ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 683 ไม่รู้
ตอนที่ 683 ไม่รู้
เมื่อฉู่หลิวเยว่ลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง นางก็กลับมาที่ห้องของตนเองในสำนักชงซูเก๋อแล้ว
หลังจากมั่นใจว่าตนเองกลับมาอย่างปลอดภัยแล้ว ฉู่หลิวเยว่จึงถอนหายใจออกมายาวๆ
อันตรายมาก…
เมื่อครู่นางเกือบโดนเจียงอวี่เฉิงจับได้แล้ว!
ถ้าหากนางช้ากว่านี้อีกแค่ก้าวเดียว…
แต่ใครจะไปคิดเล่าว่าเจียงอวี่เฉิงจะมาที่เรือนฉินอย่างกะทันหันเช่นนี้?
นางถอดเสื้อคลุมฉางเผ่าสีดำบนร่างกายออก จากนั้นหันไปถามอินทรีสามตาว่า
“เมื่อครู่เขาเห็นเจ้าหรือไม่?”
“ไม่เห็น”
น้ำเสียงของอินทรีสามตายังคงสงบนิ่งเช่นเดิม พร้อมสายตาดูถูก
“ก็แค่พวกด้านนอกแข็งแกร่งด้านในอ่อนแอ”
เมื่อเทียบกับจอมยุทธที่อยู่ในระดับเดียวกันแล้ว ปฏิกิริยาตอบสนองของเจียงอวี่เฉิงนั้นย่ำแย่อย่างมาก
ร่างกายของเขาจะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน
แม้ว่าตอนนี้อินทรีสามตาจะไม่มีกายเนื้อ แต่เขาก็ยังเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ อีกทั้งหลังจากทำพันธสัญญากับฉู่หลิวเยว่แล้ว พลังของเขาก็ฟื้นฟูขึ้นอย่างต่อเนื่อง
แม้ว่ามันจะช้า แต่ลมปราณนั้นก็กำลังเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน
ถ้าให้จัดการกับเจียงอวี่เฉิงก็ไม่ใช่ปัญหาเลย
เมื่อฉู่หลิวเยว่ได้ยินดังนั้นก็วางใจ หลังจากได้ยินการวิเคราะห์ของอินทรีสามตา นางก็อดแค่นหัวเราะเย็นๆ ไม่ได้
“ข้าเองก็สัมผัสได้ ฝีมือของเขานั้น…อ่อนแอกว่าเดิมมากนัก ดูแล้วเรื่องทรายรวมศูนย์นั้น น่าจะเป็นฝีมือเขาจริงๆ”
แม้จะไม่รู้ว่าเขาใช้วิธีการใด ทำให้ระดับพลังของตนเองไม่มีการเปลี่ยนแปลง แต่พลังของเขากลับถดถอยลงอย่างเห็นได้ชัด
กอปรกับก่อนหน้านี้นางส่งอุโมงค์เลือดไป…
เกรงว่าตอนนี้สภาพร่างกายของเจียงอวี่เฉิงน่าจะย่ำแย่อย่างมากแล้ว
”แต่ว่า…ของสิ่งนี้นับว่ามีประโยชน์อย่างมาก…ระยะไปกลับไกลขนาดนั้น แต่กลับใช้ปราณดั้งเดิมในร่างกายของข้าไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้น…”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นพร้อมมองไปที่ตราประทับลายดอกท้อหนึ่งดอกตรงข้อมือข้างซ้าย
ดอกท้อส่องแสง แล้วผลิบานอย่างอ่อนโยน
แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดของสิ่งนี้ถึงพานางเข้าไปในเรือนฉิน แต่ก็ยังสามารถกลับมาอย่างปลอดภัยและราบรื่น เพียงเท่านี้ก็สามารถพิสูจน์ความสามารถของมันได้แล้ว
ของชิ้นนี้มีประโยชน์กว่าที่นางคิดเอาไว้มาก
“หากครั้งหน้าได้เจอกับผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหก ข้าจะต้องกล่าวขอบคุณเขาเสียหน่อย”
เมื่อพูดจบฉู่หลิวเยว่ก็ออกไปตรวจสอบกลอนหน้าต่างและประตูอีกครั้ง เมื่อเห็นว่าไม่มีใครเข้ามารบกวน นางจึงหยิบกู่ฉินหลังนั้นออกมาจากแหวนเฉียนคุน และวางไว้ที่ด้านหน้าอย่างระมัดระวัง
เมื่อครู่เกือบจะทำให้ใบโพธิ์สีทองม่วงยอมรับได้แล้ว แต่กลับโดนเจียงอวี่เฉิงเข้ามาขัดจังหวะ
เมื่อมองไปที่กู่ฉินหลังนี้ ในใจของฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกสับสนอย่างมาก
นางคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าตนเองจะเอามันกลับมาด้วยเช่นนี้…
เรื่องเช่นนี้เจียงอวี่เฉิงไม่กล้าส่งเสียง นางจึงไม่กังวลว่าจะมีการตรวจสอบอย่างยิ่งใหญ่
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฉู่หลิวเยว่ก็นึกขึ้นมาได้ว่า จะต้องหาทางเอาใบโพธิ์สีทองม่วงออกมาอีกครั้ง
นางกวาดสายตามองไปทั่ว ในที่สุดก็เห็นว่าตรงมุมมีประกายแสงสีทองม่วงปรากฏขึ้นมา
เหมือนกับใช้พู่กันวาดเส้นอย่างแผ่วเบา มันดูวิจิตรงดงามอย่างมาก
แสงสีทองม่วงกวัดแกว่งเล็กน้อย ราวกับต้องการจะขยับตัวหนี
แต่ว่ารอบด้านกลับถูกปกคลุมด้วยชั้นสีดำหนึ่งชั้น จนไม่สามารถหนีออกไปทางไหนได้
นั่นคือตราประทับที่อินทรีสามตาผนึกขึ้นในช่วงเวลาที่รีบร้อน
แววตาของฉู่หลิวเยว่หดตัวลงเล็กน้อย
“เริ่มเลยเถิด!”
พรึ่บ…
อินทรีสามตาปรากฏตัวขึ้นมาอีกครั้ง!
เงาร่างขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นที่กลางอากาศ
แรงกดดันที่ทรงพลังกระจายอยู่ทั่วทั้งห้อง!
ดวงตาที่สามของอินทรีสามตาเบิกโพลง!
ผนึกสีดำบนตัวกู่ฉินสลายหายไปอย่างรวดเร็ว!
ทันใดนั้นใบโพธิ์สีทองม่วงก็กระโดดออกมา!
แสงสีแดงชาดภายในดวงตาของอินทรีสามตาก็ระเบิดขึ้น!
ตู้ม!
ทันใดนั้นเองใบโพธิ์สีทองม่วงก็ถูกห่อหุ้มเอาไว้! ขยับไปไหนไม่ได้!
เมื่อมองไปจะเห็นว่าด้านนอกเป็นทรงรี โปร่งแสง ดูไปแล้วจะคล้ายกับอำพัน*
ฉู่หลิวเยว่ยื่นมือออกมารับของสิ่งนั้นไป
เมื่อสัมผัสจะรู้สึกว่าร้อนเล็กน้อย พร้อมกลิ่นหอมจางๆ ที่กระจายจากใบไม้ เมื่อวางอยู่ในมือก็สามารถสัมผัสได้ถึงปราณและพลังของสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านในได้อย่างชัดเจน!
พลังดั้งเดิมภายในร่างกายของฉู่หลิวเยว่ก็เหมือนถูกพลังนี้ดึงดูด
“ใบโพธิ์สีทองม่วงแข็งแกร่งขนาดนี้เลยหรือ?”
ฉู่หลิวเยว่เบิกตากว้างขึ้นเล็กน้อยด้วยความตื่นเต้น
เพียงแค่ใบโพธิ์สีทองม่วงเพียงใบเดียว ยังมีพลังมากกว่าสมุนไพรทั้งหมดที่นางเคยเห็นมา!
