ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 657 ถอดหน้ากากออก
ตอนที่ 657 ถอดหน้ากากออก
เมื่อสิ้นเสียงนั้น เรือนทั้งเรือนก็ตกอยู่ในความเงียบ
ทุกคนมองหน้ากันไปมาด้วยความตกใจ
ทรายรวมศูนย์…ตอนที่พวกเขาไปชายแดนใต้ ก็ได้เดินทางผ่านสถานที่ที่มีทรายเหล่านั้น แต่ก็ไม่ได้หยุดพักอยู่ที่นั่นนาน แล้วเขาจะเก็บทรายรวมศูนย์เหล่านั้นกลับมาได้อย่างใด?
อีกอย่างสิ่งนั้นมีพิษไม่ใช่น้อย และจัดการยากอย่างมาก คนอย่างพวกเขาจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับของเหล่านี้ได้อย่างใด
ตอนนั้นแค่จะปกป้องชีวิตของตัวเองยังยากมากแล้ว!
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครตอบ เจียงอวี่เฉิงจึงค่อยๆ พูดขึ้นมาว่า
“ช่วงนี้ข้าได้ยินมาว่า ในเมืองซีหลิงนี้มีทรายรวมศูนย์ปรากฏขึ้น อีกทั้งของสิ่งนั้น…มีเพียงในชายแดนใต้เท่านั้น คนรอบข้างของข้านั้นไม่รู้เรื่อง และไม่สามารถควบคุมได้ แต่พวกเจ้า…เป็นคนที่ข้าพาไปชายแดนใต้ด้วย หากเป็นฝีมือของพวกเจ้าจริงๆ ละก็ ยอมรับมาแต่โดยดีจะดีที่สุด ไม่เช่นนั้น หากข้าสามารถสืบได้เอง…ข้าจะไม่ปล่อยพวกเจ้าไปง่ายๆ แน่นอน!”
เมื่อทุกคนได้ยินดังนั้นก็ยังคงเงียบเสียงอยู่
พวกเขามั่นใจว่าพวกเขาไม่ได้เป็นคนทำเรื่องเช่นนั้น แล้วจะให้พวกเขายอมรับได้อย่างใด?
เจียงอวี่เฉิงก็ถามขึ้นด้วยความเคร่งขรึมว่า
“ดูแล้วเหมือนว่าพวกเจ้าจะอยากให้ข้าไต่สวนทีละคนสินะ?”
หลังจากเวลาผ่านไป เรือนทั้งเรือนก็ยังคงตกอยู่ในความเงียบ
เจียงอวี่เฉิงชี้ไปยังคนที่ยืนด้านหน้าแล้วพูดว่า
“เริ่มที่เจ้าก็แล้วกัน!”
ชายคนที่โดนชี้ก็คือชายที่มีรอยแผลเป็นที่หน้าคนนั้น
ใบหน้าของเขามีความงุนงงและตื่นตระหนกอย่างมาก
นี่คุณชายใหญ่…หมายความว่าอย่างใดกันแน่?
เจียงอวี่เฉิงหมุนตัวกลับเข้าไปในเรือนแล้ว
ซุนฉีก็หันไปมองหน้าชายที่มีรอยแผลเป็น ก่อนจะพูดขึ้นว่า
“ยังจะเหม่ออันใดอยู่เล่า? ยังไม่รีบเข้าไปอีก?”
ชายหน้าบากถึงได้สติกลับคืนมา และรีบเดินตามเจียงอวี่เฉิงเข้าไปในห้องทันที
ซุนฉีรีบปิดประตูลง แล้วกวาดตามองทุกคนอีกครั้ง พร้อมพูดเสียงเย็นว่า
“เพราะคนหนึ่งในพวกเจ้า ทำให้คุณชายใหญ่ต้องเดือดร้อนขึ้น ตอนนี้คุณชายใหญ่กำลังสอบสวนเรื่องราวแล้ว ใครเป็นคนทำเรื่องนี้ ล้วนรู้ดีแก่ใจ! หากไม่พูดตอนนี้ ต่อไปพวกเจ้าก็จะไม่มีโอกาสแล้ว!”
เมื่อพูดจบเขาก็ยืนรออีกฝ่ายอยู่ที่หน้าประตู
มีคนจำนวนไม่น้อยที่แอบลอบส่งสายตากัน ด้วยท่าทางที่ต่างกันออกไป
“คิดไม่ถึงว่าจะเพราะเรื่องนี้…”
ในมุมหนึ่ง ฉีต้าเหอก็พูดกับเซี่ยมู่ด้วยเสียงเบา
“เหมือนว่าเรื่องนี้จะร้ายแรงจริงๆ ไม่เช่นนั้นคุณชายใหญ่ไม่มีทางเรียกพวกเรามาที่นี่หรอก…น่าแปลก ตอนแรกพวกเราก็ไม่ได้อยู่ตรงนั้นนาน อีกทั้งคนส่วนใหญ่ก็ได้รับบาดเจ็บ ใครมันจะมีปัญญาเก็บทรายรวมศูนย์กลับมาได้อีกเล่า? อีกทั้งของเหล่านั้นก็ไม่ได้มีประโยชน์อันใดกับผู้บำเพ็ญเพียรเลย…ต่อให้คิดจะใช้ของสิ่งนั้นเป็นยาพิษ…แต่บนโลกนี้ก็มียาพิษมากมาย เหตุใดถึงต้องใช้ของสิ่งนี้ด้วยเล่า? หากไม่ระวังจะเป็นการทำร้ายตนเองไปด้วย เช่นนั้นมันจะเป็นภาระของตัวเองเกินไปไม่ใช่หรือ?”
