ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 619 กลิ่นหอม
ตอนที่ 619 กลิ่นหอม [รีไรท์]
“ตอนนี้ยังไม่แน่ใจ แต่ว่า เขากล้าลงมือกับเจ้าอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้…ก็มีไม่กี่คนเท่านั้น”
เจียงอวี่จือก็เมินเฉยต่อความอัปยศและโมโห พร้อมถามต่อว่า
“ในเมื่อรู้แล้วว่าเป็นพวกเขา เช่นนั้นก็ไปจับพวกเขาเสียสิ!”
“มันง่ายเช่นนั้นที่ไหนกันเล่า?”
เจียงอวี่เฉิงขมวดคิ้ว และเดินออกไปที่ด้านข้าง
“ตอนนี้ยังไม่มีหลักฐานที่จะชี้ชัดว่าเป็นฝีมือของพวกเขา แล้วจะให้ไปจับพวกเขาได้อย่างใด? ยิ่งไปกว่านั้น ใบหน้าของคนผู้นั้นเจ้าก็ยังไม่เคยเห็นมาก่อน แล้วจะให้ไปจับใครล่ะ?”
เจียงอวี่จือชะงักไป
“ชะ..เช่นนั้นก็ไปหาไง! ท่านพี่ท่านมีลูกน้องที่มีความสามารถตั้งหลายคน…”
“ในเมื่อเขากล้าลงมืออย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ ก็แสดงว่าเขาไม่กลัวการสืบค้นและสอบสวนเลย แล้วอีกอย่าง หอร้อยโอสถมีชื่อเสียงมากมายขนาดนี้ เจ้าพูดว่าสืบก็สามารถสืบได้ทันทีเลยหรือไง?”
นั่นคือร้านโอสถที่ใหญ่ที่สุดในซีหลิงนะ!
ต่อให้เป็นเขา ก่อนที่จะลงมือเขาก็ต้องพิจารณาอย่างมาก
เจียงอวี่จือเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถามขึ้นมาอย่างไม่อยากจะเชื่อว่า
“หรือว่า…หรือว่าเรื่องของข้าก็จะจบลงเช่นนี้น่ะหรือ? แล้วข้าจะโดนทำร้ายไปเฉยๆ แบบนี้?”
เจียงอวี่เฉิงเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วถามขึ้นว่า
“ข้าได้ยินมาว่า วันนั้นเย่ว์หลิงสั่งให้ใครบางคน ‘เชิญ’ เจ้าออกไปด้วยตนเองไม่ใช่หรือ? ก่อนหน้านี้ข้าเคยเจอเขามาสองสามครั้ง คนผู้นี้เป็นคนที่ฉลาด มีไหวพริบ หากไม่ใช่สถานการณ์พิเศษจริงๆ เขาไม่มีทางลงมืออย่างเด็ดขาดดุดันขนาดนี้ ยิ่งไปกว่านั้น เขารู้ฐานะของเจ้าเป็นอย่างดี แต่กลับยืนยันที่จะทำเช่นนี้ เห็นได้ว่าสิ่งที่เจ้าทำนั้นร้ายแรงอย่างมาก ในวันนั้น…เจ้าทำอันใดลงไปกันแน่?”
เจียงอวี่จือกัดฟันกรอด นางลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นว่า
“ข้าแค่ด่าฉู่หลิวเยว่ไปสองประโยคเท่านั้น…”
สีหน้าของเจียงอวี่เฉิงแข็งค้างไป
เมื่อเห็นว่าไม่สามารถปกปิดได้อีกต่อไปแล้ว เจียงอวี่จือจึงต้องเล่าเรื่องวันนั้นให้เจียงอวี่เฉิงฟัง
“…หากไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่ยอมขายสมุนไพรให้กับข้า ข้าก็ไม่มีทางทำเช่นนั้นหรอก!”
พูดไปพูดมา ก็ยังเป็นความผิดของฉู่หลิวเยว่!
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าของเจียงอวี่เฉิงก็มืดครึ้มขึ้น
นี่เพราะนางไปสร้างความวุ่นวายให้กับฉู่หลิวเยว่อีกแล้ว!
ประเด็นสำคัญคือ ยังไปที่หอร้อยโอสถ!
ให้ไปหาฉู่หลิวเยว่เพื่อท้าประลอง ยังดีกว่าการทำเช่นนี้เลย!
