ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 695 เข้าใกล้
ตอนที่ 695 เข้าใกล้
เขากวาดสายตามองรอบบึงโคลนสีดำ ก่อนจะพบว่ามันกว้างใหญ่เสียจนมองไม่เห็นริมบึงเลย!
กลิ่นเหม็นเน่าน่าสะอิดสะเอียน ลอยคลุ้งในอากาศจนหายใจไม่ออก!
สถานที่นี้มันอันใดกัน!?
เจียงอวี่เฉิงรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก และรู้สึกขยะแขยงในเวลาเดียวกัน เขาอยากจะออกไปจากสถานที่แห่งนี้โดยเร็วที่สุด!
เขาเงยหน้าขึ้นมองราวสติหลุด
และเห็นความมืดมิดที่ไร้ซึ่งแสงสว่าง
หัวใจของเจียงอวี่เฉิงหล่นไปอยู่ตาตุ่ม!
หมายความว่า…ทางเข้าถูกปิดไปแล้วอย่างนั้นหรือ!?
มิฉะนั้นควรจะมีแสงสว่างลอดผ่านเข้ามาบ้างสิ!
เขามองไปรอบๆ อย่างลุกลนอีกครั้ง และเรียกชื่อคนอื่นๆ ซ้ำๆ แต่ก็ยังไม่มีใครตอบกลับมา
หรือว่ามีแค่เขาตกลงมาคนเดียว?
เจียงอวี่เฉิงขมวดคิ้ว
ทว่าสิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ หลังจากที่เขาตกลงมา ซั่งกวนหว่าน มู่ชิงเห่อและคนอื่นๆ เอง ก็ถูกลากลงมาในรอยแยกนี้เช่นกัน
แต่แค่ว่าพวกเขาทั้งหมดตกลงไปในร่องลึกที่แตกต่างกัน ดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้อยู่ที่เดียวกับตน
และในเวลานี้ สถานการณ์ของพวกเขา ก็ไม่ได้ดีไปกว่าเจียงอวี่เฉิงเลย
เพียงแค่เจียงอวี่เฉิงยังไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องนี้เท่านั้น
แต่เขาทนกับสภาพแวดล้อมของที่นี่ไม่ได้จริงๆ เขาจึงทำได้เพียงเลือกสุ่มหาทิศทาง แล้ววางแผนที่จะออกไปเสียก่อน ส่วนเรื่องอื่นก็ค่อยคุยกันอีกที
ทว่าพอตัดสินใจจะทำตามแผน เขากลับ…ยกเท้าไม่ขึ้น
เขาเริ่มสังหรณ์ใจไม่ดี ก่อนจะค่อยๆ มองลงไป
พลันพบว่าสองเท้าของเขากำลังจมหายลงไปในบึง!
และโดยที่เขาไม่ทันสังเกต โคลนดำๆ เหล่านั้นก็เคลื่อนขึ้นมาถึงข้อเท้าของเขาแล้ว!
เจียงอวี่เฉิงเริ่มกระวนกระวาย แล้วรีบรวบรวมพละกำลัง
แต่ดูเหมือนว่าใต้บึงนั้นจะมีอันใดบางอย่างจับล็อคขาของเขาไว้แน่น ทำให้ยากที่จะหลุดพ้น
หลังจากลองวิธีการต่างๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า แทนที่เจียงอวี่เฉิงจะหลุดออกมาได้ เขากลับถูกดูดลงไปลึกกว่าเดิมเสียอีก
ดินโคลนนั่นไหลขึ้นมาถึงน่องของเขาแล้ว!
หากเป็นเช่นนี้ต่อไป ย่อมไม่ดีแน่!
เจียงอวี่เฉิงเปลี่ยนความคิดทันที และสุดท้ายก็หยิบที่ลิ่มน้ำแข็งขนาดเท่าหัวแม่มือออกมา
พลังปราณดั้งเดิมหลั่งไหลเข้าไป และความเย็นเยียบก็แผ่ออกมาจากมันทันที!
มือของเขาถูกปกคลุมด้วยชั้นน้ำแข็งบางๆ
จากนั้นความหนาวเย็นก็แผ่ซ่านไปทั่วบริเวณ
ไม่นาน หนองน้ำรอบตัวเขาก็เริ่มกลายเป็นน้ำแข็ง
เจียงอวี่เฉิงใช้มือดันขั้นน้ำแข็งไว้ พลันดึงตัวออกไปจากโคลนตม!
มีกลิ่นเหม็นๆ โชยมาแตะจมูกของเขา!
แถมเท้าทั้งสองข้าง และแม้แต่น่องของเขา ก็ล้วนจมอยู่ใต้โคลนสีดำหนาเป็นชั้น!
