ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 590 ราคาสูงทะลุฟ้า
ตอนที่ 590 ราคาสูงทะลุฟ้า [รีไรท์]
เสียงนั้นดังมาจากชั้นสอง
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตาไปมอง คนผู้นั้น คือชายหนุ่มอายุประมาณสามสิบ ท่าทางไม่คุ้นหน้า
ทันทีที่เขาพูดจบ ก็มีคนจากชั้นสามเสนอราคาขึ้นมา
“หนึ่งแสนห้าหมื่น!”
คนที่อยู่ชั้นหนึ่งก็ต่างตกใจจนอ้าปากค้าง
เดิมทีการประมูลครั้งนี้พวกเขาไม่มีสิทธิเข้าร่วมการประมูลอยู่แล้ว
แต่อย่างใดก็ตามเมื่อมองไปที่คนจากชั้นสอง ก็ดูเหมือนว่าเขาต้องการแย่งชิงอย่างดุเดือด
คุณสมบัติของร่างซวีหยวนนั้นน่าดึงดูดอย่างมาก เมื่อเริ่มประมูลราคาก็อยู่ที่หนึ่งแสนผนึกศิลาขาวแล้ว และพริบตาเดียวก็ข้ามไปที่หนึ่งแสนห้าหมื่น!
แต่ทว่านี่เพิ่งเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น
หลังจากนี้ก็มีคนเริ่มเสนอราคากันอย่างต่อเนื่อง เสียงเสนอราคาดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย และเหมือนว่าจะไม่มีช่วงเว้นว่างเลยด้วยซ้ำ!
อีกทั้งการเพิ่มราคาแต่ละครั้งนั้น ก็เพิ่มขึ้นอย่างน่ากลัว!
“สองแสน!”
“สามแสน!”
“ห้าแสน!”
เพียงแค่ในช่วงเวลาสั้น ราคาก็พุ่งสูงขึ้นอย่างมากแล้ว!
ในเมืองซีหลิงล้วนไม่ขาดแคลนเศรษฐี
เมื่อเผชิญหน้ากับร่างเสมือนที่ล้ำค่าขนาดนี้ เงินแค่นี้จะนับเป็นอันใดได้?
…
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์เดินไปหยุดที่ข้างกายของเจี่ยนเฟิงฉือ ก่อนจะเบนสายตาลงไปมองอย่างครุ่นคิด
“เจ้ารู้จักผู้หญิงคนนั้นหรือ?”
ใบหน้าของเจี่ยนเฟิงฉือเหมือนมีม่านน้ำแข็งบางๆ ปกคลุมอยู่ เขาพยักหน้าขึ้นลง แววตาเย็นชา และเต็มไปด้วยจิตสังหาร!
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์รู้สึกตกใจเล็กน้อย
นางจะไม่เคยเห็นเจี่ยนเฟิงฉือทำหน้าตาเช่นนี้มาก่อน
ผู้หญิงคนนั้น…เป็นใครกันแน่นะ?
เมื่อครู่ซ่งเจิงพูดว่า ผู้หญิงคนนั้นลักลอบเข้ามาในพรมแดนม่านฟ้า…
เช่นนั้นนางเป็นคนที่เจี่ยนเฟิงฉือรู้จักตอนที่อยู่ด้านนอกพรมแดนงั้นหรือ?
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์มองอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า
“นางได้รับบาดเจ็บสาหัส”
แม้ว่าจะอยู่ในระยะไกลขนาดนี้ แต่ก็สามารถจินตนาการได้ถึงความเจ็บปวดที่นางได้รับก่อนหน้านี้อย่างไม่ยากเย็น
“ดูเหมือนว่าจะเพิ่งอายุสิบกว่าปีเท่านั้น…ไม่รู้จริงๆ ว่านางสามารถข้ามพรมแดนม่านฟ้ามาคนเดียวได้อย่างใด?”