เสียงของเขาเบามาก แต่คนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ อย่างเซี่ยมู่กลับได้ยินอย่างชัดเจน
เมื่อฉีต้าเหอพูดจบ เขาก็เห็นว่าเซี่ยมู่ไม่มีปฏิกิริยาตอบรับ เขาจึงอดใช้ข้อศอกสะกิดอีกฝ่ายไม่ได้
“เจ้าว่าใช่หรือไม่?”
เซี่ยมู่พยักหน้า
“พูดเรื่องพวกนี้กับเจ้าไปก็ไม่มีประโยชน์เลย!”
ฉีต้าเหอรู้สึกโกรธที่หลอมเหล็กแล้วไม่ได้เหล็กกล้า
หลังจากเซี่ยมู่ถูกยาพิษจนทำให้พูดไม่ได้แล้ว เขาก็เหมือนอยู่ตัวคนเดียว ร่างทั้งร่างเฉยชาไปทั้งหมด
แต่ว่าก็โทษเขาไม่ได้
ก่อนหน้านี้ฝีมือและพรสวรรค์ของเซี่ยมู่นั้นไม่เลวเลย ตอนที่อยู่ที่ชายแดนใต้ก็เคยช่วยชีวิตฉีต้า
เหอไว้หนึ่งครั้ง
แต่น่าเสียดายที่ภายหลัง…เขาก็ได้กลายเป็นแบบนี้
และเพราะเรื่องนี้ ช่วงเวลาหนึ่งปีกว่าที่ผ่านมา ฉีต้าเหอจึงได้ดูแลเซี่ยมู่อยู่ตลอด
“ช่างเถิด ไม่ว่าอย่างใดพวกเราก็ไม่ได้ทำ คุณชายใหญ่จะไต่สวนอย่างใดก็ได้!”
เซี่ยมู่กลับเบนสายตามองไปยังบานประตูที่ปิดอยู่
แววตาใต้หน้ากากเหล็กก็สว่างวาบขึ้นเล็กน้อย
…
หลังจากนั้นไม่นาน ชายหน้าบากก็ได้เดินออกจากห้องมา
ทุกคนรีบหันกลับไปมองทันที แต่เมื่อเห็นว่าเขามีสีหน้าปกติดี จึงรู้ได้ทันทีว่าไม่มีเรื่องอันใดเกิดขึ้น ทำให้พวกเขาถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
วิธีการของคุณชายใหญ่นั้นเด็ดขาดและรอบคอบอย่างมาก เมื่อตกอยู่ในกำมือของเขาแล้ว ผู้นั้นจะต้องมีจุดจบที่ไม่ดีอย่างแน่นอน
ซุนฉียกมือขึ้น
“เจ้าไปรอที่ทางด้านนั้นก่อน”
ชายหน้าบากเดินออกไปที่ด้านข้าง
“คนต่อไป เจ้า”
ซุนฉีชี้ไปยังคนที่สอง
คนผู้นั้นรีบเดินเข้ามาทางด้านหน้าทันที จากนั้นก็ยังเหลือบสายตาไปมองชายหน้าบาก
แต่น่าเสียดายที่ชายหน้าบากไม่ได้แสดงสีหน้าอันใด เขาเพียงแค่กุมมือทั้งสองข้างไว้ด้านหน้าเท่านั้น ทุกคนจึงไม่สามารถคาดเดาได้ ได้แต่ยืนรอต่อไป
ราวกับว่าเวลาแห่งการรอคอยนั้นเดินไปอย่างเชื่องช้า
หิมะก็ตกหนักขึ้นเรื่อยๆ คนจำนวนไม่น้อยก็โดนหิมะเหล่านั้นตกใส่ แต่กลับไม่มีใครกล้าขยับตัวเลยแม้แต่น้อย ได้แต่ยืนรออยู่ที่เดิมด้วยความเงียบ
หลังจากผ่านไปสักพัก คนที่สองก็เดินออกมา
เขาก็เดินไปยืนที่ด้านข้างของชายหน้าบากตามคำแนะนำของซุนฉี
จากนั้น ก็ถึงคนที่สาม
…
ชั่วพริบตาเดียว คนที่ถูกสอบสวนก็ผ่านไปมากกว่าครึ่งแล้ว
เมื่อเห็นว่าคนที่อยู่ด้านหน้าถูกเรียกไป ฉีต้าเหอก็อดรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาไม่ได้
คนต่อไปน่าจะเป็นเขาหรือไม่ก็เซี่ยมู่แล้ว
แม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้เป็นคนตาม แต่เมื่อคิดว่าต้องเผชิญหน้ากับคุณชายใหญ่ตามลำพัง ในใจของเขาก็อดที่จะรู้สึกวิตกไม่ได้
เขาเหลือบสายตามองเซี่ยมู่ แต่กลับเห็นว่าเขายังยืนนิ่งอยู่เหมือนเดิม แต่ทว่า…ไม่มีท่าทางประหม่าเลยแม้แต่น้อย
หลังจากนั้นไม่นาน คนที่เข้าไปด้านใน ก็ออกมาแล้ว
จนถึงตอนนี้คนที่เข้าไปสอบสวนนั้นก็ร่วมสามสิบกว่าคนแล้ว แต่กลับดูไม่มีอันใดผิดปกติเลย
“คนต่อไป ฉีต้าเหอ!”