รองเท้าบู๊ตข้างหนึ่งจมอยู่ในโคลนและนำออกมาไม่ได้
เจียงอวี่เฉิงนั่งลงบนชั้นน้ำแข็ง พลางระงับอาการคลื่นไส้ แล้วโยนรองเท้าอีกข้างทิ้งไป
ตั้งแต่จำความได้ เขาไม่เคยรู้สึกอับอายขนาดนี้มาก่อนเลย!
ทว่าหลังจากทำความสะอาดสิ่งสกปรกบนร่างกายของตนลวกๆ แล้ว ในที่สุดเจียงอวี่เฉิงก็ลุกขึ้น
ทัศนียภาพรอบด้านนั้นยังคงเป็นความมืดอันไร้ที่สิ้นสุด
คิ้วหนาขมวดมุ่นกว่าเดิม
มู่ชิงเห่อไม่เคยบอกเลยว่ามีสถานที่เช่นนี้ซ่อนอยู่ในป่าหมอกมายาด้วย…
แต่ในขณะที่เขากำลังลังเลอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีเสียงแปลกๆ ดังมาจากระยะไกล
ในสถานที่ที่เงียบสงบจนได้ยินแม้กระทั่งเสียงเข็มหล่นลงพื้น เสียงของการเคลื่อนไหวต่างๆ จะดังก้องกังวานและแผ่ขยายอย่างไม่มีที่สิ้นสุด!
จิตใจของเจียงอวี่เฉิงอยู่สภาวะตึงเครียดขั้นสุด ยามได้ยินเสียงนี้ หัวใจดวงน้อยก็ยิ่งสั่นสะท้าน
เขากลั้นหายใจ แล้วยกเท้าขึ้นเดินไปตามทิศทางของเสียง
แต่สิ่งที่เขาไม่ทันได้สังเกตก็คือ หลังจากที่เขาเดินออกไปแล้ว กลับมีมือยื่นออกมาจากหนองน้ำที่อยู่ข้างหลังเขา
โครงกระดูกสีขาวตนหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่ด้านหลังเขา ก่อนจะค่อยๆ ถดตัวกลับลงไปในน้ำ
เกิดระลอกคลื่นน้ำเบาๆ
เสมือนว่ามีบางอย่างแอบเคลื่อนไหวอยู่เงียบๆ
…
พวกของฉู่หลิวเยว่เดินไปอีกประมาณครึ่งชั่วยาม
ต้นไม้นานาพันธุ์ที่อยู่รอบๆ ค่อยๆ บางตาลง แต่พวกมันทั้งหมดกลับยังดูแข็งแรงมาก เสมือนยืนต้นมาเป็นเวลากว่าหนึ่งร้อยปี
แต่จู่ๆ ก็มีค่ายกลอันแสนงดงามปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา!
พร้อมแรงกดดันอันทรงพลังและน่าสะพรึงกลัว ที่แผ่ออกมาจากเบื้องบน!
ฉู่หลิวเยว่จ้องมองค่ายกลตรงหน้า พลางเอ่ยเสียงเรียบ
“เหมือนจะเดินต่อไปไม่ได้แล้วนะ”
ตุบ!
เย่หรานหร่านหอบอย่างหนักแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนพื้น
“ข้าเหนื่อยจะตายอยู่แล้ว… ตกลงมันคือสัตว์อสูรชนิดใดกัน ถึงได้มีอาณาเขตที่ทรงพลังเพียงนี้!”
ในบรรดาคนทั้งหมด นางคือคนที่อ่อนแอที่สุด แต่ตลอดทางนางก็ไม่เคยบ่นสักคำ และยืนกรานที่จะติดตามพวกเขาต่อไป
หลังจากพูดจบ นางก็ไม่ลืมที่จะป้อนยาอายุวัฒนะ เพื่อเติมพลังให้ตัวเอง
จากนั้นก็ยื่นเม็ดยาให้อีกสามคน คนละเม็ด
แม้ว่าฉู่หลิวเยว่เองก็พกยาติดตัวมาด้วย แต่เมื่อเห็นเย่หรานหร่านพยายามยื่นให้อย่างกระตือรือร้น นางก็รับมันด้วยรอยยิ้ม
ส่วนเชียงหว่านโจวที่เห็นนางรับ ก็ยิ่งไม่กล้าปฏิเสธเข้าไปใหญ่
ฉู่หลิวเยว่กินยาอายุวัฒนะ แล้วปรับความเสถียรของลมปราณ และมองกลับไปที่ค่ายกลนั่น
ค่ายกลนี้เปรียบเหมือนที่ครอบแก้วครึ่งวงกลมสีสันสดใสขนาดมหึมา ที่ปกคลุมบริเวณนี้ไว้
เดิมทีลำธารนั้นเป็นเพียงลำธารธรรมดาในป่า
แต่เนื่องจากถูกครอบคลุมด้วยค่ายกล แสงสีรุ้งจำนวนนับไม่ถ้วนที่อยู่บนค่ายกลก็ไหลลงมาและตกลงสู่ลำธาร ก่อนจะค่อยๆ กลายเป็นสิ่งที่พวกเขาเห็น
เมื่อน้ำในลำธารและค่ายกลมาบรรจบเชื่อมต่อกัน ณ จุดๆ หนึ่ง แสงเหล่านั้นก็จะเกิดการควบแน่นแล้วกลายเป็นของแข็ง
ซึ่งถ้ามองไกลๆ ก็จะดูเหมือนค่ายกลผลึกสีรุ้งขนาดใหญ่
ผลึกสีรุ้งจำนวนนับไม่ถ้วนละลายลงในลำธาร และดูงดงามมาก
และเหนือค่ายกลนั้น การบีบบังคับที่กว้างใหญ่และน่าสะพรึงกลัว แสดงให้เห็นถึงอำนาจสูงสุดของมัน!