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์พูดขึ้นเสียงเบา
สีหน้าของเจี่ยนเฟิงฉือก็เย็นชามากขึ้นกว่าเดิม เขากำพัดกระดูกที่อยู่ในมืออย่างแรง กำจนเล็บซีดขาว จนพัดกระดูกแทบจะหักคามือแล้ว
ไม่มีใครรู้ว่า ตอนที่เขาเห็นว่าคนที่อยู่ในกรงนั้นคือมู่หงอวี่ ในใจของเขานั้นโกรธจัดมากขนาดไหน!
เขาแทบอยากจะพุ่งตัวออกไปโดยทันที จากนั้นก็ทุบกรงนั้นให้แหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย!
ความทรงจำของเขาที่มีต่อมู่หงอวี่ นางเป็นคนที่สดใส ร้อนแรงดั่งเปลวไฟ แต่เมื่อเห็นนางอยู่ในสภาพนี้ เขารู้สึกรับไม่ได้จริงๆ
ที่หน้าอกของเขาเหมือนว่ามีอันใดบางอย่างมาขวางกั้น ทำให้เขาหายใจลำบาก
น้ำเสียงของสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ก็อ่อนโยนขึ้นมาก
“ในเมื่อนางเป็นสหายของเจ้า เช่นนั้นพวกเราก็ประมูลนางกลับมาก่อนเถิด พากลับไปแล้วค่อยว่ากัน”
ในที่สุดเจี่ยนเฟิงฉือก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบว่า
“นางไม่ใช่สินค้า!”
“ข้ารู้ แต่ซ่งเจิงบอกว่านางลักลอบเข้ามา ทุกคนจึงคิดว่านางเป็นทาส มีเพียงทางเดียวเท่านั้นที่จะช่วยนางได้ นั่นก็คือ ต้องประมูลนางมาเสีย หรือว่าเจ้าจะลากตัวนางออกไปจากหออวี่เซี่ยงเช่นนี้เลย?”
นั่นมันเหมือนคนโง่นอนละเมอเท่านั้น
เจี่ยนเฟิงฉือนั้นเก่งกาจมาก แต่เขามีเพียงสองมือ ไหนจะสามารถต่อกรกับศัตรูรอบทิศ
นี่เป็นถิ่นของหออวี่เซี่ยง ใครมันจะไปเป็นศัตรูกับเขาได้?
แล้วอีกอย่างที่หออวี่เซี่ยง ก็ไม่ได้ขาดแคลนจอมยุทธ์มากฝีมือ
แค่เลือกมาสองสามคน ก็สามารถรั้งตัวเจี่ยนเฟิงฉือเอาไว้ได้แล้ว
เจี่ยนเฟิงฉือขมวดคิ้วแน่นขึ้น
ด้านนอกมีเสียงประมูลดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย แสบแก้วหูอย่างยิ่ง
“หนึ่งล้าน!”
“หนึ่งล้านสองแสน!”
“หนึ่งล้านสองแสนห้าหมื่น!”
เขามองไปที่มู่หงอวี่
นางนั่งอยู่ในกรงคนเดียว ในอ้อมกอดของนางมีหมีแผงคอทองคำอยู่ตัวหนึ่ง ท่าทางเปล่าเปลียวและไร้ทางสู้
“ห้าล้าน!”
…
เสียงทุ้มต่ำและแฝงความเย็นชาดังกระจายไปทั่วห้องโถง!
คำพูดนั้นแหลมคมดุจใบมีด ทันใดนั้นก็ทำให้เสียงของคนจำนวนไม่น้อยขาดหายไป
งานประมูลที่คึกคัก กลับนิ่งสนิท เหมือนมีใครมาสาดน้ำเย็นใส่หน้าของพวกเขา
ห้าล้าน…ผนึกศิลาขาว!
นี่มันเป็นจำนวนเงินที่สูงที่สุดแล้ว!
แม้ว่าจะเป็นตระกูลมีอำนาจที่สุดในซีหลิง พวกเขาก็ไม่สามารถจ่ายเงินจำนวนนี้ได้ในครั้งเดียว!