“ก่อนหน้านี้ข้ากำชับเจ้าไปว่าอย่างใด เจ้าลืมหมดแล้วหรือ?” น้ำเสียงของเจียงอวี่เฉิงเย็นชาราวกับน้ำแข็ง
เจียงอวี่จือตัวสั่นสะท้าน ทันใดนั้นนางก็นึกขึ้นมาได้ แล้วพูดขึ้นว่า
“ไม่ใช่สิ! ท่านพี่ นี่มันไม่ใช่แล้ว! วันนี้ข้าด่าฉู่หลิวเยว่ ไม่ได้ด่าหอร้อยโอสถสักประโยค! แต่หลังจากที่เย่ว์หลิงผู้นั้นได้ยินข้าด่าฉู่หลิวเยว่ ก็เหมือนว่าเขาดูหงุดหงิดขึ้นทันที…”
นางพูดขึ้น พร้อมนึกย้อนกลับไป เป็นเช่นนั้นไม่ผิดแน่
“…ถูกต้อง! เป็นเช่นนั้นแหละ! ก่อนหน้าสมุนไพรที่ข้าต้องการจะซื้อนั้น เย่ว์หลิงบอกว่าสมุนไพรเหล่านั้นได้เตรียมไว้ให้ฉู่หลิวเยว่แล้ว ไม่สามารถขายให้ข้าได้ ตอนที่พูดเรื่องนี้ สีหน้าของเขายังดีๆ อยู่เลย…ข้านึกออกแล้ว! ก่อนหน้านี้มีแม่นางหลายคน เหมือนว่าจะถูกไล่ออกจากหอร้อยโอสถเพราะว่ากล่าวฉู่หลิวเยว่จนเสียหาย อีกทั้งไม่เพียงแค่นางเท่านั้น ตระกูลของพวกนางยังโดนร่างแหไปแล้ว…หลังจากนั้นพวกนางก็ยังไปก่อความวุ่นวายที่หอร้อยโอสถอีก…”
เมื่อเจียงอวี่เฉิงได้ยินเช่นนั้น ใบหน้าก็จริงจังมากขึ้นเรื่อยๆ
“เจ้าหมายความว่า ฉู่หลิวเยว่กับหอร้อยโอสถมีความสัมพันธ์ต่อกันงั้นหรือ?”
“ต้องเป็นเช่นนั้นแน่นอน! เย่ว์หลิงยังพูดอีกว่า เพราะฉู่หลิวเยว่เป็นลูกค้าระดับพิเศษ…แต่หอร้อยโอสถไม่มีลูกค้าระดับพิเศษแค่ฉู่หลิวเยว่แค่คนเดียว เหตุใดก่อนหน้านี้ไม่เห็นเคยเกิดเรื่องเช่นนี้มาก่อนเลยล่ะ? เห็นได้ชัดว่ามันต้องมีเงื่อนงำอันใดบางอย่างอยู่แน่ๆ!”
เจียงอวี่เฉิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นอย่างลังเลว่า
“แต่ฉู่หลิวเยว่…เพิ่งมาที่ซีหลิงได้ไม่นานไม่ใช่หรือ…”
อีกทั้งมู่ชิงเห่อและเจี่ยนเฟิงฉือเป็นคนที่พานางมาอีกด้วย
แค่เพียงในเวลาสั้นๆ นางจะสร้างสัมพันธ์กับหอร้อยโอสถได้อย่างใด?
เขาครุ่นคิดครู่หนึ่ง จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนแล้วเดินจากไป
“เรื่องนี้ข้าจะสืบด้วยตนเอง ช่วงนี้เจ้าก็พักรักษาตัวให้ดี อย่าทำตามอำเภอใจโดยเด็ดขาด”
“เข้าใจแล้ว”
…
หลังจากฉู่หลิวเยว่เดินทางออกมาแล้ว นางก็ตรงไปที่ภูเขาเขี้ยวมังกร
อาณาเขตของภูเขาเขี้ยวมังกรนั้นใหญ่กว่าสำนักชงซูเก๋อไม่น้อยเลยทีเดียว และยังครึกครื้นกว่ามาก
ตอนที่ฉู่หลิวเยว่มาถึงที่ห้องโถงใหญ่ นางก็เห็นว่าเจี่ยนเฟิงฉือกำลังนั่งรอออยู่ด้านใน นางรีบมองไปรอบข้างอย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่เห็นแม้แต่เงาของมู่หงอวี่
เจี่ยนเฟิงฉือพูดขึ้นอย่างเกียจคร้านว่า
“ตอนนี้หงอวี่เป็นศิษย์สายตรงของท่านพ่อข้าแล้ว ช่วงนี้นางยังคงฝึกฝนอยู่ที่ถ้ำเทียนหยา (ถ้ำสุดขอบโลก) ข้าส่งคนไปเรียกแล้ว แต่ว่าก็ยังต้องใช้เวลาอีกสักพัก เจ้าเข้ามานั่งรอก่อนเถอะ”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มขึ้นเบาๆ แล้วหยิบจดหมายฉบับหนึ่งออกมา
“ในเมื่อหงอวี่กำลังยุ่งอยู่กับการบำเพ็ญเพียร เช่นนั้นข้าก็คงจะไม่รบกวนนางแล้ว นี่เป็นจดหมายจากเสด็จพ่อของนาง เขียนให้นาง รบกวนคุณชายเจี่ยนมอบมันให้นางก็พอแล้ว”
เมื่อพูดจบ นางก็เดินเข้าไปวางจดหมาย วางที่โต๊ะด้านข้างของเจี่ยนเฟิงฉือ จากนั้นก็เดินออกมา
ทันใดนั้น กลิ่นหอมที่คุ้นเคยก็ลอยแตะเข้าที่จมูกของนาง
ฉู่หลิวเยว่ใช้จมูกดมฟุดฟิด จากนั้นถึงได้รู้สึกว่ากลิ่นเหล่านั้นมาจากบนร่างกายของเจี่ยนเฟิงฉือ
ประกายแสงสีเข้มพาดผ่านดวงตาของนาง
กลิ่นอำพันทะเลนี้จัดเป็นกำยานระดับพิเศษ หากจะพูดอย่างชัดเจน ก็คงต้องบอกว่ากลิ่นนี้มีเพียงนางและเสด็จพ่อเท่านั้นที่สามารถใช้มันได้
แม้ว่ากลิ่นบนร่างกายของเจี่ยนเฟิงฉือจะบางเบา แต่นางก็มั่นใจว่านี่จะต้องเป็นกลิ่นอำพันทะเลอย่างแน่นอน
อีกทั้งกลิ่นที่หลงเหลือมาได้ขนาดนี้ นั่นหมายความว่าเจี่ยนเฟิงฉือจะต้องอยู่ในสถานที่ที่จุดกำยานกลิ่นนี้อย่างน้อยหนึ่งชั่วยาม
ท่าทางของนางชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็วางจดหมายลงบนโต๊ะ ก่อนจะถามเหมือนไม่ได้ตั้งใจว่า
“ไม่ทราบว่ามู่หงอวี่อยู่ที่นี่แล้วเป็นอย่างใดบ้าง?”
