ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 605 เข้าใจผิดไปแล้ว
ตอนที่ 605 เข้าใจผิดไปแล้ว [รีไรท์]
เจี่ยนเฟิงฉือตกใจอย่างมาก
นี่…มันใช่เรื่องเช่นนั้นที่ไหนกัน?
ฉู่หลิวเยว่เลือกสำนักชงซูเก๋อ นั่นเพราะเลือกเองไม่ใช่หรือ? แล้วมันเกี่ยวอันใดกับเขาด้วย?
อย่างใดก็ตามเขากำลังเบิกตากว้างอ้าปากค้าง แต่ในสายตาของเจี่ยนชูเย่แล้ว เขาเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังร้อนตัว
เขาชี้ไปที่จมูกของเจี่ยนเฟิงฉือแล้วพูดอย่างโมโหว่า
“เจ้าๆ…ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เจ้าทำร้ายหัวใจของหลิวเยว่ แต่ตอนนี้เจ้ายังพาแม่นางตัวน้อยมาที่นี่อีกด้วย! เหตุใดข้าถึงมีลูกชายเช่นเจ้านะ?!”
เจี่ยนเฟิงฉือหลับตาลงเพราะความปวดหัว
นี่มันเข้าใจผิดกันไปใหญ่แล้ว!
“ท่านพ่อ! ท่านไปได้ยินเรื่องพวกนี้มาจากที่ใดกัน? นี่ท่านไม่เชื่อใจลูกชายของตัวเองเลยหรือ?”
เจี่ยนชูเย่รู้สึกโกรธแค้นชิงชังเป็นอย่างมาก
“ถ้าเจ้าไว้ใจได้ แล้วข้าจะเป็นเช่นนี้หรือ? นี่เจ้ายังไม่รู้จักโทษตัวเองอีก!”
เจี่ยนเฟิงฉือ “…”
เขามีใจแต่ไม่มีแรงจะไปเถียงต่อแล้ว
“ไม่ว่าอย่างใด ท่านก็ควรจะให้โอกาสข้าได้อธิบายสิ?”
ในที่สุดเจี่ยนชูเย่ก็พูดขึ้นว่า
“ไสหัวเข้ามา!”
เจี่ยนเฟิงฉือแอบดีใจเล็กน้อย โชคดีที่ก่อนที่เขาจะเข้ามา เขาให้มู่หงอวี่รออยู่ด้านนอกประตูสำนัก
ไม่เช่นนั้น ถ้านางได้เห็นภาพเช่นนั้นเข้า เขาจะต้องเสียหน้าอย่างแน่นอน
“เช่นนั้นลูกจะไปเชิญมู่หงอวี่เข้ามา…”
ระหว่างที่พูดเขาก็หมุนตัวกลับไป ทันใดนั้นก็เห็นว่ามู่หงอวี่ยืนมองอยู่ด้านข้างตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบ ในช่วงนี้นางกำลังยืนมองพวกเขาอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล
ด้านข้างของนางมีศิษย์ของภูเขาเขี้ยวมังกรยืนอยู่ด้วย
หนังตาของเจี่ยนเฟิงฉือกระตุกขึ้นอย่างแรง
เมื่อครู่…นางเห็นหมดแล้วหรือ
เมื่อเจี่ยนชูเย่เห็นเขาชะงักไปครู่หนึ่ง จะอดแค่นหัวเราะเสียงเย็นขึ้นมาไม่ได้ว่า
“ในเมื่อเจ้าพาคนกลับเข้ามา เหตุใดถึงไม่กล้าให้นางเข้ามาด้านในเล่า? ข้าให้คนไปเชิญนางมาตั้งนานแล้ว!”
เมื่อพูดจบ ใบหน้าของเจี่ยนเฟิงฉือก็แข็งค้างมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม จากนั้นเขาก็เดินไปหามู่หงอวี่
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ ใกล้มากพอที่จะเห็นใบหน้าของมู่หงอวี่ ในใจของเขาก็สาปแช่งเจี่ยนเฟิงฉือมากขึ้นเรื่อยๆ
แม่นางคนนี้เหมือนว่าจะเพิ่งอายุสิบกว่าปีเท่านั้นเอง เขาก็ไม่ละอายใจบ้างเลย!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ ใบหน้าของเจี่ยนชูเย่ก็มีรอยยิ้มอ่อนโยนปรากฏขึ้น ลองทำท่าทางไม่ค่อยดุ เพราะเขากลัวว่าแม่นางน้อยคนนี้จะกลัวเขาได้
“แม่นางน้อย ข้าคือเจ้าสำนักภูเขาเขี้ยวมังกร เจ้ามีชื่อว่าอันใดหรือ?”