“นี่คือใบของต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ แน่นอนว่าสมุนไพรเหล่านั้นไม่สามารถเทียบได้อยู่แล้ว”
น้ำเสียงของอินทรีสามตายังแฝงด้วยความภาคภูมิใจ
สมแล้วที่อินทรีสามตาจะเลือกต้นไม้ต้นนี้เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ประจำเผ่า
ฉู่หลิวเยว่มองไปยังก้อนเล็กๆ ที่อยู่กลางฝ่ามือ
“ดังนั้นนี่คือการกักขังมันไว้ชั่วคราวหรือ?”
“ถูกต้อง รอจนหาของที่เหลือได้ครบ ข้าก็จะได้กายเนื้อใหม่แล้ว!”
แม้ว่าปกติอินทรีสามตาจะมีนิสัยไม่แยแส แต่เมื่อพูดประโยคนี้ออกไป ก็ไม่สามารถปกปิดความดีใจเอาไว้ได้
มันถูกขังอยู่ในหม้อน้ำเทวศักดิ์สิทธิ์ตั้งหลายพันปี เดิมทีคิดว่าจะต้องถูกเพลิงกรรมทรมานจนวิญญาณดับสูญ แต่คิดไม่ถึงว่าสถานการณ์จะพลิกผัน และวันที่ได้กลับมาเกิดใหม่!
ถ้าพูดตามหลักแล้ว ในราชวงศ์เทียนลิ่งไม่น่าจะมีใบโพธิ์สีทองม่วงปรากฏขึ้นมาได้
แต่มันก็มี!
ถ้านี่ไม่ใช่ลิขิตสวรรค์แล้วจะเรียกว่าอันใด?
อินทรีสามตาเข้าใกล้การฟื้นกายเนื้อขึ้นอีกก้าว ฉู่หลิวเยว่เองก็รู้สึกดีใจอย่างมาก
แต่นางก็รู้สึกสงสัยอย่างหนึ่ง
“ใบโพธิ์สีทองม่วงนี้ เหตุใดถึงมาอยู่ในฉินหลังนี้ได้เล่า?”
นางยังไม่เคยบอกอินทรีสามตาเรื่องฐานะที่แท้จริงของนาง
ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางรู้ว่าความจริงแล้วฉินหลังนี้เป็นของนาง
นางดีดฉินหลังนี้มาหลายสิบปี แต่กลับไม่เคยรู้เลยว่าด้านในของฉินนั้นจะมีใบโพธิ์สีทองม่วงอยู่!
หรือเพราะว่ามันหลบซ่อนได้ดีมากเกินไป ดังนั้นแม้กระทั่งนางจึงไม่สามารถสัมผัสได้?
ท้ายที่สุดแล้ว ถ้าอินทรีสามตาไม่พูดเรื่องนี้ขึ้นมา นางก็ไม่มีทางรู้ได้เลย
“ใบโพธิ์สีทองม่วงนี้น่าจะหลบอยู่ในกู่ฉินหลังนี้มาหลายปีแล้ว ส่วนใครเป็นคนนำมา…ข้าก็ไม่รู้”
ฉู่หลิวเยว่ตกใจเล็กน้อย
“เจ้าจะบอกว่า…มีคนตั้งใจนำมันมาวางที่นี่หรือ?”
“แน่นอนอยู่แล้ว ในโลกมนุษย์นี้มีต้นโพธิ์สีทองม่วงเพียงแค่สองต้น ต้นหนึ่งอยู่ที่เผ่าของข้า อีกต้นอยู่ที่แดนตะวันออกอันไกลโพ้น อีกทั้งที่นี่อยู่ห่างจากที่นี่ตั้งไม่รู้กี่พันลี้? ใบโพธิ์สีทองม่วงอันเล็กๆ ขนาดนี้ไม่มีทางเดินทางเองได้อย่างแน่นอน ดังนั้นจะต้องมีคนตั้งใจนำมันมาวางไว้อย่างแน่นอน”
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วมุ่น
หลายปีมาแล้ว…
ที่แห่งนี้มีใบโพธิ์สีทองม่วงเพิ่มมาหนึ่งใบ เหตุใดนางถึงไม่รู้เลยล่ะ?
*อำพัน เป็นซากดึกดำบรรพ์ของยางไม้ เป็นสิ่งมีค่าด้วยสีสันและความสวยงามของมัน (คล้ายอัญมณีแต่มีซากของพรรณไม้หรือสัตว์อยู่ด้านใน)