ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 593 น้ำใจ
ตอนที่ 593 น้ำใจ [รีไรท์]
ฉู่หลิวเยว่พามู่หงอวี่กลับมาที่เรือนของตนเอง
เจี่ยนเฟิงฉือและสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ก็ตามมาด้วยเช่นกัน
ฉู่หลิวเยว่ให้มู่หงอวี่ไปอาบน้ำอาบท่าเสียก่อน จากนั้นก็ช่วยรักษาแผลที่อยู่บนร่างกายของนางอย่างระมัดระวัง หลังจากทำแผลเสร็จแล้วก็นำเสื้อผ้าชุดใหม่มาให้นางเปลี่ยน
จากนั้นนางก็ถือโอกาสรักษาแผลบนร่างกายของหมีแผงคอทองคำ
โชคดีที่มันมีผิวหนังที่หนา และฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว
มู่หงอวี่ยืนยันกับฉู่หลิวเยว่ตั้งหลายครั้งว่านางไม่เป็นอันใดแล้ว ฉู่หลิวเยว่ถึงได้วางใจลงได้
หลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในที่สุดสองนายบ่าวก็ไม่ได้ดูน่าสงสารเหมือนตอนก่อนหน้านี้แล้ว
ฉู่หลิวเยว่ช่วยนางจับชีพจร และยืนยันว่าบาดแผลบนร่างกายนั้นไม่สาหัสอันใด ส่วนอวัยวะภายในก็ไม่มีความเสียหาย ในที่สุดนางถึงถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
อีกทั้งเหมือนว่ามู่หงอวี่จะผอมลงไปเยอะมาก แต่ว่าในร่างกายของนางเหมือนว่าจะมีพลังที่แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาอีกอย่าง
นี่คงเป็นผลทำให้ช่วงเวลาสั้นๆ นางก็สามารถเลื่อนระดับจนมาอยู่ระดับห้าได้
เดิมทีฉู่หลิวเยว่อยากจะถามสถานการณ์โดยละเอียด แต่เมื่อนึกได้ว่าเจี่ยนเฟิงฉือและสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ที่กำลังรออยู่ด้านนอก นางจึงระงับความสงสัยที่อยู่ในใจเอาไว้
หลังจากที่จัดการทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ในที่สุดทั้งสองคนก็กลับมาที่ห้องโถงด้านหน้าอีกครั้ง
สายตาของเจี่ยนเฟิงฉือก็กวาดมองไปที่ร่างของมู่หงอวี่ ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
แววตาของสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ก็มีประกายความประหลาดใจแฝงอยู่
ที่แท้มู่หงอวี่ก็งดงามขนาดนี้เชียว
หลังล้างคราบเลือดเต็มตัวออกไป หวีผมให้เรียบร้อย คาดไม่ถึงว่าจะพลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือเช่นนี้
สดใส ร่าเริง มีชีวิตชีวา ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่นั้นก็เปล่งประกายอย่างมาก
แม่นางคนนี้ร้อนแรงดั่งเปลวไฟบริสุทธิ์
มู่หงอวี่เดินเข้ามา แล้วมองไปรอบๆ อย่างสงสัย
“หลิวเยว่ เรือนของเจ้าทั้งสะอาดและสวยงามมาก”
แม้ว่าจะไม่ใหญ่ แต่ก็สะอาดและหรูหรา ทำให้คนรู้สึกสบายอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่เอ่ยอย่างหยอกล้อ
“เพราะมีคนช่วยข้าทำความสะอาดน่ะ เดี๋ยวข้าจะแนะนำให้รู้จัก เจ้านั่งลงก่อนสิ”
มู่หงอวี่หาที่นั่งตามใจชอบ ในที่สุดนางก็ถามขึ้นมาอย่างอดไม่ได้ว่า
“หลิวเยว่ เจ้าเพิ่งมาที่นี่ได้ไม่นานไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงมีที่พักเป็นของตัวเองแล้วล่ะ?”
นี่เป็นราชธานีของราชวงศ์ซีหลิงนะ…เมืองซีหลิงเชียวนะ!
คนธรรมดาอาจจะต้องใช้โอกาสของทั้งชีวิต แต่ว่าภายในเวลาสั้นๆ ฉู่หลิวเยว่กลับสามารถลงหลักปักฐานได้แล้ว!
“หรือว่ารองแม่ทัพมู่ช่วยเจ้าหาเรือนนี้ให้หรือ?”