เจี่ยนเฟิงฉือโบกพัดกระดูกในมือไปมาเบาๆ
“มีข้าคอยดูแลอยู่ทุกวัน ต้องดีอยู่แล้ว”
ฉู่หลิวเยว่มองเขาด้วยสายตาประหลาดใจเล็กน้อย
“ช่วงนี้คุณชายเจี่ยนอยู่ที่ภูเขาเขี้ยวมังกรทุกวัน…เพื่อดูแลหงอวี่?”
เจี่ยนเฟิงฉือเลิกคิ้วขึ้น
“แน่นอน บาดแผลบนร่างกายของนาง ข้าก็เป็นคนดูแล ตอนนี้ก็เกือบจะหายขาดแล้ว…โอสถที่ข้าใช้นั้น ดีกว่าที่เจ้าใช้มากนัก”
ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่เป็นเซียนหมอระดับสี่ แต่เจี่ยนเฟิงฉือระดับสูงกว่า ผลของการหลอมโอสถย่อมดีกว่า
“เป็นเช่นนี้นี่เอง…เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณคุณชายเจี่ยนแล้ว”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มเล็กน้อย
ทันใดนั้นเอง สีหน้าของนางก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย
“หื้ม? กลิ่นอันใดเนี่ย?”
เจี่ยนเฟิงฉือแข็งค้างไป
ฉู่หลิวเยว่สูดอากาศเข้า แล้วทำท่าดมฟุดฟิด
“คุณชายเจี่ยน เจ้าได้กลิ่นกลิ่นหอมจางๆ บ้างหรือไม่?”
เจี่ยนเฟิงฉือเงยหน้ามองฉู่หลิวเยว่อย่างระมัดระวัง ในแววตาเย็นชามีแสงสว่างประกายวาบ
“อ่า ท่านแม่ของข้ามักทำกำยานด้วยตนเอง อาจจะเป็นกลิ่นเหล่านั้นก็ได้ละมั้ง?”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าขึ้นลง จากนั้นก็กล่าวชื่นชมออกมา
“นายหญิงนี่เก่งจริงๆ กลิ่นนี้หอมกว่ากลิ่นทั่วไปยิ่งนัก ไม่ทราบว่าทำได้อย่างใดหรือ?”
เจี่ยนเฟิงฉือรู้สึกโล่งอก และหลุบตาลงต่ำ
“มันก็แค่กลิ่นกำยานทั่วไปเท่านั้น…”
“หลิวเยว่!”
เสียงตะโกนดังลั่นเพราะความประหลาดใจดังขึ้นมาจากด้านนอก
ฉู่หลิวเยว่หันหน้ากลับไปมอง จากนั้นก็เห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและประหลาดใจของมู่หงอวี่
“หลิวเยว่! เจ้ามาเยี่ยมข้าหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มแล้วหยิบจดหมายฉบับนั้นขึ้นมา พร้อมยื่นให้นาง
“นี่คือจดหมายของท่านพ่อของเจ้า”
มู่หงอวี่อุทานออกมาอย่างตกใจ จากนั้นก็รีบแกะจดหมายฉบับนั้นทันที
เจี่ยนเฟิงฉือเหลือบสายตามองพวกนางทั้งสองคน แล้วค่อยๆ เอนตัวพิงพนักเก้าอี้อย่างช้าๆ
นี่เขาประมาทเกินไปแล้ว เพราะเขารีบกลับมามากเกินไป จึงลืมเปลี่ยนเสื้อผ้า
ฉู่หลิวเยว่…คงจะไม่รู้จักกลิ่นนี้ใช่หรือไม่?