ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 610 เจ้ายังรู้จักกลับมาด้วยหรือ
ตอนที่ 610 เจ้ายังรู้จักกลับมาด้วยหรือ [รีไรท์]
เจียงอวี่จือที่โดนจับตัวเอาไว้ก็รู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก
ตอนนั้นนางรู้สึกว่าทุกความคิดของนางถูกฝ่ายตรงข้ามมองออกหมดแล้ว!
นางอ้าปากออกเหมือนต้องการจะพูด แต่กลับสำลักเลือดที่อยู่ในปาก แล้วไอออกมาอย่างรุนแรง
ชายสวมหน้ากากผู้นั้นก็หัวเราะออกมา
ด้วยพลังการต่อสู้ของเจียงอวี่จือ สามารถใช้ชีวิตอย่างกำเริบเสิบสานมาจนถึงตอนนี้ ก็ถือว่าไม่ธรรมดาแล้ว…
เขาผิวปากออกมาหนึ่งครั้ง จากนั้นก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว
ครั้งนี้เจียงอวี่จือนอนรออยู่ที่เดิมเป็นเวลานานมาก หลังจากแน่ใจว่าอีกฝ่ายจะไม่กลับมาแล้ว นางก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนด้วยตัวสั่นเทา
ยิ่งมองบาดแผลบนร่างกาย ความหวาดกลัวในใจก็มีเพิ่มขึ้น จนทำให้ขาทั้งสองข้างของนางนั้นอ่อนยวบ นางต้องเอามือยันกำแพงเอาไว้ถึงจะยืนขึ้นมาได้
ในใจของนางทั้งหวาดกลัวทั้งเคียดแค้น
เมื่อครู่ชายสวมหน้ากากคนนั้นพูดขึ้นว่า นี่เป็นแค่การเริ่มต้น นั่นหมายความว่าอย่างใดกันแน่…
นางยืนอยู่ที่เดิมสักพัก หลังจากที่สงบลงแล้ว ในที่สุดนางก็รวบรวมสมาธิขึ้นมาได้
ตอนนี้ร่างกายของนางเต็มไปด้วยรอยบาดแผล ใบหน้าเต็มไปด้วยคราบเลือด นางไม่สามารถเข้าวังหลวงทั้งสภาพเช่นนี้ได้แน่นอน
ดังนั้นนางจึงคิดจะกลับบ้าน
แต่ด้วยสภาพเช่นนี้ หากโดนท่านพี่พบเข้า เกรงว่านางจะโดนสั่งสอนอีกยก
เจียงอวี่จือคิดไปคิดมา จากนั้นก็นั่งลงรออยู่ในตรอกที่ห่างไกลนั่น รอจนฟ้ามืดลง ถึงค่อยเดินทางกลับจวน
…
จวนตระกูลเจียง
ภายในห้อง เจียงอวี่เฉิงกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนเตียง ไหล่ทั้งสองข้างห่อลงเล็กน้อย มือทั้งสองก็วางอยู่บนหน้าตัก พร้อมแบมือขึ้น
เลือดทรงกลมขนาดเท่าฝ่าบาท ปรากฏอยู่ตรงหน้าของเขา
สายตาของเขาจ้องมองไปที่เลือดก้อนนั้นตาเขม็ง รอบข้างของเขามีปราณโคจรไหลเวียนอยู่ จากนั้นปราณเหล่านั้นก็กลายเป็นเส้นบางๆ และแพร่กระจายไปทั่วเลือดทรงกลมก้อนนั้น
ก้อนเลือดก้อนนั้นแกว่งไปมา ของเหลวที่อยู่ด้านในนั้นก็เริ่มเดินทางตามเส้นบางๆ จากนั้นก็ไหลเข้ามาในร่างกายของเจียงอวี่เฉิง
ปราณในร่างกายของเขาก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว!
ในขณะเดียวกัน ผิวหนังของเขาก็แดงขึ้นทันที ใต้ผิวหนังของเขานั้นเหมือนมีอันใดบางอย่างพวยพุ่งขึ้นมาอยู่ ดูแล้วมันน่าอันตรายอย่างมาก
สีหน้าของเขาก็ดูโหดเหี้ยมมากยิ่งขึ้น ท่าทางเจ็บปวดอย่างมาก
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานขนาดไหน ในที่สุดของเหลวที่อยู่ก้อนเลือดนั้น ก็ไหลเข้าสู่ร่างกายของเจียงอวี่เฉิงจนหมด
เขาเงยหน้าขึ้น ในตอนนั้นเองเหมือนมีอันใดบางอย่างพุ่งออกมาจากในใต้ผิวหนังบริเวณช่วงลำคอของเขา จนในที่สุดมันก็หายเข้าไปในเสื้อผ้า!