แม้กระทั่งยืนอยู่ตรงนี้ ฉู่หลิวเยว่ยังรู้สึกหายใจลำบากเลย
เมื่อก่อนนางก็เคยเข้ามาที่ป่าหมอกมายา แต่ไม่เคยพบเคยเจอเหตุการณ์เช่นนี้
เจ้าสิ่งนี้ปรากฏขึ้นตั้งแต่เมื่อใด หรือว่า…มันจะอยู่ตรงนี้มาตั้งเริ่มแรกแล้ว?
และในค่ายกลนั่น มีตัวอันใดอยู่กันแน่?
เนื่องจากค่ายกลตรงหน้าระยิบระยับเกินไป พวกเขาจึงไม่สามารถมองทะลุเข้าไปด้านในได้
นอกจากนี้ กลิ่นหอมๆ นั่นก็ลอยออกมาจากค่ายกลนี้ด้วย!
ความรู้สึกคุ้นเคยเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
จนทำให้ฉู่หลิวเยว่เผลอตัวก้าวไปด้านหน้าอย่างควบคุมไม่ได้
เชียงหว่านโจวขมวดคิ้วพลันดึงนางไว้
ความกังวลฉายชัดบนใบหน้าสวยของเด็กหนุ่ม
“อันตราย”
ฉู่หลิวเยว่มองไปยังดวงตาใสแจ๋วของเขา พร้อมยิ้มบาง
“วางใจเถอะ ข้ารู้ตัวดี”
เชียงหว่านโจวหันกลับไปมองค่ายกลอีกครั้ง ก่อนเอ่ย
“ข้าไปเอง”
พอพูดจบเขาก็พุ่งตัวออกไปทันที
เขาใช้มือทั้งสองข้างกระชับกระบี่เทพเมฆาสำริดแน่น ราวกับว่าเขาพร้อมจะเหวี่ยงมันออกไปทุกเมื่อ หากเกินเหตุการณ์ไม่ชอบมาพากล
ทว่าฉู่หลิวเยว่กลับรั้งเขาไว้ก่อน
และเมื่อเห็นใบหน้าดื้อรั้นของเชียงหว่านโจว ฉู่หลิวเยว่ก็ได้แต่ถอนหายใจ
“เอาอย่างนี้ ข้านำ เจ้าตาม ถ้าเกิดอันใดขึ้นด้านหลังข้า เจ้าก็ลงมือได้เลย”
เชียงหว่านโจวคิดอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดก็ตอบตกลง
ฉู่หลิวเยว่ก้าวเท้าไปสองเก้า เพื่อขยับไปยืนอยู่หน้าเชียงหว่านโจว
ตอนนี้นางอยู่ห่างจากค่ายกลสีรุ้งนั่นเพียงก้าวเดียวเท่านั้น
เพียงแค่เอื้อมมืออกไป ก็สามารถสัมผัสมันได้อย่างง่ายดาย
ฉู่หลิวเยว่สูดหายใจเข้าลึกๆ พลังปราณดั้งเดิมในร่างกายของนางเริ่มไหลเวียนอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ใช้มืออีกข้างยึดจับพรมแดนไวฑูรยะไว้ เพื่อเตรียมพร้อมในการบุกทะลวง
ความจริงแล้ว นางไม่ได้บอกเชียงหว่านโจวและคนอื่นๆ ว่า
นางไม่ได้คิดว่าค่ายกลนี้อันตราย
เพราะด้วยเหตุผลบางอย่าง นางรู้สึกอยู่เสมอว่าค่ายกลนี้ไม่ได้เป็นภัยต่อตัวเอง แม้ว่าพลังที่อยู่ด้านบนนั้นจะสามารถทำลายนางได้ก็ตาม!
ฉู่หลิวเยว่ยื่นมือออกไปช้าๆ
ถวนจื่อนั่งยองๆ บนไหล่ของนาง พร้อมลำแสงสีสันสดใสที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของมัน!