ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 602 แสงจันทร์จะห่างไกล
ตอนที่ 602 แสงจันทร์จะห่างไกล [รีไรท์]
แววตาของผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกเปล่งประกาย
“จดหมายของพระชายาน้อย! รีบเปิดอ่านเร็วเข้า!”
มุมปากของหรงซิวยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็รับจดหมายมา
นิ้วเรียวบางค่อยๆ เปิดซองจดหมายอย่างแผ่วเบา แต่ทันใดนั้นเขาก็ชะงักไป
หรงซิวเหลือบสายตามองผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหก
“ท่านก็อยากจะอ่านจดหมายกับข้าหรือ?”
“แน่นอน…”
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกหลุดปากอย่างไม่รู้ตัว จากนั้นก็ค่อยรู้สึกตัวว่ามันไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ จึงรีบกระแอมไอหนึ่งครั้ง
“ไม่เป็นไรๆ! ในเมื่อมันเป็นจดหมายที่มอบให้เจ้า ถ้าให้ข้าอ่านคงจะไม่เหมาะสม! เจ้าอ่านเถอะๆ!”
พูดจบเขาก็ถอยหลังหนึ่งก้าว
จากนั้นหรงซิวจึงเปิดจดหมายขึ้นมา
ในจดหมายนี้มีตัวอักษรไม่กี่บรรทัด
…ระลึกถึงกัน แม้แสงจันทร์จะไกลห่าง
ลงชื่อ: เยว่
หรงซิวถือจดหมายฉบับนั้นเอาไว้ มองประโยคเหล่านั้น แล้วสลักมันไว้ในใจ
แม้ว่าจะมีเพียงหนึ่งประโยคเท่านั้น แต่สำหรับเขามันก็เพียงพอแล้ว
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกยืนอยู่ด้านข้าง เห็นว่าแววตาของหรงซิวหลังจากเปิดจดหมายออกมานั้น เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน
บนร่างกายของเขายังมีคาวเลือดไม่สร่าง แต่หว่างคิ้วของเขายืดออก ราวกับมีฤดูใบไม้ผลิมาหลอมละลายน้ำแข็ง
เขาไม่เคยเห็นหรงซิวมีท่าทางแบบนี้มาก่อน
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกก็ถอนหายใจออกมา และอดที่จะสงสัยมากขึ้นกว่าเดิมไม่ได้
แม่นางคนนั้นเป็นคนอย่างใดกันแน่ สามารถทำให้เขาหลงใหลได้ขนาดนี้เลยหรือ?
เขาอยากจะเอนตัวไปอ่านจดหมายฉบับนั้น แต่คิดไปคิดมาก็คิดว่าไม่เอาดีกว่า
จดหมายรักระหว่างสามีภรรยา เขาเป็นแค่ตาเฒ่าดูไปก็ไม่มีความหมายอันใดหรอก!
แต่เมื่อเห็นว่าหรงซิวอารมณ์ดีขนาดนั้น…เขาจึงคิดว่าน่าจะเสนอเงื่อนไขได้
“คือว่า…ฝ่าบาท เจ้าอ่านจดหมายที่นางเขียนด้วยตนเองแล้ว เจ้าไม่คิดจะไปหานางเองหรือ? คนหนุ่มสาวเจอกันให้บ่อยสิถึงจะดี!”
หรงซิวอ่านจดหมายเป็นครั้งที่สอง จากนั้นก็ค่อยๆ พับเก็บอย่างระมัดระวัง ก่อนจะมองไปที่ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหก แล้วถามขึ้นว่า
“ท่านจะไปด้วยกันหรือ?”
ความในใจของเขาถูกเปิดเผยขึ้นมาแล้ว ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกรู้สึกกระดากอายอยู่เล็กน้อย แต่ก็รีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว
“ใช่แล้ว! ไม่ว่าอย่างใด ช่วงนี้ข้าก็ไม่มีอันใดทำอยู่แล้ว ไม่สู้ไปดู…”
หรงซิวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วยิ้มขึ้นมาบางๆ
“ช่วงนี้น่าจะเป็นช่วงที่นางยุ่งที่สุด หากไปตอนนี้ เกรงว่าจะไม่เหมาะสม”
แน่นอนว่าเขาจะต้องคิดถึงนางอยู่แล้ว แต่ด้วยฐานะของเขาในตอนนี้ หากจะไปอย่างสมเหตุสมผล เกรงว่าจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากแล้ว
ใบหน้าของผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกมีประกายความผิดหวัง หลังจากนิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็ถามขึ้นมาอีกครั้งด้วยความไม่ยินยอมว่า
“ไม่ไปจริงๆ หรือ?”
หรงซิวคิดอยู่ตลอดว่าจะรอให้ฉู่หลิวเยว่ตั้งรกรากที่ซีหลิงเรียบร้อยก่อนแล้วค่อยไป
ในตอนนั้นเอง ตอนที่เขากำลังจะพยักหน้า แต่กลับเห็นท่าทางลังเลของเยี่ยนชิง
“ฝ่าบาท มีเรื่องหนึ่ง ข้าน้อยไม่รู้ว่าควรจะพูดมันดีหรือไม่…”
หรงซิวหรี่ตามองเขา
“เกี่ยวกับเรื่องที่ซีหลิงหรือ?”