“อึก…”
เสียงครวญครางที่แปลกประหลาดและเจ็บปวดดังขึ้นมาจากในลำคอของเขา
ในตอนนั้นเอง สีเลือดบนใบหน้าและร่างกายของเขาก็ค่อยๆ จางลง จากนั้นเขาก็ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมา
ขณะเดียวกันนั้น คาดไม่ถึงว่าปราณที่อยู่บนร่างกายของเขา…จะกลับมาอยู่ที่ระดับแปดขั้นกลาง!
เขาก้มหน้ามองมือทั้งสองข้างของตัวเอง สามารถสัมผัสได้ถึงปราณที่แข็งแกร่งในร่างกายได้อีกครั้ง หลังจากนั้นเขาจึงถอนหายใจออกมายาวๆ
ในที่สุดก็สำเร็จแล้ว…
ขั้นตอนนี้มันเจ็บปวดอย่างมาก อีกทั้งยังต้องสร้างความเสียหายให้กับร่างกายอย่างแน่นอน แต่เพื่อไม่ทำให้อวี้ฉือซงรับรู้ถึงความผิดปกติ เขาจึงจำเป็นต้องทำเรื่องเช่นนี้
แต่ว่าการควบคุมของสิ่งนี้นั่นมีเวลาจำกัด เขาจึงต้องจัดการอวี้ฉือซงให้เร็วที่สุด…
เขาไม่อยากล่าช้าในการบำเพ็ญเพียรเพราะอวี้ฉือซงคนเดียว
เมื่อถึงประลองครั้งใหญ่ ไม่แน่ว่า…
เขาลุกขึ้นยืน จากนั้นก็เดินไปที่ประตู
ท้องฟ้ามืดแล้ว แสงดาวเดือนสว่างขึ้น
ซุนฉีกำลังยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าประตู
“คุณชายใหญ่”
เจียงอวี่เฉิงถามขึ้น
“เวลาผ่านไปนานเท่าใดแล้ว?”
ซุนฉีตอบ
“สองวันสองคืนขอรับ”
“ช่วงที่ผ่านมานี้มีใครมาหาข้าหรือไม่?”
“ก่อนหน้านี้ท่านบอกว่าจะบำเพ็ญเพียร สองวันมานี้จึงไม่มีใครมารบกวนขอรับ”
เมื่อพูดจบ ซุนฉีก็เหลือบสายตามองเขาอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นมาว่า
“เรื่องอื่นล้วนปกติดีขอรับ”
เจียงอวี่เฉิงถอนหายใจอย่างโล่งอก
ขอเพียงแค่ซั่งกวนหว่านและอวี้ฉือซงไม่ก่อเรื่องขึ้นมา มันก็ไม่มีเรื่องอันใดให้น่ากังวล
ทันใดนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เมื่อนึกขึ้นได้ว่าเจียงอวี่จือถูกกักบริเวณมาหลายวันแล้ว
“คุณหนูสี่ก็ไม่มาหรือ?”
“ไม่มาขอรับ มีเพียงแค่ซย่าโหวถิงอันที่มาที่นี่ทุกวัน แต่คุณหนูสี่ไม่ยอมออกมาพบเขาขอรับ ทุกครั้งเขาจะมานั่งรอและจากไปขอรับ”
เจียงอวี่เฉิงคิดในใจว่าเป็นเช่นนี้นี่เอง
ก่อนหน้านี้เขาส่งข่าวไปยังตระกูลซย่าโหวแล้ว บอกว่าการแต่งงานของทั้งสองตระกูลให้หยุดชั่วคราวไปก่อน
แต่ว่าครั้งนี้ซย่าโหวถิงอันกลับฉลาดขึ้นมาเล็กน้อย
แต่คิดไปคิดมาน่าจะเป็นจิ้งจอกเฒ่าซย่าโหวหรงมากกว่า
เจียงอวี่เฉิงก็คาดเดาได้ตั้งนานแล้วว่าพวกเขาจะต้องทำเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่ต้องใจมากนัก
แต่คาดไม่ถึงว่าเจียงอวี่จือจะไม่ได้ออกมาจริงๆ นั่นจึงทำให้เขาประหลาดใจอย่างมาก
หรือว่านางจะคิดได้จริงๆ?
แต่อาจจะเป็นเพราะนางเสียใจที่โดนเขาตบหน้าไปวันนั้น…
หลายวันต่อมา อารมณ์โมโหของเจียงอวี่เฉิงก็ได้หายไปแล้ว เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์ในวันนั้น เขาก็คิดว่าตนเองนั้นทำเกินกว่าเหตุ
เขาเลี้ยงดูเจียงอวี่จือมาตั้งแต่เล็กจนโต ก่อนหน้านี้แค่ดุด่ายังไม่เคยเลย แต่ตอนนี้กลับลงมือตบนางด้วยตนเอง…
ท้ายที่สุดแล้วนางก็คือน้องสาวแท้ๆ ของเขา เจียงอวี่เฉิงจึงรู้สึกเสียใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาเลยพูดขึ้นว่า
“ข้าจะไปหานาง”
…
ระหว่างทางเดินมา เขาคิดสารพัดวิธีที่จะชดเชยให้เจียงอวี่จือ
เมื่อผ่านเรื่องราวเช่นนั้นมาแล้ว นางน่าจะเติบโตและเรียนรู้ได้แล้ว
หลังจากนี้นางจะฉลาดขึ้น รู้ว่าสิ่งไหนควรทำหรือไม่ควรทำ ก็พอแล้ว
ถ้าหากนางชอบซย่าโหวถิงอันจริงๆ ละก็ ก็ใช่ว่าจะไปกันต่อไม่ได้…
เมื่อเขาเดินไปถึงที่หน้าประตู เขาก็ถามขึ้นว่า
“คุณหนูสี่เป็นอย่างใดบ้าง?”
