ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 718 ผนึก
ตอนที่ 718 ผนึก
ใบหน้าของเขาเหมือนซ่อนกลืนไปกับสายหมอก ไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจน แต่น้ำเสียงนั้นกลับรู้สึกคุ้นเสียเหลือเกิน ราวกับเคยได้ยินจากที่ไหนสักแห่ง
ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็สัมผัสได้ว่า เสียง “เยว่เอ๋อ” นั้นกำลังเรียกนางอยู่!
ชายผู้นี้เป็นใครกัน?
เหตุใดเขาถึงเรียกชื่อของข้าล่ะ?
อีกทั้งมันยังเป็นน้ำเสียงที่คุ้นหูยิ่งนัก . .
ฉู่หลิวเยว่อยากก้าวไปข้างหน้าจนแทบจะควบคุมตัวเองไม่ได้ แต่ร่างกายดูเหมือนย่ำเท้าอยู่ตรงที่เดิม ไม่อาจเคลื่อนที่ได้เลยแม้แต่น้อย
ระยะห่างระหว่างเราสองต่างห่างกันเพียงเท่านี้ แต่ไม่ว่าอย่างใดก็มิอาจเข้าใกล้ได้เลย
และดูเหมือนว่าชายผู้นั้นจะไม่ได้รีบร้อนอันใด เขายื่นมือออกมา ประหนึ่งว่ากำลังรอให้นางไปหา
ร่างของเขาสูงโปร่งระหงงดงามราวกับหยก สายลมแห่งภูเขาโชยผ่านมา พัดชายเสื้อสีดำของเขาปลิวไหวไปตามสายลม
ดุจดั่งดอกม่านถัวหลัวที่เบ่งบานในคืนเดือนมืด แต่พริ้วไหวล่องลอยดั่งเทพเทวา
ฉู่หลิวเยว่เผยปากของนาง อยากจะพูดอันใดบางอย่าง แต่กลับไม่สามารถพูดอันใดออกมาได้เลยสักคำ
ระหว่างเราสองดูเหมือนมีสิ่งกีดขวางโปร่งใสกั้นค่ายกลนี้อยู่ ทำให้ต่างฝ่ายต่างไม่อาจขยับเข้าหากันได้เลย
เจ้าคือ…
เจ้าคือ…
ฉู่หลิวเยว่รู้สึกตนเหมือนจะรู้จักชายผู้นี้ ระหว่างทรวงอกและมวลท้องเต็มไปด้วยแรงปรารถนาที่จะตะโกนเรียกชื่อของเขาออกมา
ราวกับขอเพียงแค่เรียกชื่อเขาออกมา ก็จะจำได้ว่าเขาเป็นใคร
หากแต่ฉู่หลิวเยว่ทำอย่างใดก็ไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้เลย
นางค่อยๆ เริ่มรู้สึกกระวนกระวายภายในใจลึกๆ
ทันใดนั้น แสงสีทองสว่างปรากฏขึ้นลอยผ่านสายตาไป!
ดวงตาของฉู่หลิวเยว่ติดอยู่กับภาพแสงสีทองที่ส่องแสงเรืองรองไปชั่วขณะ! มองไม่เห็นอันใดเลย!
วินาทีต่อมา ดูเหมือนว่ามีบางอย่างดึงนางอย่างแรง!
ร่างของนางร่วงหล่นลงไปด้านล่าง!
ตุ้บ!
ทุกสิ่งที่อยู่ข้างหน้าพลันลับหายไป!
…
ห่างออกไปหมื่นลี้
ภายในห้องใต้หลังคาที่หรูหรางดงาม ร่างหนึ่งนั่งอยู่ริมหน้าต่าง
วันนี้เขาเปลี่ยนเป็นชุดสีดำ ดูแล้วยิ่งเพิ่มความเยือกเย็นยิ่งขึ้นไม่น้อยเลย
ขณะนี้ เบื้องหน้าของเขา มีกระดานหมากรุกที่วางเรียงรายอยู่อย่างเป็นระเบียบ
ฝั่งตรงข้ามคือผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหก
นิ้วเรียวยาวขาวซีดของเขา หยิบหมากสีขาวขึ้นมา เมื่อมันร่วงหล่นลงกลางอากาศ การเคลื่อนไหวนั้นดูราวหยุดชะงักไปชั่วขณะ
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกเงยหน้าขึ้นมองชายที่อยู่ตรงข้ามเขาอย่างประหลาดใจ
“องค์ชาย?”