ริมฝีปากของฉู่หลิวเยว่ยกขึ้นเล็กน้อย
“รองแม่ทัพมู่ช่วยข้าไม่น้อยจริงๆ แต่ว่าเรื่องหลังนี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับรองแม่ทัพมู่ ก่อนหน้านี้เขาให้ข้าอาศัยอยู่ที่จวนตระกูลมู่ แต่ข้าคิดว่าจะเป็นการรบกวนเขามากเกินไป ดังนั้นจึงออกมาหาที่อยู่ด้วยตนเอง และตอนนี้ข้าได้คารวะเข้าเป็นศิษย์ของสำนักชงซูเก๋อแล้ว เรือนนี้เคยเป็นเรือนที่พักอาศัยของอาจารย์ แต่ตอนนี้เขามอบให้ข้าแล้ว”
มู่หงอวี่ถอนหายใจออกมา
“เช่นนั้นอาจารย์ของเจ้าจะต้องเป็นคนดีอย่างมากแน่เลย!”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มกว้างกว่าเดิม แล้วพยักหน้า
ไม่ว่าจะเป็นก่อนหน้านี้หรือว่าตอนนี้ อวี้ฉือซงดูแลนางอย่างดีจริงๆ
“ความจริงแล้วถ้าพูดให้ละเอียด ที่ข้าสามารถอยู่ที่เมืองซีหลิงได้นั้น เพราะการช่วยเหลือของคุณชายเจี่ยน”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้น จากนั้นก็เหลือบมองหน้าเขาครู่หนึ่ง ใบหน้าคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“หากไม่ใช่เพราะเขา เกรงว่าวันนี้ข้าคงไม่มีสิทธิ์ที่จะได้เข้าไปในหออวี่เซี่ยง”
กิน ดื่ม พักผ่อน เดินทาง มีเรื่องไหนบ้างที่ไม่ต้องใช้เงิน?
ใบหน้าของเจี่ยนเฟิงฉือมืดคล้ำลงทันที
คาดไม่ถึงว่านางยังจะกล้าพูดเรื่องนี้!
แต่มู่หงอวี่ที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุกลับมองไปที่เจี่ยนเฟิงฉืออย่างประหลาดใจ
ก่อนหน้านี้นางดูไม่ออกเลยว่าเจี่ยนเฟิงฉือจะเป็นคนที่มีคุณธรรมเช่นนี้?
เมื่อสัมผัสได้ถึงความจริงใจของมู่หงอวี่ เจี่ยนเฟิงฉือก็กลืนคำพูดทั้งหมดลงคอไปทันที
ไม่ว่าอย่างใดเงินก็ถูกฉู่หลิวเยว่ปล้นไปแล้ว จะพูดอันใดไปมันก็ไม่มีประโยชน์แล้ว ทำใจยอมรับไปเสียดีกว่า อย่างน้อยก็ได้รับชื่อเสียงที่ดี
ดังนั้นเขาจึงกางพัดกระดูกที่อยู่ในมือดัง “พรึ่บ” พร้อมหัวเราะอย่างสง่างาม
“เป็นแค่เรื่องเล็กน้อยเท่านั้น”
ฉู่หลิวเยว่กล่าวอย่างเห็นด้วย
“ใช่แล้ว! คุณชายเจี่ยนเป็นคนที่ใจกว้างอยู่เสมอ ไม่อย่างนั้นวันนี้ก็ไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนมาประมูลตัวมู่หงอวี่ออกมา หงอวี่ ครั้งนี้เจ้าจะต้องตอบแทนเขาให้ดี”
มู่หงอวี่พยักหน้าอย่างตั้งใจ ทันใดนั้นนางก็นึกอันใดบางอย่างขึ้นมาได้ จึงถามอย่างแปลกใจว่า
“จริงสิ คือผนึกศิลาขาวอันใดหรือ…สรุปแล้วมันคือราคาเท่าไหร่กันแน่?”
ก่อนหน้านี้นางไม่เคยออกจากแคว้นเย่าเฉินมาก่อน ดังนั้นนางจึงไม่เคยได้ยินเรื่องพวกนี้
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะแล้วพูดว่า
“หนึ่งผนึกศิลาขาวเท่าหนึ่งหมื่นตำลึงทอง”
มู่หงอวี่อุทานอย่างตกใจ พร้อมสะดุ้งโหยงลุกจากเก้าอี้
“อันใดนะ!? งะ…งั้นเมื่อครู่คุณชายเจี่ยนเพิ่งใช้เงินหกล้านหกแสน…”
ทั้งหมดมันเท่าไหร่กันละเนี่ย?
นางเบิกตาสีน้ำตาลอ่อนกว้าง จากนั้นก็หันไปมองเจี่ยนเฟิงฉือ ใบหน้าที่เพิ่งมีเลือดฝาด กลับซีดขาวอีกครั้ง
ก่อนหน้านี้นางยังคิดว่านางจะชดใช้ให้อีกฝ่าย ไม่ยอมให้เขาช่วยอย่างเปล่าประโยชน์แน่นอน หากตนเองมีเงิน นางจะต้องคืนให้เขาอย่างแน่นอน
แต่ว่าเงินจำนวนนี้มัน…
“ข้า…ข้า…ต่อให้เจ้าขายตัวข้าไป ก็คงไม่คุ้มกับค่าเงินขนาดนั้นหรอก!”
มู่หงอวี่พูดด้วยเสียงตะกุกตะกัก
ฉู่หลิวเยว่โบกมือเรียกให้นางนั่งลง
“เจ้าเด็กโง่ แต่เจ้าเพิ่งขายตัวมาได้ราคานั้นนะ”
สีหน้าของมู่หงอวี่แข็งค้าง
อ่า เหมือนว่ามันจะเป็นเรื่องเช่นนั้นจริงๆ…
“งั้น…งั้นจะทำอย่างใดดีล่ะ…ข้า..ข้า…”
ฉู่หลิวเยว่ตบหลังมือของนางอย่างปลอบใจ
“หงอวี่ คุณชายเจี่ยนช่วยเหลือเจ้าอย่างไม่ลังเลเพราะมิตรไมตรีระหว่างกัน เขาจะเรียกเงินคืนจากเจ้าได้อย่างใด? เขาไม่ใช่คนที่ไร้คุณธรรมแบบนั้นเสียหน่อย?คุณชายเจี่ยน เจ้าว่าข้าพูดถูกหรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่ถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม
หัวใจของเจี่ยนเฟิงฉือเต้นผิดจังหวะทันที
เขารู้อยู่แล้วว่าฉู่หลิวเยว่ไม่มีทางปล่อยเขาไปอย่างง่ายดาย
แม้ว่าเดิมทีเขาไม่ได้คิดจะเรียกเงินคืนจากมู่หงอวี่อยู่แล้วแต่นางกำลังทำให้เขาต้องเสียเงินหกล้านหกแสนไปโดยเปล่าประโยชน์!
แล้วเขายังไม่สามารถพูดอันใดได้อีกด้วย
“…แน่นอน…เงินจำนวนนี้ข้าสามารถให้ได้อยู่แล้ว…”
เจี่ยนเฟิงฉือกัดฟันพูดออกไป
มู่หงอวี่ได้ยินดังนั้นก็รู้สึกโล่งใจ แต่นางก็ยังรู้สึกเสียใจมากอยู่ดี
“แต่ว่า…แต่ว่าเงินก้อนนี้สำหรับข้าแล้วก็เป็นเงินจำนวนมากอยู่ดี…ครั้งนี้ ข้าติดค้างน้ำใจของพวกเจ้าไว้อย่างมหาศาล…”
“หงอวี่ นี่เจ้าเกรงใจกันเกินไปแล้ว พวกเราเป็นเพื่อนกันทั้งนั้น เดิมทีพวกเราก็ควรช่วยเหลือซึ่งกันและกันอยู่แล้ว ต่อให้วันนี้ไม่มีคุณชายเจี่ยน ข้าก็จะพาเจ้าออกมาอยู่ดี”
เมื่อมู่หงอวี่ได้ยินดังนั้น ก็น้ำตาไหลพราก
“หลิวเยว่ เจ้าเป็นคนดีจริงๆ”
เจี่ยนเฟิงฉือ “???”
คนออกเงินมันข้าผู้นี้ไม่ใช่หรือ?
เหตุใดเจ้าถึงหันไปขอบคุณฉู่หลิวเยว่ล่ะ!?
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์มองอยู่ด้านข้างด้วยความเพลิดเพลิน
หึๆ
ฉู่หลิวเยว่ผู้นี้ช่างเก่งกาจเสียจริง!
คาดไม่ถึงว่านางจะสามารถปราบมารร้ายอย่างเจี่ยนเฟิงฉือได้อย่างอยู่หมัด!
ปกตินายน้อยแห่งหุบเขาเขี้ยวมังกรสร้างความเดือดร้อนไปทั่วซีหลิง แต่ตอนนี้นับว่าเขาเจอศัตรูตามธรรมชาติแล้ว!
นานมากแล้วที่เขาไม่ได้เห็นเจี่ยนเฟิงฉือดูคับข้องใจเช่นนี้!
ราวกับว่าเจี่ยนเฟิงฉือสามารถสัมผัสได้ถึงสายตาที่กำลังรับชมเรื่องสนุกของนาง เขาจึงตวัดสายตากลับมามองด้วยความเย็นชา
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ไม่พูดอันใดออกไป แต่กลับยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน
มองข้าด้วยเหตุใดหรือ?
เก่งนักก็ไปสู้กับฉู่หลิวเยว่สิ!
เจี่ยนเฟิงฉือจึงเบนสายตาออกมาอย่างยอมจำนน
ข้ารู้แล้วว่าไม่สามารถเชื่อถือใครได้สักคน!
แต่ไม่รู้ว่าเหตุใด เมื่อเขาต้องเผชิญหน้ากับฉู่หลิวเยว่ทีไร เหมือนว่าเขาจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบทุกที
เป็นความรู้สึกที่ว่าไม่สามารถขยับมือขยับไม้ได้เลย…
“หงอวี่ มัวแต่พูดเรื่องพวกเรา มาพูดเรื่องของเจ้าบ้างดีกว่า!”
ฉู่หลิวเยว่มองไปทางมู่หงอวี่
“เหตุใดเจ้าถึงมาที่ซีหลิงได้เล่า?”