ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 659 อยู่ระดับนั้น
ตอนที่ 659 อยู่ระดับนั้น
ก๊อกๆ!
ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น ทำลายความเงียบที่อยู่ภายในห้อง
“คุณชายใหญ่ องค์หญิงสามมาหาขอรับ!”
ซุนฉีพูดขึ้นด้วยความเคารพ
เจียงอวี่เฉิงขมวดคิ้วแน่นขึ้น
ซั่งกวนหว่าน?
เหตุใดจู่ๆ นางถึงมาหาเขาถึงที่จวนนี้ได้เล่า?
เขาลุกขึ้นยืน จากนั้นก็กวาดสายตามองร่างกายของเซี่ยมู่ด้วยความเย็นชา
“เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน!”
เซี่ยมู่โค้งตัวลง พร้อมก้มหน้า ราวกับว่ากำลังตื่นตระหนกอย่างมาก
เจียงอวี่เฉิงเปิดประตูห้องออกไป แล้วหันไปมองทางซุนฉี
“องค์หญิงสามมาที่นี่คนเดียวหรือ? แล้วตอนนี้นางอยู่ที่ใด?”
ซุนฉีรีบตอบขึ้น
“เรียนคุณชายใหญ่ องค์หญิงสามนั่งรถม้าออกมาพร้อมกับฉานอี้ขอรับ ตอนนี้กำลังอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ขอรับ วันนี้นายท่านและฮูหยินไม่อยู่ที่จวน ดังนั้นตอนนี้…คุณหนูสี่จึงออกไปต้อนรับอยู่ขอรับ ส่วนบ่าวก็รออยู่ด้านนอกเรือนขอรับ”
เจียงอวี่จือ?
ข้าบอกให้นางอยู่แต่ในเรือนของตนเองไม่ใช่หรือ เหตุใดถึงวิ่งโร่ไปที่ห้องโถงใหญ่ได้เล่า?
เจียงอวี่เฉิงนึกถึงเรื่องที่เคยพูดกับเจียงอวี่จือได้ทันที เขาจึงรู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก
ช่วงเวลานี้ไม่รู้ว่าเจียงอวี่จือทำตัวดีขึ้นบ้างหรือไม่ หากนางยังมีความคิดเหมือนเมื่อก่อนแล้วละก็ เช่นนั้น…เกรงว่าจะเป็นเรื่องไม่ดีแล้ว!
เขาครุ่นคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็ตัดสินใจรีบไปที่นั่นด้วยตนเองทันที
ในตอนนี้เขาไม่ไว้ใจเจียงอวี่จือเลยแม้แต่น้อย
ยิ่งไปกว่านั้น องค์หญิงสามที่มาปรากฏตัวอย่างกะทันหัน บางทีอาจจะมีเรื่องสำคัญก็เป็นได้
“ข้าจะไป”
เจียงอวี่เฉิงพูดขึ้น จากนั้นก็ชี้ไปที่กลุ่มคนทางชายหน้าบากที่ออกมาก่อนหน้านี้
“พวกเจ้ากลับไปได้ จำเอาไว้ ห้ามแพร่งพรายเรื่องวันนี้แม้แต่ครึ่งคำ! หากข้ารู้มาว่าพวกเจ้าปล่อยข่าวลือออกไปแล้วละก็…พวกเจ้าน่าจะรู้ผลลัพธ์สินะ”
“ขอรับ!”
ชายหน้าบากและคนอื่นๆ ขานรับอย่างพร้อมเพรียง ในใจรู้สึกมีความสุขอย่างมาก ก่อนจะทยอยจากไปทีละคน
ส่วนคนที่ยังไม่ได้รับการไต่สวน ก็ต้องรออยู่ในจวนต่อไปอย่างไม่ต้องสงสัย พวกเขาจึงอดเหลือบสายตามองกลุ่มชายหน้าบากที่เดินออกไปด้วยแววตาอิจฉาไม่ได้
เจียงอวี่เฉิงเหลือบสายตามองฉีต้าเหออยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดกับซุนฉีด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“ส่งคนมาคุมกันคนผู้นี้และคนที่อยู่ในห้องให้ดี!”
ซุนฉีรู้สึกตกใจอย่างมาก นี่เท่ากับเขาเลือกฉีต้าเหอแล้วใช่หรือไม่…
“ขอรับ!”
เมื่อเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของเจียงอวี่เฉิง เขาก็ขานรับทันที จากนั้นเขาจึงส่งองครักษ์สองคนเข้าไปในห้องอีกด้วย เพื่อจับตามองเซี่ยมู่อย่างใกล้ชิด
หลังจากเขาสั่งการเรื่องเหล่านี้เสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็เดินออกมา
หลังจากที่เขาเดินออกมาแล้ว คนส่วนใหญ่ที่อยู่ในเรือนก็ลอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
มีเพียงฉีต้าเหอเท่านั้นที่ตระหนกมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เหตุใดเซี่ยมู่ก็โดนคุมตัวด้วยเหมือนกันล่ะ?
ดูจากท่าทางของคุณชายใหญ่เมื่อครู่นี้แล้ว ท่าทางที่เขาปฏิบัติต่อเซี่ยมู่ก็ช่าง…
หรือว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวข้องกับเซี่ยมู่จริงๆ?
ไม่ ไม่ใช่!
ตอนที่อยู่ชายแดนใต้ อันตรายอยู่รอบด้าน ทุกคนถูกสถานการณ์บังคับให้กระจายตัวออกไป
แม้กระทั่งคุณชายใหญ่เองก็หายสาบสูญ ติดต่อพวกเขาไม่ได้หนึ่งวันเต็มๆ
แต่เขากับเซี่ยมู่นั้นอยู่ด้วยกันตลอดเวลา!
ไม่ว่าจะเป็นเขาหรือเซี่ยมู่ ก็สามารถเป็นพยานยืนยันความบริสุทธิ์ให้กันและกันได้
แต่เหตุใดตอนนี้เหมือนว่าคุณชายใหญ่จะปักใจเชื่อว่าเป็นฝีมือของพวกเขาแล้วล่ะ?
แล้วอีกอย่าง…เมื่อครู่คุณชายใหญ่ถามแค่สองสามคำถามเท่านั้น แต่สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปอย่างกะทันหันก่อนจะตัดสินใจว่านี่เป็นฝีมือของเขา
ส่วนเขาแม้แต่โอกาสอธิบายยังไม่มีเลย แต่กลับถูกไล่ออกมาและมีคนเหล่านี้จับตามองอยู่
ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า สิ่งที่กำลังรอพวกเขาอยู่นั่นคืออันใด!
หรือว่าเซี่ยมู่ก็เผชิญสถานการณ์เดียวกันกับเขา?
ฉีต้าเหอมองไปยังห้องนั้นด้วยใจจดใจจ่อ แต่น่าเสียดายที่เขาเห็นเพียงร่างขององครักษ์สองคน ไม่เห็นแม้แต่เงาของเซี่ยมู่เลย
“ยืนนิ่งๆ สิ!”
องครักษ์ที่ยืนอยู่ด้านข้างเตะเข้าที่ข้อพับของเขาอย่างแรง จนเขาเกือบจะล้มตัวลงที่พื้น
ในใจของฉีต้าเหอรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก เขาไม่กล้ามองที่ห้องนั้นอีกแล้ว จึงต้องถอนสายตาออกมา ในใจหดตัวลง
หรือว่าครั้งนี้ เขาจะต้องตายที่นี่แล้วจริงๆ…
…
ฉีต้าเหอเป็นห่วงตัวเองกับเซี่ยมู่อย่างมาก
แต่เซี่ยมู่ที่อยู่ในห้องนั้นกลับสงบนิ่ง
หลังจากเจียงอวี่เฉิงออกไปแล้ว องครักษ์สองคนก็เดินเข้ามา ทั้งร่างกายเต็มไปด้วยจิตสังหาร ราวกับว่าต้องการฆ่าเขาให้ตายตรงนี้
แต่ใบหน้าครึ่งล่างของเซี่ยมู่ก็ยังดูเรียบเฉยอย่างมาก เหมือนไม่รู้ว่าตอนนี้เขากำลังเผชิญหน้ากับอันตรายอยู่
เขาลุกขึ้นยืน จากนั้นก็สาวเท้าไปที่ด้านข้าง
ตึง!
“เจ้าจะทำอันใด!”
เซี่ยมู่เองก็ยังคงเดินหน้าต่อไป ราวกับไม่ได้สังเกตเห็นองครักษ์สองคนนั้น จากนั้นเขาก็หยุดยืนตรงหน้าเก้าอี้ไม้หลี่…
ก่อนจะนั่งลง
ใบหน้าขององครักษ์ทั้งสองแข็งค้างไป
นี่มัน…เพราะเขายืนจนเมื่อยแล้ว จึงจะเดินไปนั่งอย่างนั้นหรือ!?
“ลุกขึ้นมา! เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร? ถึงกล้านั่งซี้ซั้วเช่นนี้!?”
หนึ่งในองครักษ์ก็ยกดาบขึ้น ราวกับว่าวินาทีถัดมาเขาจะตัดศีรษะของเซี่ยมู่แล้ว
แต่เซี่ยมู่กลับเงยหน้าขึ้นมาเท่านั้น พร้อมเหลือบสายตามองเขาทั้งสองอย่างแผ่วเบา
แววตาราบเรียบดุจสายน้ำที่เงียบสงบ ไม่มีระลอกคลื่นใดๆ
แต่เมื่อมองดูอย่างเงียบๆ กลับเห็นว่ามีแรงกดดันที่ไร้รูปร่างปรากฏขึ้น
องครักษ์คนนั้นกวัดไกวดาบไปมา แต่กลับพูดอันใดไม่ออกแม้แต่ครึ่งคำ
“ช่างเถิด ข้าจะมาคิดเล็กคิดน้อยกับไอ้ใบ้คนหนึ่งได้อย่างใด? รอคุณชายใหญ่กลับมา เจ้าได้น่าดูแน่!”
องครักษ์อีกคนหนึ่งก็ไม่อยากก่อเรื่องมาก จึงแค่พูดไปสองสามประโยคเท่านั้น
ตอนที่คุณชายใหญ่ไป เขาสั่งแค่ว่า ให้จับตาดูคนคนนี้ให้ดี
นี่คือคนที่คุณชายใหญ่ต้องการ แล้วพวกเขาจะกล้าฆ่าเซี่ยมู่ผู้นี้ได้อย่างใด?
ต่อให้แค่ทำร้ายเขา ก็คงจะเป็นเรื่องไม่ดีอย่างแน่นอน
ไม่ว่าอย่างใดก็ตามอีกเดี๋ยวคุณชายใหญ่ก็คงจะกลับมาแล้ว ขอเพียงแค่เซี่ยมู่ไม่ทำตัวเหิมเกริม พวกเขาก็ไม่ต้องไปบังคับอีกฝ่ายมาก
“ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะทำตัวกำเริบเสิบสานไปถึงเมื่อใด!”
องครักษ์ที่ยกดาบขึ้นมานั้น ก็ถือโอกาสพูดหาทางลงให้ตนเอง
เซี่ยมู่เองก็เหลือบสายตามองชายสองคนนั้นเบาๆ พร้อมเอนกายพิงพนักเก้าอี้โดยไม่เคลื่อนไหวอันใดอีก
แต่ทว่า…
เซี่ยมู่นั่งลง องครักษ์ทั้งสองยืนอยู่
เซี่ยมู่อยู่ว่างๆ ทำตัวผ่อนคลาย องครักษ์ทั้งสองระวังตัวสุดขีด
แต่เซี่ยมู่ที่เป็นคนโดนคุ้มกันแท้ๆ กลับผ่อนคลายมากกว่าองครักษ์ทั้งสองคนนั้นอีก
ราวกับว่า…เขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้อย่างแน่นอน
เซี่ยมู่เอนกายพิงเก้าอี้ แล้วครุ่นคิดอย่างเกียจคร้าน
ซั่งกวนหว่านมา เช่นนั้นคงอีกนานกว่าเจียงอวี่เฉิงจะกลับมา แน่นอนว่าเขาจะต้องพักผ่อนให้ดี
…
ห้องโถง
“…ไม่ว่าอย่างใดข้าก็รู้สึกว่าฉู่หลิวเยว่ผู้นั้น น่ารังเกียจมาก…เพิ่งมาซีหลิงได้แค่ไม่กี่วัน แต่คาดไม่ถึงว่าจะกำเริบเสิบสานขนาดนี้แล้ว ในอนาคตไม่รู้ว่านางจะวางท่ายิ่งใหญ่ขนาดไหนเชียว!”
เจียงอวี่จือพูดขึ้น ใบหน้าเต็มไปด้วยความเคียดแค้นระคนโมโห
“ตอนนี้นางยังกล้ารังแกข้าที่เป็นคุณหนูสี่ตระกูลเจียง ไม่แน่ว่าในอนาคตนางอาจจะหมิ่นเกียรติขององค์หญิงสามแล้ว!”
ซั่งกวนหว่านได้ยินดังนั้น จึงพูดออกมาเสียงเรียบว่า
“ข้ารู้ว่าใบหน้าของนางมีความคล้ายกับพี่หญิงใหญ่ แต่บนโลกนี้ก็มีคนที่หน้าคล้ายกันมากมาย ใบหน้านี้พ่อแม่ให้มา จะโทษใครได้เล่า? อีกทั้งข้าคิดว่า ฉู่หลิวเยว่คนนี้ก็พอใช้ได้…อวี่จือ ข้าคิดว่าเพราะนางแย่งของของเจ้า เจ้าจึงรู้สึกเกลียดนางอย่างนั้นใช่หรือไม่?”
พูดมาตั้งมากมาย แต่ความหมายของเจียงอวี่จือมีเพียงอย่างเดียวเท่านั้น
…นั่นคืออยากจะยืมมือซั่งกวนหว่านกำจัดฉู่หลิวเยว่
แม้ว่านางจะไม่ชอบฉู่หลิวเยว่มาก แต่ไม่ชอบคนที่แย่งของของนางมากกว่า
เจียงอวี่จือลังเลอยู่ครู่หนึ่ง
“แน่นอนว่าไม่ใช่เพคะ! นาง…ความจริงแล้วมีอีกเรื่องหนึ่ง ข้าไม่เคยบอกองค์หญิงมาก่อนเลย”
นางกดเสียงลงต่ำ
“ในห้องหนังสือของท่านพี่ ความจริงแล้วมี…”
แต่ทันใดนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นขัดจังหวะการพูดของเจียงอวี่จือ
“หว่านเอ๋อร์!”