ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 679 ให้นางไปเถิด
ตอนที่ 679 ให้นางไปเถิด
เช้าวันรุ่งขึ้น หรงซิวพาเยี่ยนชิง อวี๋มั่ว และผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกออกเดินทางพร้อมกัน
แม้ว่าในใจของฉู่หลิวเยว่จะยังไม่อยากแยกจาก แต่มันก็ต้องเป็นเช่นนั้น นางจึงหวังไว้ในใจว่าจะต้องจัดการเรื่องเหล่านี้ให้เร็วที่สุด
หิมะที่อยู่บนถนนก็ถูกทำความสะอาดไปเรียบร้อยแล้ว หลังจากฉู่หลิวเยว่ส่งพวกเขาแล้ว นางก็กลับไปยังสำนักชงซูเก๋อ
อวี้ฉือซงและผู้อาวุโสซย่าอี้กำลังปรึกษากันว่าจะส่งใครไปยังแดนภังคะ
พวกเขานั้นแตกต่างสำนักอื่น เพราะคนของสำนักชงซูเก๋อไม่มีใครสนใจเรื่องนี้เลยสักคน
ส่วนหนึ่งเพราะในช่วงสองปีที่ผ่านมาสำนักชงซูเก๋อประสบกับภัยอันตรายอย่างต่อเนื่อง ตอนนี้พวกเขาสามารถรอดมาได้อย่างยากลำบาก พวกเขาต้องการจะบำเพ็ญเพียรแบบธรรมดามากกว่า และไม่ต้องการเอาชีวิตไปเดิมพันกับโอกาสที่ไม่แน่นอนด้วย
อีกส่วนหนึ่งเพราะตอนนี้สำนักชงซูเก๋อมีลูกศิษย์เหลือไม่ถึงหนึ่งร้อยคน ถ้าต้องส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นไปประสบเหตุอันตรายอีก นั่นคงไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเท่าไรนัก
เพราะถ้าหากเกิดเรื่องอันใดขึ้นมาล่ะ?
ไม่ว่าอย่างใดอวี้ฉือซงและผู้อาวุโสซย่าอี้หรือว่าศิษย์คนอื่นๆ ที่อยู่ในสำนัก จึงสงวนท่าทางต่อการเดินทางครั้งนี้อย่างมาก
ยิ่งไปกว่านั้นต้องเดินทางร่วมกับองค์หญิงสามและศิษย์จากสำนักอื่นๆ
ระหว่างนั้นจะเกิดอันใดขึ้นก็เป็นเรื่องที่พูดยาก
“…การเดินทางครั้งนี้อันตรายมาก อีกทั้งไม่มีประโยชน์ที่ดีอันใดสำหรับพวกเราเลย ข้าคิดว่า…ไม่ควรไป?”
ผู้อาวุโสซย่าอี้ถามขึ้นอย่างหยั่งเชิง
“อย่างใดก็ตามพวกเขาก็ไม่ได้บังคับ หากเราเว้นรายชื่อทั้งสิบว่างเอาไว้ คนจากสำนักอื่นๆ คงจะดีใจอย่างมากสิไม่ว่า”
อวี้ฉือซงลูบเคราของตนเอง
“แม้ว่าจะเป็นทางเลือกที่ไม่เลว แต่สำนักอื่นล้วนส่งไปทั้งสิ้น ถ้ามีเพียงสำนักชงซูเก๋อที่ไม่ส่งไป เกรงว่าจะต้องถูกวิจารณ์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้…พวกเราเพิ่งปกป้องตำแหน่งสี่สำนักใหญ่เอาไว้ได้ หากครั้งนี้ไม่ไปก็เกรงว่าจะไม่เหมาะสม”
เหมือนว่าเรื่องนี้จะเป็นการหารือจากวังหลวงและสำนักต่างๆ ทั้งหลาย
ความจริงแล้วหากไม่มีการยอมรับจากองค์หญิงสาม ซ่งหลวนไม่มีทางพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเองอย่างแน่นอน
นั่นก็หมายความว่า การเดินทางครั้งนี้จะไม่ไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นจะเป็นการล่วงเกินองค์หญิงสามได้
ผู้อาวุโสซย่าอี้ขมวดคิ้วแน่น สีหน้าจริงจัง
“ไม่เช่นนั้นก็เลือกวิธีพบกันครึ่งทางเป็นอย่างใด? พวกเราก็เลือกลูกศิษย์ไปแค่ไม่กี่คน…ตอนนี้ลูกศิษย์ของสำนักชงซูเก๋อมีจำนวนน้อยมาก ไปกันไม่กี่คนก็เป็นเรื่องสมควรแล้ว…”
อวี้ฉือซงพยักหน้า
“ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่ได้ แล้วจะส่งใครไป…เรื่องนี้ก็ลำบากเล็กน้อย…”
ลูกศิษย์ของสำนักชงซูเก๋อน่าจะไม่มีใครยินยอมที่จะไป
เขาเองก็รู้สึกลำบากใจอย่างมาก
“อาจารย์ ให้ข้าไปเถอะ!”
เสียงกระจ่างใสดังขึ้นจากด้านนอกประตู
พวกเขาทั้งสองหันไปพร้อมเพรียง จากนั้นก็เห็นว่าเป็นฉู่หลิวเยว่สวมอาภรณ์สีแดงทั้งร่าง เดินเข้ามาจากด้านนอกประตู ขณะที่หิมะกำลังโปรยปราย
“หลิวเยว่ เจ้ากลับมาแล้วหรือ?”
อวี้ฉือซงเป็นคนพูดขึ้นมาคนแรก พร้อมกวาดสายตาขึ้นลงสำรวจฉู่หลิวเยว่ ในแววตามีประกายแปลกใจเล็กน้อย
“เจ้าเป็นจอมยุทธระดับห้าแล้วหรือ?”
นางเพิ่งจากที่นี่ไปแค่สองวัน เหตุใดถึงทะลวงด่านได้อีกแล้วละ!?
ฉู่หลิวเยว่กะพริบตาปริบๆ
“ก่อนหน้านี้ในงานประชุมสำนักข้าได้เรียนรู้สิ่งต่างๆ มากมาย จึงทำให้ทะลวงด่านได้อย่างราบรื่น”
อวี้ฉือซงและผู้อาวุโสซย่าอี้เงียบไปครู่หนึ่ง
พรสวรรค์ระดับนี้…ความสามารถในการทะลวงด่านรวดเร็วเช่นนี้…จะให้พวกเขาพูดอันใดได้อีกล่ะ?
หลังจากนั้นไม่นานอวี้ฉือซงก็กระแอมไอแล้วถามขึ้นว่า
“องค์หญิงสามไม่ได้สร้างความลำบากใจให้เจ้าใช่หรือไม่?”
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มและส่ายหน้า
“ไม่มีเจ้าค่ะ ที่องค์หญิงสามเรียกข้าไปนั้นเพียงแค่คุยเรื่องสัพเพเหระเท่านั้นเอง เดิมทีข้าจะต้องกลับตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่หิมะตกหนักมาก ข้าจึงต้องพักอยู่ที่จวน”
หลังจากแน่ใจแล้วว่านางปลอดภัย อวี้ฉือซงจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก
เขาไม่เคยมีความประทับใจต่อซั่งกวนหว่านเลย เขารู้สึกว่านางเป็นคนจิตใจคับแคบ และใส่ใจกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆ มากเกินไป
กอปรกับตอนนี้นางไม่เพียงรับช่วงต่อจากซั่งกวนเยว่เท่านั้น อีกทั้งได้กำหนดวันมงคลสมรสกับเจียงอวี่เฉิงแล้ว เขาจึงรู้สึกขยะแขยงมากกว่าเดิมหลายเท่านัก
หากซั่งกวนหว่านมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อซั่งกวนเยว่จริงๆ ละก็ นางจะแต่งงานกับอดีตคู่หมั้นของอีกฝ่ายได้อย่างใด?