คนที่เคยมั่นใจ ก็ถอนตัวออกไปทั้งหมดแล้ว
แม้กระทั่งซ่งเจิงก็ยังตกใจอย่างมาด้วย
เงินจำนวนนี้ เป็นการประมูลที่สูงที่สุดในปีนี้ของหออวี่เซี่ยงแล้ว!
หลังจากตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาจึงต้องระงับหัวใจที่เต้นระรัวของตนเองลง แล้วพูดขึ้นว่า
“ยังมีใครจะเสนอราคาอีกหรือไม่? ห้าล้าน ครั้งที่หนึ่ง!”
…
คาดไม่ถึงว่าจะมีคนเสนอราคาห้าล้านออกมา?
ฉู่หลิวเยว่ที่กำลังรอโอกาสที่จะประมูลก็ตกใจอย่างมาก
ตั้งแต่ราคาหนึ่งแสน ครู่เดียวก็เพิ่มขึ้นไปเป็นห้าล้าน…
คนผู้นี้ประมูลมู่หงอวี่มาอย่างไม่เสียดายเงินเลยแม้แต่น้อย!
ในเมืองซีหลิงนั้น คนที่จะสามารถจ่ายเงินจำนวนนี้ได้มีไม่เยอะ
แล้วจะเป็นใครไปได้ล่ะ…
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่สักพัก ในสมองของนางมีใบหน้าของคนจำนวนมากมายปรากฏขึ้นมา
แต่เพราะว่าห้องส่วนตัวนี้เก็บความลับได้ดีเกินไป ดังนั้นนางจึงไม่สามารถเดาได้ว่าอีกฝ่ายคือใครกันแน่
ท้ายที่สุดแล้ว แรงดึงดูดของร่างเสมือนนั้นมันคงยิ่งใหญ่มากเกินไป
นางจึงต้องเดินกลับเข้าไปในห้องด้วยความกังวล
ก่อนหน้านี้นางต้องการประมูลมู่หงอวี่มาโดยตรง ซึ่งนี่จะเป็นวิธีที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
อีกทั้งไม่ว่าอย่างใดนางก็สามารถจ่ายเงินจำนวนนี้ได้อยู่แล้ว
แต่ในตอนนี้ เมื่อคนคนนั้นลงมือ ฉู่หลิวเยว่ก็เริ่มลังเลเล็กน้อย
นางไม่ได้เป็นห่วงเรื่องเงิน แต่ห่วงเรื่องอีกฝ่ายจะเพิ่มราคาขึ้นอย่างไม่มีขีดจำกัด
เมื่อครุ่นคิดอยู่สักพัก ฉู่หลิวเยว่จึงเลือกที่จะเสนอราคาต่อ
“หกล้าน!”
เดิมทีทุกคนคิดว่าห้าล้านนี้จะเป็นราคาสุดท้ายแล้ว แต่คาดไม่ถึงว่าจะมีคนมาตัดราคาเพิ่ม จึงทำให้ทุกคนอ้าปากค้างอย่างพร้อมเพรียงกัน
นี่มันคนรวยจากที่ไหนกันแน่เนี่ย แค่เสนอราคาครั้งเดียวก็เพิ่มเงินขนาดนี้!?
เมื่อเปรียบเทียบแล้ว การประมูลหลายพันหลายหมื่นเมื่อก่อนหน้านี้ กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลยทีเดียว!
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์กะพริบตาปริบๆ
“น่าแปลก ใครกันที่มาเสนอราคาแข่งกับเจ้า?”
ช่วงนี้เจี่ยนเฟิงฉือมีเงินเยอะมากสามารถจ่ายเงินจำนวนนี้ได้ แต่เหตุใดอีกฝ่ายถึงได้ใจกว้างขนาดนี้เล่า?
เจี่ยนเฟิงฉือกำลังจะเสนอราคา แต่ทันใดนั้นกลับนึกอันใดบางอย่างขึ้นมาได้ สีหน้าของเขาจึงแข็งค้างไปเล็กน้อย