ซุนฉีตะโกนขึ้นมา
ผ่านไปครู่หนึ่ง คนที่อยู่ด้านข้างก็พูดขึ้นมาเสียงเบา
“เหมือนว่าเขาน่าจะไม่เป็นไร…”
หลังจากที่เขาเพิ่งพูดเสร็จ ฉีต้าเหอก็เดินออกจากห้องมา
ทุกคนจึงหันกลับไปมองพร้อมกัน ใบหน้าของพวกเขาก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ใบหน้าของฉีต้าเหอซีดขาว มีเหงื่อเต็มศีรษะ ท่าทางเหมือนได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
เสียงเย็นชาของเจียงอวี่เฉิงก็ดังขึ้นมาจากในห้อง
“คนผู้นี้ต้องได้รับการสอบสวนอีกครั้ง!”
ซุนฉีรีบขานรับทันที “ขอรับ!”
เมื่อพูดจบ เขาก็สั่งให้ฉีต้าเหอยืนอีกฝั่งหนึ่งคนเดียว ก่อนจะให้นายทหารสองคนเฝ้าเอาไว้
เมื่อเห็นสถานการณ์เช่นนั้น ทุกคนจึงรู้สึกสับสน ในขณะเดียวกันก็รู้สึกกังวลอย่างมาก
หรือว่า…เรื่องนี้เป็นฝีมือของฉีต้าเหอหรือ?
เมื่อเห็นฉีต้าเหอที่ยืนอยู่อีกฝั่ง ร่างกายของเขาสั่นสะท้าน ปากก็บ่นพึมพำไม่หยุด
“ไม่ใช่ข้า…ไม่ใช่ข้าจริงๆ…”
เขาไม่ได้ทำอันใดเลย แต่เหตุใดคุณชายใหญ่ถึงได้บอกว่าเขามีปัญหาล่ะ?
เมื่อมองที่ฝ่ามือของตัวเอง
เลือดที่ไหลจากบาดแผลของเขาก็ได้หยุดไหลไปแล้ว ใช้เวลาไม่นานบาดแผลก็สมานตัวแล้ว
แต่เมื่อครู่…คุณชายใหญ่ก็มองบาดแผลที่แขนเขาอยู่หลายครั้ง จากนั้นสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที!
นี่มันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่?
ตอนนั้นเองก็มีเสียงกระซิบกระซาบจากในกลุ่มคนขึ้นมา
ชายที่ยืนข้างเซี่ยมู่คนนั้น ก็หันมามองเขาแล้วถามเสียงต่ำว่า
“เซี่ยมู่ หรือว่าเรื่องทรายรวมศูนย์นั่น เกี่ยวข้องกับฉีต้าเหอหรือ?”
“เจ้าสนิทกับเขามากที่สุด เขาได้ทำหรือเปล่า เรื่องนี้เจ้าน่าจะรู้สิ”
“ข้าเห็นว่าตอนนี้ฉีต้าเหอมีสภาพอนาถมาก เจ้าสนิทกับเขาขนาดนั้น ระวังจะโดนร่างแหไปด้วย!”
สีหน้าของซุนฉีเย็นชาขึ้น เขาพูดต่อว่า
“คนต่อไป เซี่ยมู่!”
เซี่ยมู่พยักหน้าให้คนพวกนั้น จากนั้นก็เดินไปอีกฝั่ง
ตอนที่เดินไปหยุดที่หน้าประตู ฉีต้าเหอก็รีบพูดขึ้นมาว่า
“เซี่ยมู่! เซี่ยมู่เจ้าจะต้องช่วยยืนยันให้ข้านะ ว่าข้าเป็นผู้บริสุทธิ์!”
ซุนฉีมองฉีต้าเหอด้วยสายตาที่เป็นคำเตือน เขาจึงตัวสั่นสะท้านขึ้น ไม่กล้าพูดอันใดอีก
เซี่ยมู่ชะงักฝีเท้าเล็กน้อย จากนั้นก็เดินเข้าไปด้านใน
เจียงอวี่เฉิงกำลังนั่งอยู่ที่ด้านบน
เมื่อเห็นเซี่ยมู่เดินเข้ามา เขาก็พูดขึ้นว่า
“ถอดหน้ากากออก!”