อวี้ฉือซงไม่ได้พูดออกไป ในช่วงสองปีที่ผ่านมานี้เขาไม่ได้เข้าไปยุ่งกับวังหลวงมากนัก แต่เขาก็รู้สึกไม่พอใจอย่างมากกับสิ่งที่ซั่งกวนหว่านและเจียงอวี่เฉิงกระทำ
“งั้นก็ดีแล้ว”
อวี้ฉือซงพยักหน้า แล้วถามขึ้นว่า
“เมื่อครู่เจ้าพูดว่าจะไปแดนภังคะหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าด้วยท่าทีจริงจังว่า
“เจ้าค่ะ”
“เจ้าคิดดีแล้วหรือ? แม้ว่าที่แห่งนั้นจะซ่อนสมบัติไว้มากมาย แต่มันก็อันตรายมาก การเดินทางไปครั้งนี้ไม่สามารถคาดเดาสิ่งใดได้เลยจริงๆ หลิวเยว่ พรสวรรค์ของเจ้าอยู่ในลำดับต้นๆ อีกทั้งยั้งพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ความจริงแล้วเจ้าไม่จำเป็นต้องไปเลยก็ได้ เจ้าคิดดีแล้วจริงๆ หรือ?”
อวี้ฉือซงเคยเห็นฉู่หลิวเยว่จัดการกับทรายรวมศูนย์มาก่อน เขารู้ดีว่านางมีไพ่ไม้ตายที่ไม่ธรรมดา
สำหรับเขาแล้ว ไม่ว่าฉู่หลิวเยว่จะอยู่ที่ใด นางก็ยังสามารถทะลวงด่านได้อย่างราบรื่นและกลายเป็นยอดฝีมือลำดับต้นๆ ได้
การไปแดนภังคะนั้นไม่จำเป็นสำหรับนางเลย
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย
“ศิษย์ตัดสินใจแล้วเจ้าค่ะ อาจารย์อย่าห้ามศิษย์เลย สำนักชงซูเก๋อจะไม่มีคนไปไม่ได้ ให้ข้าไปนั้นเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดแล้ว”
นางเป็นลูกศิษย์สำนักชงซูเก๋อและเป็นที่หนึ่งในงานหมื่นทูร เท่านี้ก็ควรจะต้องไปแล้ว
หากสำนักชงซูเก๋อต้องส่งศิษย์ไปแค่ไม่กี่คน คนที่เหมาะสมที่สุดก็ต้องเป็นนางอย่างไม่ต้องสงสัย
“แล้วอีกอย่างศิษย์สามารถปกป้องตนเองได้ และจะระมัดระวังอย่างมาก อาจารย์ไม่ต้องเป็นห่วงนะเจ้าคะ”
อวี้ฉือซงและผู้อาวุโสซย่าอี้สบสายตากัน
เหมือนว่าฉู่หลิวเยว่จะอยากไปจริงๆ
อีกทั้งสิ่งที่นางพูดมานั้นก็มีเหตุผลอย่างมาก
อวี้ฉือซงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ในที่สุดก็ตกลง
“ดี! ในเมื่อเจ้าอยากไป เช่นนั้นอาจารย์ก็จะไม่ห้ามเจ้า ขอเพียงให้เจ้าจดจำเอาไว้ให้ดี คำนึงเรื่องความปลอดภัยไว้ก่อน! หากเจอเรื่องอันตราย ห้ามอวดดีเด็ดขาด! เมื่อเวลาจำเป็น อย่าลืมร้องขอความช่วยเหลือ”
ที่เขาพูดถึงนั้นหมายถึงนกหวีด
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกอบอุ่นหัวใจขึ้นมา
“ศิษย์เข้าใจแล้ว อาจารย์ได้โปรดวางใจ”
“ข้าก็จะไป”
ฉู่หลิวเยว่เพิ่งพูดจบ ทันใดนั้นที่นอกประตูก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้ง
นางหันกลับไปมอง
เป็นเชียงหว่านโจวที่ยืนอยู่ตรงนั้น
เด็กหนุ่มใบหน้างดงามสีหน้าไม่แสดงอารมณ์ ผมสั้นสีทองที่อ่อนนุ่มปรกหน้าปรกตา
แต่ในแววตาของเขามีประกายหนักแน่น และกระจ่างใสอย่างมาก
ฉู่หลิวเยว่ยิ้มออกมา
ความจริงนางก็เดาได้อยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้ตกใจอันใดมากนัก
นางหันหน้าไปมองอวี้ฉือซงและผู้อาวุโส
“เสี่ยวโจวฝีมือไม่อ่อนด้อย ให้ไปกับข้าก็คงไม่เลว ท่านทั้งสองมีความคิดเห็นเช่นไรเจ้าคะ”
ผู้อาวุโสซย่าอี้หัวเราะเสียงดัง
“ในเมื่อเจ้าไป เจ้าเด็กคนนี้ต้องติดตามไปด้วยอยู่แล้ว! ต่อให้พวกเราไม่เห็นด้วย เขาก็จะต้องแอบตามไปอยู่ดี! หากเป็นเช่นนั้นละก็ พวกเราก็ไม่สามารถพูดคำว่า “ไม่” ไม่ใช่หรือ?”
เชียงหว่านโจวเป็นคนติดตามของฉู่หลิวเยว่อยู่แล้ว นางอยู่ที่ไหน เขาก็จะติดตามไปด้วย
อีกทั้งเขามีนิสัยรักสันโดษ แต่เขากลับเชื่อฟังฉู่หลิวเยว่ทุกคำ
ความจริงแล้วหากเขาติดตามฉู่หลิวเยว่ไปก็นับว่าไม่เลวเลย
ท้ายที่สุดแล้วเขาก็มีฝีมือแข็งแกร่งมาก
อวี้ฉือซงหัวเราะอย่างจนปัญญา
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าทั้งสองคนก็ไปเถิด”
“…เจ้าสำนัก อาจารย์ ข้า…ข้าไปได้หรือไม่เจ้าคะ?”
ด้านหลังของเชียงหว่านโจว มีศีรษะเล็กๆ โผล่ออกมา
ใบหน้ากลมๆ ปรากฏแก่สายตาของทุกคน
ผู้นั้นคือเย่หรานหร่าน
ผู้อาวุโสซย่าอี้ตกใจอย่างมาก
“หรานหร่าน เหตุใดเจ้าถึงอยากไปล่ะ?”
เย่หรานหร่านอายุยังน้อย ในสายตาของเขานางยังเป็นเด็กเล็กอยู่
นางเชื่อฟังมาตลอด คิดไม่ถึงว่าครั้งนี้นางจะต้องการไปสถานที่ที่อันตรายอย่างแดนภังคะ
เย่หรานหร่านพูดขึ้นอย่างรู้สึกผิดว่า
“ข้า…ข้าได้ยินมาว่าที่แดนภังคะมีสมุนไพรมากมาย…ข้าจึงอยากไปดู…”
นางอยากไปจริงๆ
เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง แต่ถ้าเรื่องที่เกี่ยวกับการหลอมโอสถ เย่หรานหร่านจะมีความกระตือรืนร้นและแน่วแน่อยู่เสมอ
มันจึงสมเหตุสมผลแล้วที่แดนภังคะจะสามารถล่อลวงนางได้
แต่ว่าที่แห่งนั้นมันอันตรายอย่างมาก…
ผู้อาวุโสซย่าอี้ขมวดคิ้วแน่น เงียบไปอยู่นาน
เย่หรานหร่านมองฉู่หลิวเยว่อย่างกระตือรือร้น
ริมฝีปากของฉู่หลิวเยว่อ้าขึ้นเล็กน้อย พร้อมมองอวี้ฉือซงและผู้อาวุโสซย่าอี้
“ให้นางไปเถิดเจ้าค่ะ”