เมื่อบ่าวรับใช้หญิงทั้งสองคนเห็นเจียงอวี่เฉิง พวกนางก็รู้สึกตกใจอย่างมาก
“คารวะคุณชายใหญ่!”
แม้ว่าท้องฟ้าจะมืดแล้ว แต่ก็สามารถมองเห็นสีหน้าตกใจของพวกนางได้อย่างชัดเจน
เขาจึงขมวดคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย แล้วเหลือบสายตามองไปที่บานประตูที่ปิดสนิทอยู่
“นางล่ะ? เมื่อได้ยินว่าข้ามาแล้ว เหตุใดนางยังไม่ออกมาต้อนรับข้าอีก?”
บ่าวรับใช้ทั้งสองคนก็รีบพูดขึ้นทันทีว่า
“คุณชายใหญ่ วันนี้คุณหนูสี่สุขภาพไม่แข็งแรง นอนหลับไปแล้วเจ้าค่ะ! ท่าน…พรุ่งนี้ท่านค่อยกลับมาใหม่นะเจ้าคะ!”
ซุนฉีสาวเท้าขึ้นไปด้านหน้า แล้วตะโกนเสียงดัง
“บังอาจ! พวกเจ้ามาสอดมือสอดเท้าบงการคุณชายใหญ่ได้ตั้งแต่เมื่อไหร่!?”
บ่าวทั้งสองตกใจอย่างมาก และรีบเดินถอยหลังไปทันที จากนั้นก็กล่าวร้องขอชีวิต
ในใจของเจียงอวี่เฉิงมีความสงสัยขึ้นมาเล็กน้อย
“ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงเวลานอนของนาง นางจะนอนได้อย่างใด? ไม่สบายงั้นหรือ…นี่มันเรื่องอันใดกันแน่?”
บ่าวทั้งสองคนชะงักไป ต่างพูดอันใดไม่ออกแม้แต่ครึ่งคำ
เหมือนว่าเจียงอวี่เฉิงจะเดาอันใดได้รางๆ แล้ว เขาพูดขึ้นเสียงเย็นว่า
“รีบเปิดประตูเดี๋ยวนี้!”
บ่าวทั้งสองตกใจอย่างมาก ไม่กล้าขยับตัวแม้แต่น้อย
เจียงอวี่เฉิงก้าวขึ้นไปด้านหน้าอย่างหมดความอดทน จากนั้นก็ถีบประตูอย่างแรงแล้วเดินเข้าไป!
หลังสำรวจทั่วห้องแล้ว แต่ก็ไม่พบแม้แต่เงาของเจียงอวี่จือเลย
ใบหน้าของเขาก็มืดครึ้มอย่างรวดเร็ว
“คุณหนูสี่ไปไหน?”
บ่าวทั้งสองคนคุกเข่าตัวสั่นอยู่ที่พื้น เมื่อเห็นว่าเรื่องนี้ถูกเปิดเผยออกมาแล้ว และตอนนี้คุณชายใหญ่ก็โมโหอย่างมาก จึงจำเป็นต้องบอกเรื่องราวอย่างละเอียด
เมื่อได้ยินเรื่องทุกอย่างแล้ว ปราณที่แผ่ออกมาจากตัวของเจียงอวี่เฉียงก็แข็งราวกับน้ำแข็ง
ก่อนหน้านี้เขายังคิดว่านางได้รับบทเรียนแล้ว จากนี้นางจะควบคุมตัวเองได้ดีขึ้น แต่คิดไม่ถึงเลยว่าเขาจะคิดผิด!
นางออกไปข้างนอก นางจะไปทำอันใดได้?
นางในตอนนี้ หากทำเรื่องอันใดโง่ๆ ขึ้นมาอีก…
ขณะเดียวกันนั่นเอง ทันใดนั้นก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นมาจากด้านนอก
เจียงอวี่เฉิงหยัดกายเดินออกไปด้านนอก แล้วเดินไปที่หน้าประตูใหญ่!
เมื่อเห็นเงาร่างคุ้นเคยปรากฏตัวอยู่ในจวน เขาก็หัวเราะเสียงเย็น
“นี่เจ้ายังรู้จักกลับจวนด้วยหรือ?”
ฝีเท้าของเจียงอวี่จือหยุดชะงัก