริงสิ!
เหมือนว่าเชียงหว่านโจวจะยังไม่มีอาวุธคู่กายสินะ!
และกระบี่เล่มนี้ก็ดูเหมาะสมกับเขาไม่น้อยเลยทีเดียว…
“เด็กน้อย เจ้ารีบประมูลกระบี่เล่มนี้เถอะ”
ทันใดนั้นก็มีเสียงปฐมกษัตริย์ดังขึ้นมา
“นี่มันเป็นสมบัติชั้นเลิศ!”
ฉู่หลิวเยว่ชะงักไป
“องค์ไท่จู่ ที่ท่านพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างใดหรือเจ้าคะ?”
ซั่งกวนจิ้งหัวเราะฮ่าๆ เสียงดัง
“นี่เป็นนกยูงทองแดงที่หายาก! และยังเป็นนกยูงทองแดงที่สมบูรณ์ ขอเพียงแค่สามารถลับคมกระบี่มันได้ มันจะสามารถเป็นอาวุธที่อยู่เหนือโลกได้! ของเช่นนี้แค่มีเงินอย่างเดียวก็ไม่สามารถซื้อได้ ไม่ว่าจะราคาเท่าไหร่ ก็ต้องประมูลมันมาให้ได้!”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าเบาๆ
“เจ้าค่ะ!”
ถึงขนาดที่ท่านปฐมกษัตริย์ยังยกย่องมัน นั่นเป็นเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าของชิ้นนี้หายากจริงๆ หลังจากที่ลับคมกระบี่มันแล้ว ค่อยมอบให้เชียงหว่านโจวก็ไม่เลวเลย
…
ชั้นสอง
เมื่อเจียงอวี่จือเห็นกระบี่เล่มนั้น แววตาก็เปล่งประกายขึ้นทันที
“ถิงอัน เจ้าดูกระบี่เล่มนั้นสิ เจ้าคิดว่าอย่างใด?”
ซย่าโหวถิงอันมองสีหน้าของนางก็รู้ได้ทันที
“กระบี่หนักไร้คม ใช้ได้คล่องแคล่ว* ฝีมือการสร้างประณีต* เป็นกระบี่ที่ดีเลย เจ้าชอบหรือ?”
เจียงอวี่จือพยักหน้าหงึกหงัก
“ใช่แล้ว! แม้ว่ากระบี่เล่มก่อนของข้านะจะไม่เลว แต่เมื่อเทียบกับกระบี่เล่มนี้แล้ว ถือว่ายังห่างชั้นอีกมาก!”
หากพูดถึงระดับปราณเพียงอย่างเดียวก็ถือว่าห่างกันหลายขุมทีเดียว!
“หากสามารถได้ครอบครองกระบี่เล่มนี้ ฝีมือของข้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้นอีกขั้นแน่นอน!”
เจียงอวี่จือไม่สามารถซ่อนความตื่นเต้นดีใจของตนเองได้
“ข้าจะต้องประมูลให้ได้!”
สายตาของนางจ้องมองที่กระบี่เทพเมฆาสำริดโดยไม่กะพริบตาเลยแม้แต่น้อย
ซย่าโหวถิงอันก็มองออกว่านางชอบกระบี่เล่มนั้นจริงๆ หลังจากไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วเขาก็พูดขึ้นมาว่า
“ในเมื่อเจ้าชอบขนาดนั้น เช่นนั้นข้าจะประมูลให้เจ้าเอง!”
เจียงอวี่จือพูดขึ้นอย่างตกใจ
“จริงหรือ? กระบี่เล่มนี้ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ห้าร้อยผนึกศิลาขาวเชียวนะ!”
“ในเมื่อเจ้าชอบสิ่งนั้น ของชิ้นนั้นต้องดีอย่างแน่นอน มันคุ้มค่ากับราคาแล้ว ขอเพียงเจ้ามีความสุข ราคาเท่าไหร่ก็ไม่สำคัญ!”
