ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 596 หลังเขา
ตอนที่ 596 หลังเขา [รีไรท์]
“คำพูดนี้เจ้าเป็นคนพูดขึ้นมาเอง เหตุใดตอนนี้ถึงไม่เห็นด้วยแล้วเล่า?”
ฉู่หลิวเยว่เลิกคิ้วถาม
เจี่ยนเฟิงฉือสะอึกไป
“เมื่อครู่ข้าก็พูดเล่นๆ ไปเท่านั้นเอง…”
“อ่า…จะว่าไปแล้วก็จริง คุณชายเจี่ยนจะมาคิดเล็กคิดน้อยเรื่องเงินๆ ทองๆ กับพวกเราได้อย่างใด ใช่หรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะขึ้น
เจี่ยนเฟิงฉือเกือบจะกระอักเลือดออกมาอยู่แล้ว
นี่ฉู่หลิวเยว่กำลังจะปล้นคนจากเขาไปโดยไม่จ่ายเงินเลยสักผนึกเดียวหรือ!
ในที่สุดสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ที่นั่งอยู่ด้านข้างก็ทนมองต่อไปไม่ไหวแล้ว จึงช่วยเจี่ยนเฟิงฉือพูดขึ้นมาว่า
“ในงานประมูลนั้น มีคนจำนวนไม่น้อยเห็นหน้ามู่หงอวี่แล้ว อีกทั้งตอนที่พวกเราพามู่หงอวี่ออกมา ก็มีคนจำนวนหนึ่งเห็นแล้ว ตอนนี้ เรื่องที่คุณชายเจี่ยนประมูลหงอวี่นั้น น่าจะกระจายไปทั่วซีหลิงแล้ว…ถ้าหงอวี่ฝากตัวเป็นศิษย์ที่สำนักชงซูเก๋อ ก็ยากที่จะเลี่ยงให้คนพูดเรื่องนี้”
เจี่ยนเฟิงฉือจึงถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
ฉู่หลิวเยว่หันไปมองมู่หงอวี่
“หงอวี่ ที่สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์…พี่สาวคนนี้พูดก็มีเหตุผล เจ้าคิดว่าอย่างใด?”
มู่หงอวี่ลังเลอย่างมาก
หลังจากที่ได้ยินเขาพูดมามากมายขนาดนี้ นางก็พอรู้อยู่แล้วว่าตัวเลือกทั้งสองนั้นมีผลกระทบที่แตกต่างกัน
แต่ในใจของนางก็ต้องเลือกฉู่หลิวเยว่อยู่แล้ว
แต่ถ้าเรื่องนี้มันจะนำพาความยุ่งยากมาให้ฉู่หลิวเยว่…เช่นนั้นมันค่อยดีแน่
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อย จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างอ่อนโยนว่า
“แล้วอีกอย่าง คุณหนูฉู่ หากจะให้ข้าพูดต่อไป ท่านคงจะไม่อยากฟัง แต่ข้าคิดว่ามันจำเป็นต้องพูด ตอนนี้สำนักชงซูเก๋อยังคงเป็นหนึ่งในสี่สำนักที่โดดเด่นของซีหลิง แต่ความจริงแล้วเป็นอย่างใด ทุกคนต่างรู้เรื่องนี้ดี ท่านกับเชียงหว่านโจวเลือกสำนักชงซูเก๋อนั่นเพราะมีเหตุผลของตนเอง แต่สำหรับมู่หงอวี่แล้ว นั่นไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีที่สุด”
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้โกรธ แต่กลับพยักหน้า เหมือนว่าเห็นด้วยกับสิ่งที่นางพูด
สุ่ยหลิ่วเอ๋อร์จึงรู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย จากนั้นก็พูดต่อว่า
