ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 642 พรสวรรค์ที่แท้จริง
ตอนที่ 642 พรสวรรค์ที่แท้จริง
“ไม่ได้การแล้ว! ผลชิงซวงของฉู่หลิวเยว่จะไหม้แล้ว!”
เย่หรานหร่านร้องเสียงต่ำและปิดปากของนาง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความกังวล
ศิษย์พี่ศิษย์น้องส่วนใหญ่ที่อยู่รอบๆ เองก็เป็นเซียนหมอเช่นกัน และเมื่อพวกเขาเห็นสถานการณ์นี้ ก็เข้าใจได้โดยธรรมชาติว่ามันหมายถึงอันใด สีหน้าของพวกเขาเปี่ยมไปด้วยความกังวล
ลู่จือเหยาโพล่งถามอย่างไว
“หรือเพราะศิษย์น้องหญิงจะรีบร้อนเกินไป?”
หากสมุนไพรในหม้อถูกทำลาย อาจนำไปสู่ความล้มเหลวของการกลั่นยาทั้งหมด!
อวี้ฉือซงขมวดคิ้วแน่น
เขาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ฉู่หลิวเยว่นั้นพลาดเพราะความประมาทเลินเล่อชั่วขณะ
ผลชิงซวงนั้นเป็นสมุนไพรฤดูหนาว ดังนั้นจึงไม่สามารถกลั่นด้วยเปลวไฟที่อุณหภูมิสูงเกินปกติได้ และทนความร้อนสูงไม่ได้
บางครั้งถึงจะเป็นเซียนหมอระดับห้า แต่ก็ใช่ว่าจะปรุงยาสูตรนี้ได้ง่ายๆ
ในตอนแรกฉู่หลิวเยว่ทำทุกอย่างได้ดี แต่ตอนนี้นางเสียการควบคุมไปชั่วขณะ มันจึงกลายเป็นแบบนี้
การแข่งขันสองครั้งก่อนหน้านี้ ผลาญพละกำลังและพลังปราณดั้งเดิมของนางมากเกินไป และตอนนี้นางกำลังพยายามฝืนตัวเอง เพื่อกลั่นยาให้สำเร็จ
อีกทั้งยังต้องกลั่นยาอายุวัฒนะระดับห้าที่เหนือกว่าขอบเขตพลังปราณของตัวเองด้วย!
การที่นางทนมาได้จนถึงตอนนี้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
และก็ไม่รู้ว่านางจะรับมือกับวิกฤตนี้ต่อไปได้หรือไม่…
…
กลิ่นเหม็นไหม้ฟุ้งกระจายไปทั่ว
หนิงจื้อชิงผงะเล็กน้อย พลันเงยหน้ามอง
กลิ่นไหม้นั่นลอยออกมาจากหม้อต้มโอสถของฉู่หลิวเยว่
เขาหรี่ตาลงเงียบๆ
ดูเหมือนว่าผลชิงซวงจะก่อเรื่องเสียแล้ว…
เหอะ
แค่เซียนหมอระดับสี่พยายามกลั่นยาอายุวัฒนะระดับห้า ก็ดูเสี่ยงจะตายอยู่แล้ว นับประสาอันใดกับยาอายุวัฒนะที่ค่อนข้างซับซ้อนอย่างยาจื่อหยาง?
ยาจื่อหยางเป็นยาอายุวัฒนะระดับห้าขั้นต้น ในบรรดายาอายุวัฒนะระดับห้า ยาตัวนี้ใช้วัตถุดิบเพียงไม่กี่อย่างในการปรุงยา และเวลาในการกลั่นก็ค่อนข้างสั้นกว่ายาชนิดอื่น
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ มันเป็นการปรุงยาแบบผ่อนแรง
เนื่องจากการประลองทั้งสองครั้งเมื่อครู่ก่อนนั้น ผลาญพละกำลังของฉู่หลิวเยว่ไปมาก ดังนั้นจึงสมเหตุสมผลที่นางจะเลือกกลั่นยาจื่อหยาง
แต่นางอาจลืมไปว่า วัตถุดิบแต่ละอย่างที่ใช้ในการปรุงยาจื่อหยางนั้น เป็นสมุนไพรที่ควบคุมสรรพคุณยามปรุงยาได้ยาก หากนางต้องการปรุงยา นางต้องมีความรู้เกี่ยวกับสรรพคุณของพวกมันมากพอ รวมทั้งทักษะการกลั่นและความแม่นยำที่แน่นอน
มิเช่นนั้น สุดท้ายพวกมันก็จะไหม้เสียอย่างเปล่าประโยชน์
หนิงจื้อชิงยิ้มเยาะ
ขนาดนี้แล้ว เส้นทางสายเซียนหมอที่เขาใฝ่ฝันคงอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม…
และการประลองของฉู่หลิวเยว่ ก็จำต้องหยุดเพียงเท่านี้!