มู่หงอวี่ที่เพิ่งได้ดูฉากเมื่อครู่นี้ ก็หยุดชะงักไป
นางคิดไม่ถึงว่าเจี่ยนเฟิงฉือที่ดูกำเริบเสิบสาน จะถูกคนไล่ตีเช่นนี้
อีกทั้ง…คนผู้นี้น่าจะเป็นพ่อของเจี่ยนเฟิงฉือด้วย
นางรีบโค้งคำนับ
“ข้าน้อยมีนามว่ามู่หงอวี่ คารวะท่านเจ้าสำนักเจ้าค่ะ!”
เมื่อเจี่ยนชูเย่เห็นว่านางมีมารยาท สะอาดสะอ้าน อีกทั้งเหมือนว่าจะมีบาดแผลอยู่ในร่างกายจำนวนไม่น้อย ในใจก็มีความรู้สึกสงสารปรากฏขึ้นมา
“ไม่ต้องกลัวนะ! มีข้าและแม่ของเขาอยู่ เจ้าเด็กนั่นต้องไม่กล้ารังแกเจ้าอย่างแน่นอน! ถ้าก่อนหน้านี้เขาทำให้เจ้าได้รับความอัปยศอันใด ก็รีบบอกข้ามาได้เลยนะ ข้าจะช่วยเจ้าสั่งสอนเขาเอง!”
มู่หงอวี่กะพริบตาปริบๆ
“คือว่า…ท่านเจ้าสำนัก เหมือนว่าท่านจะเข้าใจผิดไปเล็กน้อยนะเจ้าคะ…คุณชายเจี่ยนไม่ได้สร้างความอัปยศให้ข้า ความจริงแล้ว ต้องโชคดีมากที่ข้าได้เจอเขา ข้าถึงสามารถออกมาจากหออวี่เซี่ยงได้…”
เจี่ยนชูเย่รู้สึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้บริสุทธิ์อย่างมาก
สำหรับคนอื่นแล้วอาจจะสนใจร่างซวีหยวน แต่เจี่ยนเฟิงฉือแล้ว เขาไม่มีทางสนใจอย่างแน่นอน
เพียงแต่เขาคิดว่าตนเองมีเงินในมือมากหน่อย ถึงได้ใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยเช่นนี้
ตอนนี้ข่าวลือเรื่องนี้ได้กระจายไปทั่วซีหลิงแล้ว พวกเขาต่างก็พูดว่าเจี่ยนเฟิงฉือนั้นมือเติบ ใจกว้าง ไร้การวางแผน
ไม่เช่นนั้นแล้วละก็ ด้วยพรสวรรค์ของเขา ด้วยฐานะทางบ้านของเขา เขาจำเป็นที่ต้องทำเรื่องเช่นนี้ด้วยหรือ?
และยิ่งสำคัญไปมากกว่านั้น ถ้าฉู่หลิวเยว่รู้เรื่องนี้เข้าล่ะ…เช่นนั้นนางจะไม่เกลียดขี้หน้าเจี่ยนเฟิงฉือมากขึ้นกว่าเดิมหรือ?
ก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่ที่สวนเทพเนรมิต เขาเคยเชิญฉู่หลิวเยว่ให้มาที่เขาเขี้ยวมังกรแล้ว
แต่ก็ถูกเจ้าเด็กคนนี้ทำลายทั้งหมด!
เจี่ยนชูเย่พูดขึ้นเสียงเรียบ
“หงอวี่ เจ้าวางใจเถิด หลังจากที่เจ้ามาที่นี่แล้ว จะไม่มีใครกล้าแกล้งเจ้าอย่างแน่นอน! ข้าจะอยู่ข้างเจ้าเอง!”
มู่หงอวี่อดที่จะเหลือบไปมองเจี่ยนเฟิงฉือไม่ได้
…เหมือนว่าท่านพ่อของท่านจะเข้าใจอันใดผิดไปจริงๆ นะ…
สีหน้าของเจี่ยนเฟิงฉือไร้อารมณ์
หรือว่าการที่เขาทำดีครั้งนี้ แต่สุดท้ายเหมือนกับเขาได้ทำเรื่องผิดอยู่ล่ะ?
เจี่ยนชูเย่เห็นว่ามู่หงอวี่ลอบมองเจี่ยนเฟิงฉือ ยังคิดต่ออีกว่านางกำลังกลัวการข่มขู่ของเจี่ยนเฟิงฉือ ในใจจึงโกรธมากขึ้นกว่าเดิม
เจ้าเด็กคนนี้ ทำให้เขารู้สึกผิดกับฉู่หลิวเยว่แล้ว ยังต้องรู้สึกผิดกับมู่หงอวี่ด้วย!
มู่หงอวี่เห็นใบหน้าที่บิดเบี้ยวด้วยความโกรธของเขา จึงรู้ได้ทันทีว่าอีกฝ่ายเข้าใจผิดไปอีกแล้ว ดังนั้นจึงรีบพูดขึ้นมาว่า
“ท่านเจ้าสำนัก ความจริงท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้ากับคุณชายเจี่ยน…พวกเราเป็นสหายกัน! หลิวเยว่ก็ด้วยเช่นเดียวกัน!”
เจี่ยนชูเย่ชะงักไป
“เจ้าพูดว่าอันใดนะ?”
มู่หงอวี่อธิบาย
“มีเรื่องบางอย่างที่ท่านไม่รู้ ข้ากับหลิวเยว่มาจากแคว้นเย่าเฉินเหมือนกัน พวกเรารู้จักกันมาก่อนหน้านี้แล้ว และพวกเราก็เรียนอยู่ที่สำนักเดียวกัน ทั้งยังสนิทกันมาก ตอนที่ข้าอยู่ที่แคว้นเย่าเฉิน ข้าก็ได้รู้จักกับคุณชายเจี่ยนก่อนอยู่แล้ว คุณชายเจี่ยนยังเคยรักษาเสด็จแม่ของข้าด้วย…”
ยิ่งฟังเจี่ยนชูเย่ ก็ยิ่งรู้สึกแปลกใจ เหมือนมันมีอันใดผิดปกติสักอย่าง
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว เหตุใดมันไม่เหมือนกับสิ่งที่เขาคิดไว้ก่อนหน้านี้เลยล่ะ?
“ครั้งนี้ข้าเดินทางมาที่นี่โดยไม่ได้ตั้งใจ และยังดีที่ได้เจอคุณชายเจี่ยนกับหลิวเยว่ที่หออวี่เซี่ยง คุณชายเจี่ยนจึงยื่นมือเข้ามาช่วยประมูลข้าออกมาจากที่นั่น…และนี่พวกเราเพิ่งแยกจากหลิวเยว่กลับมา”
เจี่ยนชูเย่เงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นแววตาก็เปล่งประกายขึ้น
นี่…นี่หมายความว่า…
ลูกชายของเขาไม่ได้ทำร้ายแม่นางน้อยคนนี้สินะ อีกทั้งยังเข้าไปช่วยสหายด้วย?
แต่ว่าเมื่อครู่เขาเพิ่งจะ…
เจี่ยนชูเย่ถามขึ้นอย่างช้าๆ
“เจ้า…สิ่งที่เจ้าพูดเป็นความจริงหรือ?”
มู่หงอวี่รีบพยักหน้า
“ที่ข้าเพิ่งพูดไปเมื่อครู่นี้ ไม่มีคำปดเลยแม้แต่ครึ่งคำ! ครั้งนี้ท่านเข้าใจคุณชายเจี่ยนผิดไปเสียแล้ว!”
เจี่ยนชูเย่ค่อยๆ หันไปมองเจี่ยนเฟิงฉืออย่างช้าๆ
เจี่ยนเฟิงฉือแค่นหัวเราะขึ้นมาเสียงเย็น
“ท่านได้ยินแล้วใช่หรือไม่?”