ซย่าโหวถิงอันพูดขึ้นอย่างมั่นใจ
ตั้งแต่เรื่องราวในหอร้อยโอสถครั้งก่อน เพื่อช่วยให้เขาเอาใจเจียงอวี่จือ ท่านพ่อก็ให้เงินเขามาไม่น้อยเลยทีเดียว
ครั้งนี้จึงสามารถเชิญนางออกมาได้อย่างยากลำบาก แน่นอนว่าเขาจะต้องแสดงให้ดีที่สุด
เขาลูบแหวนเฉียนคุนของตัวเองเบาๆ
ด้วยเงินจำนวนนี้ แค่ประมูลกระบี่เล่มหนึ่ง ถือว่ามากเกินพอแล้ว
เมื่อได้ยินซย่าโหวถิงอันพูดเช่นนั้น ในใจของนางก็รู้สึกยินดีอย่างมาก ก่อนจะกอดแขนอีกฝ่ายอย่างออดอ้อน
“ถิงอัน เจ้าดีที่สุดเลย!”
ซย่าโหวถิงอันยิ้มอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็ยกป้ายเสนอราคา
ตอนนั้นเองก็เริ่มมีคนประมูลกระบี่เทพเมฆาสำริดแล้ว
“ห้าร้อยห้าสิบ!”
“หกร้อย!”
“หกร้อยห้าสิบ!”
คนที่เข้าร่วมประมูลมีจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว ราคาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วอีกด้วย
ตอนนั้นเองซย่าโหวถิงอันก็เสนอราคาว่า
“แปดร้อยผนึกศิลาขาว!”
ทันทีที่เขาพูดราคาออกมา ผู้คนภายในโถงนั้นก็เงียบกริบทันที แล้วหันมามองทางเขาอย่างพร้อมเพรียง
ประมูลครั้งนี้เพิ่มขึ้นไปหนึ่งร้อยห้าสิบผนึกศิลาขาว ถือว่าเป็นเงินจำนวนไม่น้อยเลยทีเดียว
ซ่งเจิงเหลือบมองซย่าโหวถิงอันด้วยรอยยิ้ม
“แปดร้อยผนึกศิลาขาว มีท่านใดจะประมูลอีกหรือไม่?”
หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ชั้นหนึ่งก็ตะโกนราคาประมูลต่อ
“แปดร้อยห้าสิบ!”
ซย่าโหวถิงอันยกยิ้มอย่างมั่นใจ
“หนึ่งพันผนึกศิลาขาว!”
เกิดเสียงฮือฮาท่ามกลางฝูงชนอีกครั้ง
นี่มันมากกว่าราคาเริ่มต้นหนึ่งเท่าเชียวนะ!
การประมูลดุเดือดมากขึ้นเรื่อยๆ แต่เห็นได้ชัดเจนว่าเขาต้องการกระบี่เทพเมฆาสำริดเล่มนี้มาก!
ชายผู้นั้นลังเลอยู่นาน ก่อนจะกัดฟันแล้วเสนอราคาอีกครั้ง
“หนึ่งพันหนึ่งร้อย!”
เดิมทีราคานี้เป็นราคาที่สูงเกินกว่าคนทั่วไปจะสามารถจ่ายได้แล้ว
แต่ซย่าโหวถิงอันก็เสนอราคาอีกครั้งอย่างไม่ลังเล
“หนึ่งพันสามร้อย!”
ภายในห้องโถงแห่งนี้มีเพียงพวกเขาสองคนที่แย่งกันประมูลอยู่
ชายหนุ่มผู้นั้นลังเลอย่างมาก แต่สุดท้ายเขาก็ต้องยอมแพ้ไปอย่างคับแค้นใจ
ซย่าโหวถิงอันยกยิ้มขึ้นอย่างมีชัย
แต่ก่อนที่เขาจะหัวเราะขึ้นมา ก็ได้ยินเสียงประมูลมาจากชั้นสาม
“สองพัน!”
*เป็นคำพูดจากนิยายเรื่องมังกรหยก ว่าด้วยกระบี่ทั้งสี่เล่มในสุสานกระบี่ กระบี่ที่ข้างต้นพรรณนาผู้เขียนพูดถึงกระบี่เล่มที่สาม เป็นกระบี่สีดำมีน้ำหนักมาก ปลายโค้งมนไม่มีคม กระบี่แบบนี้ไหนเลยใช้ได้คล่องแคล่วถนัดมือ แต่ใต้กระบี่กลับจารึกไว้ว่า กระบี่หนักไร้คม ใช้ได้คล่องแคล่ว ฝีมือการสร้างไม่ประณีต ก่อนอายุสี่สิบใช้พิชิตทั่วแผ่นดิน