“ตอนนี้มู่หงอวี่มีร่างซวีหยวน เป็นร่างกายชั้นยอดของผู้บำเพ็ญเพียร หนึ่งหมื่นคนยังไม่เคยเลยแม้แต่คนเดียว เมื่อเทียบกับผู้บำเพ็ญเพียรทั่วไปแล้ว นางแข็งแกร่งกว่าตั้งไม่รู้กี่เท่า เมื่อเป็นเช่นนั้น นางจึงต้องการการแนะนำจากอาจารย์ที่มีชื่อเสียง และยังต้องการสภาพแวดล้อมที่ดีที่สุด…ภูเขาเขี้ยวมังกรนั้นจึงเหมาะสมที่สุด”
ไม่ว่าจะเป็นด้านไหน ตอนนี้เหมือนว่าภูเขาเขี้ยวมังกรจะชนะสำนักชงซูเก๋อในทุกด้าน
“คุณสมบัติของมู่หงอวี่จะต้องดึงดูดความโลภของคนไม่น้อยอย่างแน่นอน แม้ว่าตอนนี้จะออกมาจากหออวี่เซี่ยงแล้ว แต่ใช่ว่าจะไม่มีใครโจมตีนาง แต่ถ้านางไปอยู่ที่ภูเขาเขี้ยวมังกร…มันปลอดภัยกว่าที่นี่อย่างไม่ต้องสงสัย อย่างน้อยก็ทำให้กลุ่มคนเหล่านั้นลังเลที่จะเข้ามาโจมตีได้”
น้ำเสียงของสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์อ่อนโยนมาก นางพูดสรุปข้อดีข้อเสียให้ฟังอย่างชัดเจน
หลังจากที่มู่หงอวี่ได้ยินดังนั้น นางจึงก้มหน้าครุ่นคิด จากนั้นก็หันไปมองฉู่หลิวเยว่
“หลิวเยว่ ข้าว่าข้าจะไปอยู่ที่ภูเขาเขี้ยวมังกร ขอเพียงข้าแข็งแกร่งขึ้น จากนี้ข้าก็จะไม่เป็นภาระของเจ้าอีกต่อไป แล้วยังสามารถช่วยพวกเจ้าได้อีกด้วย”
หัวใจของฉู่หลิวเยว่อบอุ่นยิ่งขึ้น
“ในเมื่อเจ้าตัดสินใจแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็ไปทำมันเถอะ”
มู่หงอวี่พยักหน้าอย่างจริงจัง ตอนนั้นเองก็มีประกายความเศร้าหมองปรากฏขึ้นบนใบหน้า
“ข้าอยู่ที่นี่มันต้องดีอยู่แล้ว แต่ว่า…ทางแคว้นเย่าเฉินล่ะ จะทำอย่างใดดี? เสด็จพ่อกับเสด็จแม่ของข้าไม่รู้ว่าข้าอยู่ที่ใด สถานการณ์เป็นอย่างใด พวกท่านจะต้องเป็นห่วงแน่นอน”
ฉู่หลิวเยว่ถามขึ้น
“เจ้าไม่มีทางติดต่อเขาได้เลยหรือ?”
ใบหน้าของมู่หงอวี่กลับมืดมนมากขึ้น
“เดิมทีก็มี แต่ระหว่างที่ข้าหนีมาที่นี่ สิ่งของที่อยู่ในร่างกายของข้านั้นหล่นหายไปหมดแล้ว…”
ฉู่หลิวเยว่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง
“เดี๋ยวข้ากลับไปจะช่วยส่งข่าวให้เจ้า”
เมื่อมู่หงอวี่ได้ยินดังนั้นก็วางใจ
พวกเค้าคุยกันอยู่อีกครู่หนึ่ง ฉู่หลิวเยว่ก็เล่าประสบการณ์ของตนเองที่อยู่ที่นี่ให้อีกฝ่ายฟังอย่างสั้นๆ จากนั้นก็ยังบอกสถานการณ์คร่าวๆ ของเมืองซีหลิงให้มู่หงอวี่ฟังด้วย เพื่อให้นางระมัดระวังตัวมากขึ้น หลีกเลี่ยงการก่อเรื่อง
สุดท้ายมู่หงอวี่ก็ต้องเดินตามเจี่ยนเฟิงฉือและสุ่ยหลิ่วเอ๋อร์ไปอย่างไม่เต็มใจ
ยังดีที่วิชาแพทย์ของเจี่ยนเฟิงฉือนั้นยอดเยี่ยมมาก ดังนั้นฉู่หลิวเยว่จึงไม่เป็นห่วงเรื่องบาดแผลของมู่หงอวี่
ตราบใดที่ภูเขาเขี้ยวมังกรสามารถปกป้องนางได้ เรื่องอื่นล้วนไม่สำคัญ
หลังจากส่งพวกเขาออกไปแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็นั่งลงและเริ่มเขียนจดหมาย