เยี่ยนชิงพยักหน้า
“เช่นนั้นก็พูดมา” หรงซิวพูดขึ้นเสียงเรียบ
คำว่าซีหลิงนี้ ความจริงแล้วก็ชี้ไปทางฉู่หลิวเยว่ทั้งสิ้น
ในเมื่อเป็นข่าวคราวของนาง เช่นนั้นเขาก็จะฟัง
เยี่ยนชิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นว่า
“ช่วงนี้…ข้างกายของคุณหนูฉู่มีเด็กชายท่าทางแปลกๆ ปรากฏขึ้น…”
หรงซิวชะงักไปทันที
จากนั้นเยี่ยนชิงก็เล่าสถานการณ์ที่เจอวันนั้นให้หรงซิวฟังอีกรอบ
ยิ่งเยี่ยนชิงพูดมากขึ้นเท่าไหร่ ใบหน้าของหรงซิวก็มืดครึ้มมากขึ้นเท่านั้น
“…หลังจากนั้นข้าน้อยก็ไปสอบถามมา ได้ความว่า เด็กคนนั้นเป็นคนที่คุณหนูหลิวเยว่รู้จักตอนเข้าร่วมแข่งขันงานหมื่นทูร…แต่ดูไปแล้วเหมือนกับ…เหมือนกับ…”
เยี่ยนชิงพูดช้าลงเล็กน้อย
“เหมือนอันใด?”
หรงซิวถามขึ้นเสียงเรียบ
เยี่ยนชิงเสียงสั่นเล็กน้อย แต่ก็พูดอย่างตรงไปตรงมาว่า
“…เหมือนว่าจะเข้ากันได้ดีมาก…ดูเหมือนว่าคุณหนูหลิวเยว่จะให้เด็กคนนั้นเป็นผู้ติดตามพ่ะย่ะค่ะ”
ผู้ติดตาม?
ไม่ว่านางจะทำอันใดล้วนเรียบร้อยหมดจด ไม่ว่าเรื่องอันใดก็สามารถทำด้วยตนเองได้เหตุใดจู่ๆ ตอนนี้ถึงต้องการผู้ติดตามได้ล่ะ?
ยิ่งไปกว่านั้น นางเหมือนจะเป็นคนที่สุภาพ เกรงใจผู้อื่น มีมารยาท แต่ความจริงแล้วนางเป็นคนที่ไม่ค่อยเห็นคนอื่นอยู่ในสายตาเท่าไหร่
เด็กหนุ่มคนนั้นสามารถอยู่ใกล้นางเช่นนั้น นั่นหมายความว่านางต้องไว้วางใจคนผู้นั้นไม่น้อยเลยทีเดียว
ใบหน้าของหรงซิวไร้อารมณ์ เขาใช้นิ้วลูบที่จดหมายเบาๆ อยู่สองครั้ง
“ไปแจ้งอวี๋มั่วเสีย ให้เดินทางไปซีหลิงพร้อมกับข้า”
เยี่ยนชิงรีบตอบรับ
“พ่ะย่ะค่ะ! เช่นนั้นฝ่าบาทจะไปเมื่อใด…”
เขายังพูดไม่ทันจบ แต่หรงซิวกลับเหลือบสายตามองเขาพร้อมกล่าวว่า
“ข้าให้เวลาพวกเจ้าไปเก็บของครึ่งชั่วยาม”
เยี่ยนชิงรู้สึกตกใจอย่างมาก
“กระหม่อมทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
เมื่อพูดจบ เยี่ยนชิงก็รีบจากไปทันที
เมื่อเห็นว่าแผ่นหลังของเขาหายวับไปกับสายตาแล้ว ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกก็หัวเราะขึ้นมาแล้วกล่าวอย่างหยอกล้อว่า
“ฝ่าบาท เมื่อครู่ยังบอกว่าจะไม่ไปอยู่เลย ช่วงนี้พระชายายุ่งมาก ต้องผ่านช่วงนี้ไปก่อนไม่ใช่หรือ?”
หนังตาของหรงซิวกระตุกเล็กน้อย
“เพราะว่านางยุ่งมาก ดังนั้นข้าจึงต้องไปช่วยนาง”
นางจะได้ไม่ต้องตามหาผู้ติดตามอีกด้วย
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกก็ถูมือไปมาอย่างปิดบังความตื่นเต้นเอาไว้ไม่อยู่
“ข้าก็จะไปด้วย!”
หรงซิวหันไปมองเขา
“ผู้อาวุโส วันนี้เพิ่งแก้ปัญหาของตำหนักหวู่ซวงได้ หลังจากนี้ยังมีเรื่องอีกมากมายที่ต้องมีคนดูแล…และมันคงจะไม่มีใครเหมาะสมไปมากกว่าท่านแล้ว”
ใบหน้าของผู้อาวุโสมืดครึ้มลงทันที
มันมีเรื่องอันใดที่จะต้องจัดการกัน?
เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ ทำให้พวกถงชวนอยู่เงียบๆ ไปสักพักนั่นแหละ!
เด็กคนนี้คงไม่อยากให้ข้าไปด้วยล่ะสิท่า?
เขากระแอมไอหนึ่งครั้ง
“ข้ารับประกันว่า ขอเพียงไปดูหน้าพระชายาน้อยเพียงครู่เดียว จะไม่มีทางเข้าไปยุ่มย่ามเด็ดขาด
ไม่รู้ว่าหรงซิวคิดอันใดอยู่ แววตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อยในที่สุดก็พยักหน้า
“ได้”
…
ในตอนนั้นเอง ฉู่หลิวเยว่ก็ไม่รู้เลยว่าหรงซิวที่อยู่ห่างไกลออกไป เตรียมตัวจะเดินทางมาหา
ตอนนี้นางใช้สมาธิทั้งหมดพุ่งไปที่กระบี่เทพเมฆาสำริด!
ยามราตรีกล้ำกราย ทางช้างเผือกเคลื่อนคล้อย
พลังฟ้าดินรวมตัวอยู่ที่หินดวงดาวอย่างต่อเนื่อง
ฉู่หลิวเยว่ที่อยู่ด้านบนนั้น ก็ค่อยๆ ลับคมกระบี่ในมือทีละนิด
ทีละนิด