…
ฉู่หลิวเยว่มองไปยังน้ำสีเขียวในหม้อต้มโอสถ
เนื่องจากความร้อนสูงจากเปลวเพลิง ขอบของน้ำสมุนไพรจึงเริ่มเปลี่ยนเป็นสีดำและสีเทา
ถึงจะกลั่นออกมาเป็นยาอายุวัฒนะได้ แต่สุดท้ายมันจะกลายเป็นยาที่ด้อยประสิทธิภาพ
ฉู่หลิวเยว่ปรับสีหน้าให้สงบนิ่ง และลดอุณหภูมิของเปลวไฟลงอีกครั้ง ซึ่งในขณะเดียวกัน นางก็แยกน้ำสีเขียวออกจากวัตถุดิบยาอื่นๆ
ทว่าน้ำของผลชิงซวงส่วนหนึ่งก็ได้ผสมเข้ากับวัตถุดิบอื่นๆ เสียแล้ว!
และส่วนที่ถูกเผาบางส่วนก็ไม่สามารถใช้การได้แล้ว
ฉู่หลิวเยว่จึงเทน้ำสมุนไพรดำคล้ำออกทั้งหมด และโยนผลไม้ฤดูหนาวสีเขียวลงไปอีกลูก!
เมื่อเห็นการกระทำของนาง ผู้คนที่เฝ้าดูต่างตกตะลึง
“ฉู่หลิวเยว่เสียสติไปแล้วหรือ? นางโยนผลชิงซวงลงไปอีกเหตุใด?”
“แต่เมื่อครู่มันถูกเผาไปแล้ว ย่อมไม่สามารถใช้การได้อีก…”
“แต่ตอนนี้น้ำนั่นได้ผสมกับวัตถุดิบอื่นๆ และเริ่มก่อตัวเป็นเม็ดยาแล้วมิใช่หรือ? แม้ว่าฉู่หลิวเยว่จะสามารถปรับแต่งยาอีกเม็ดได้ในเวลานี้ แต่จะแน่ใจได้อย่างใดว่ามันจะเหมือนเดิมทุกประการ? เจ้ารู้หรือไม่ว่าผลชิงซวงนั้นละเอียดอ่อนมากหากอุณหภูมิในการต้มผิดเพี้ยน และเวลาต้มคลาดเคลื่อนเพียงเล็กน้อย ประสิทธิภาพของยาทั้งสองจะแตกต่างกันมาก ผลชิงซวงสองผล… คงจะดีถ้าสามารถนำพวกมันมาหลอมรวมกันได้ แต่ตอนนี้นางแยกกลั่นเป็นสองเม็ด ข้ากลัวว่าในตอนท้าย พวกมันจะออกมาไม่บริสุทธิ์นัก…”
ผู้ที่มีความเข้าใจเกี่ยวกับเซียนหมอ ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของฉู่หลิวเยว่
จากมุมมองของพวกเขา ตัวยาที่กลั่นผิดไปแล้วครึ่งหนึ่ง จะไม่มีทางปรุงตัวใหม่เพื่อเอามาแทนกันได้
ถึงถ้านางเริ่มทำใหม่ตั้งแต่ต้น จะพอดูมีความหวังมากกว่า
ทว่าตอนนี้นางแทบไม่มีแรงแล้ว
“ฉู่หลิวเยว่จะปรุงผลชิงซวงใหม่หรือไม่…”
ดวงตาของเย่หรานหร่านจับจ้องไปยังสถานการณ์บนเวที มือของนางประสานกันไว้ข้างหน้าราวกับกำลังอธิษฐานขออันใดบางอย่าง
ทันใดนั้น สีหน้าของนางก็แข็งทื่อ พร้อมเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“…ไม่ ไม่ใช่!”
ลู่จือเหยาเอ่ยถามทันควัน
“อันใดหรือ?”
เย่หรานหร่านชี้ไปยังฉู่หลิวเยว่บนเวที และพูดตะกุกตะกัก
“หลิวเยว่… หลิ่วเยว่ นางต้องการล้างเอาน้ำชิงซวงที่ผสมกับวัตถุดิบตัวอื่นออกให้หมด!”
ลู่จือเหยาตกตะลึงทันที
“อันใดนะ?”
แม้ว่าพรสวรรค์ของเขาในด้านเซียนหมอจะไม่ดีเท่าของเย่หรานหร่าน แต่เขาก็สามารถเข้าใจในสิ่งที่เย่หรานหร่านต้องการจะสื่อได้
เขาก้าวฉับๆ ข้างหน้าแล้วมองหม้อต้มโอสถของฉู่หลิวเยว่
ท่ามกลางเปลวเพลิงสีแดงที่ลุกโชน วัตถุดิบจำนวนมากถูกหลอมรวมกันและก่อตัวเป็นลูกกลมๆ ขนาดเท่ากำปั้น
เมื่อมองอย่างระมัดระวัง ก็จะเห็นเปลวไฟแตกแขนงออกมาจากมัน และไหลไปตามทรงกลม!
ยามเปลวไฟเคลื่อนผ่านไป หยดน้ำสีเขียวก็หยดออกมาจากลูกกลมๆ และระเหยอย่างรวดเร็ว!
ลู่จือเหยาตกใจสุดขีด
“นะ…นั่นมัน…”
นั่นมันน้ำของผลชิงซวงจริงๆ!
ฉู่หลิวเยว่กำลังบีบให้มันหลุดออกมาจากตัวยาครึ่งหนึ่งที่โดนกลืนกินไปอย่างนั้นหรือ!?
“นี่ศิษย์น้องหญิง…” บ้าไปแล้วหรือ!?
ลู่จือเหยากลืนสี่คำสุดท้ายกลับไปอย่างยากลำบาก
แต่ประโยคนั้นก็ฉายชัดออกมาทางสีหน้าเขาอยู่ดี
เป็นครั้งแรกที่เย่หรานหร่านเห็นสถานการณ์เช่นนี้ พลันมองหาอวี้ฉือซงเพื่อขอความช่วยเหลือ
“เจ้าสำนักเก๋อ นั่นหลิวเยว่…”
ทว่าพูดยังไม่ทันจบ นางกลับสังเกตเห็นสีหน้าที่มึนงง ราวสติหลุดของอวี้ฉือซงเข้าเสียก่อน
การแยกวัตถุดิบปรุงยาออกมาจากยาอายุวัฒนะที่กึ่งสมบูรณ์นั้นเป็นเรื่องที่ยากอย่างยิ่ง
และมันยากกว่าการแปรรูปวัตถุดิบยาถึงสิบเท่า!
เนื่องจากส่วนหนึ่งของตัวยาได้เริ่มหลอมรวมกันแล้ว หากต้องการเอามันออกทั้งหมด จักต้องควบคุมเปลวไฟในอุณหภูมิที่พอเหมาะ เพื่อให้สามารถแยกวัตถุดิบออกจากกันได้ โดยไม่กระทบต่อประสิทธิภาพของวัตถุดิบชนิดอื่นๆ
เสมือนการถลกหนังออกจากกระดูก โดยห้ามมีช่องว่างสำหรับข้อผิดพลาดใดๆ
ซึ่งในความเป็นจริง เซียนหมอส่วนใหญ่อาจไม่สามารถบรรลุขั้นตอนนี้ได้ แม้ว่าพวกเขาจะปรับแต่งเม็ดยาเป็นร้อยหรือพันครั้งก็ตาม
และมีเพียงอัจฉริยะระดับแนวหน้าที่มีพรสวรรค์ด้านวัตถุดิบและการปรุงยาโดยธรรมชาติเท่านั้นที่สามารถทำได้
ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่ที่เป็นเซียนหมอระดับสี่ กำลังปรับปรุงยาอายุวัฒนะระดับห้า เดิมทีมันก็ยากเกินขีดจำกัดของนางอยู่แล้ว แต่นางก็กล้าที่จะทำเช่นนั้นโดยตรง!
ขนาดอวี้ฉือซงเองยังคิดว่ามันบ้าบิ่นเกินไปแล้ว!
ตัวเขาเองก็เป็นเซียนหมอ อีกทั้งยังฝึกฝนอยู่หลายปี แต่ถ้าเป็นเขาในตอนที่อายุเท่าฉู่หลิวเยว่ เขาคงไม่กล้าทำอันใดเช่นนี้เป็นแน่
แม้ว่าหนิงจื้อชิงที่อยู่ฝั่งตรงข้ามจะมีระดับสูงกว่า แต่ก็ไม่อาจทำได้ดีไปกว่าฉู่หลิวเยว่
นี่คือพรสวรรค์ที่แท้จริง!
ในบรรดาเซียนหมอพันคน อาจมีเพียงคนเดียวเท่านั้น!
ตลอดชีวิตเขาเคยเห็นเซียนหมอมามากมาย แต่มีเพียงสองคนเท่านั้นที่มีความสามารถเช่นนี้
คนแรกคือท่านลุงของเขา
ส่วนอีกคน…คือผู้ที่เป็นทั้งศิษย์และส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา
นั่นก็คือ ซั่งกวนเยว่!