คนธรรมดาไม่สามารถเข้าออกพรมแดนม่านฟ้าได้ตามใจชอบอยู่แล้ว ดังนั้นถ้าอยากส่งจดหมายแล้วละก็ วิธีที่ปลอดภัยและสะดวกที่สุดคือการจ่ายเงินให้คนส่งจดหมายโดยเฉพาะ
เพียงแต่ค่าส่งจดหมายนั้นค่อนข้างแพง คนทั่วไปจึงไม่สามารถจ่ายได้
แต่สำหรับฉู่หลิวเยว่แล้วนั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่อันใด
หลังจากเขียนจดหมายเสร็จเรียบร้อยแล้ว นางก็ออกไปส่ง
จดหมายฉบับนี้จะถูกส่งไปที่ชีหานที่แคว้นเย่าเฉิน
พวกเขาให้ความสำคัญกับชื่อเสียงอย่างมาก ดังนั้นฉู่หลิวเยว่จึงมั่นใจว่าจะไม่มีใครเปิดอ่านจดหมายของนางระหว่างทางอย่างแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้จดหมายฉบับนี้ถูกเปิดก็จะไม่มีผู้ใดอ่านเข้าใจนอกจากสิบสามผู้พิทักษ์เยว่
หลังจากจัดการเรื่องเหล่านี้เรียบร้อยแล้ว ฉู่หลิวเยว่ก็เดินทางกลับสำนักชงซูเก๋อทันที
…
เมื่อเดินมาถึงที่ทางขึ้นภูเขา นางก็ได้เจอกับเย่หรานหร่าน ฉู่หลิวเยว่ยังไม่ทันได้พูดอันใด แต่เย่หรานหร่านก็ถามขึ้นมาว่า
“หลิวเยว่ เหตุใดเจ้าถึงเพิ่งกลับมาล่ะ?”
ฉู่หลิวเยว่เห็นว่าสีหน้าของนางไม่ค่อยดี ดังนั้นจึงถามนางว่า
“มีอันใดหรือ เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”
เย่หรานหร่านเดินเคียงข้างนางขึ้นมา ใบหน้ากลมๆ ของนางเต็มไปด้วยความกังวล
“เมื่อครู่ตอนที่ท่านประมุขเพิ่งกลับมา สีหน้าของท่านดูแปลกๆ อย่างมาก จากนั้นก็ไปที่ด้านหลังเขาคนเดียว และอยู่ที่นั่นเป็นเวลานาน…เจ้าอาจจะไม่รู้ ลูกชายของท่านประมุข…ถูกฝังอยู่ที่นั่น ความจริงแล้วท่านประมุขไปที่นั่นน้อยมาก แต่วันนี้ไม่รู้เหตุใดถึงได้…”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วเล็กน้อย
วันนี้อวี้ฉือซงน่าจะเห็นอันใดในเรือนฉินเข้า และรู้ว่าการตายของนางนั้นเกี่ยวข้องกับเจียงอวี่เฉิง ดังนั้นจึงมีสภาพเช่นนี้
แต่ตอนนี้นางยังไม่สามารถเปิดเผยตัวตนของตนเองออกไปได้ และยิ่งไม่สามารถปลอบอันใดเขาได้
ในเวลานี้ จะปลอบอันใดไปก็ไม่มีประโยชน์ ทำได้เพียงรอให้เขาอารมณ์เย็นขึ้นเท่านั้น
“อาจารย์บอกว่าวันนี้เจ้าเดินทางออกไปกับเจ้าสำนักไม่ใช่หรือ เจ้าพอจะรู้หรือไม่ว่ามันเกิดอันใดขึ้น?”
เย่หรานหร่านถามขึ้น
ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันเขาเพิ่งมีกำลังใจขึ้นมากเพราะเรื่องสวนสมุนไพร แต่นี่ผ่านมาไม่กี่วันเอง เหตุใดถึงกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ล่ะ…นี่จึงทำให้พวกเขาอดเป็นห่วงไม่ได้
ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปาก
“ข้าเองก็ไม่แน่ใจ เพียงแต่ว่า…วันนี้หลังจากที่กลับจากสวนซินหลี่กับอาจารย์แล้ว ท่านก็เป็นเช่นนี้แล้ว”