เขาเล่นหมากรุกอย่างเด็ดขาดมาโดยตลอด ไม่เคยหยุดกลางคันเช่นนี้
ดูท่าทีแล้ว เหมือนเขากำลังครุ่นคิดอันใดบางอย่างอยู่
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกกำลังจะถามอีกครั้ง ทันใดนั้น เขาเห็นเปลวไฟสีทองลุกโชนที่ปลายนิ้วของอีกฝ่าย!
เปลวไฟนั้นควบแน่นอย่างรวดเร็วรวมตัวกันเป็นตราสัญลักษณ์ครึ่งหนึ่งกลางอากาศ และอันตรธานหายไปอย่างรวดเร็ว
หึ
ตัวเบี้ยระหว่างนิ้วของเขากลายเป็นควันสีขาวพวยพุ่งทันที! ลอยหมุนวนเป็นเกลียวลับหายไป!
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกหรี่ตามอง
พระองค์ทรงใช้ตราสัญลักษณ์เหล่านี้ในเวลานี้เช่นนั้นหรือ . .
“องค์ชาย เกิดอันใดขึ้นหรือท่าน?”
หรงซิวส่ายหัว รอยยิ้มน้อยๆ ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากอันบางเฉียบของเขา
“ไม่มีอันใด”
แต่ความจริงคือ…นางเปิดผนึกบนเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมสีดำนั้นได้เร็วกว่าที่เขาคิดไว้เสียอีก
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกดูท่าทางอันเกียจคร้านของอีกคน รอยยิ้มบนริมฝีปากเผยอขึ้นเล็กน้อย ใบหน้าบางส่วนของเขาเปี่ยมไปความทะนงตนและหลงใหลในความมั่นใจของตน ทว่าเรื่องภายในใจขององค์ชายนั้น เขาจะทายถูกสักเท่าไหร่กันเชียว
“เกี่ยวข้องกับพระชายาหรือไม่”
หรงซิวได้แต่ยิ้ม แล้วหนีบหมากรุกขึ้นมา ก่อนที่มันจะร่วงหล่นลงอีกครั้ง
ตุบ
“อืม”
“นางน่าจะคิดถึงข้าอยู่”
หรงซิวกล่าวอย่างนิ่งๆ และมั่นใจในสิ่งที่ได้เอ่ยออกมา
ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกเม้มปากอย่างสบประมาท
แค่กล่าวว่าคิดคำนึงถึงสะใภ้ก็เพียงพอแล้ว ไม่เห็นต้องพูดว่าคนอื่นนั้นคิดถึงเขาเลย ช่างน่าละอายเสียจริง
“องค์ชาย ผิวหน้าของท่านเหมือนดูหนาขึ้นนะ” ผู้อาวุโสหมิงที่สามสิบหกกล่าวห้วนๆ อย่างไม่เกรงใจ
มุมปากของหรงซิวยิ้มกว้างขึ้น ไม่ได้สนใจที่เขาพูดเลยแม้แต่น้อย ได้แต่ยักคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย
“…ข้าเพียงแค่พูดไปตามความเป็นจริงเท่านั้นเอง เพียงแต่ไม่รู้ . . ”
ไม่รู้ว่านางคิดอันใดเกี่ยวกับเขา?
…
จู่ๆ ฉู่หลิวเยว่ก็ได้ตื่นขึ้นมาจากภวังค์ นางหายใจแรงหอบ หน้าผากเต็มไปด้วยเหงื่ออันเยือกเย็น เสื้อผ้าบนร่างกายล้วนเปียกโชกไปด้วยเหงื่อแนบชิดลำตัว จนแทบจะรับไม่ไหว
พลันรับรู้ถึงสัมผัสนุ่มนวลที่ผ่านเข้ามา
ฉู่หลิวเยว่ลืมตาขึ้นมองด้วยความงุนงง แต่กลับเป็นเจ้าเก้าจิ๋วที่เข้ามา ภายในแววตาแฝงไปด้วยความกังวล
นางเหมือนดั่งตื่นจากฝัน
เมื่อครู่นี้… ภาพนั้น…
ดูเหมือนจะไม่ใช่ภาพหลอน แต่… มันเป็นภาพทรงจำในช่วงเวลาหนึ่ง!
ฉู่หลิวเยว่เม้มริมฝีปากแน่น เกิดความสับสนวุ่นวานขึ้นภายในใจ
ความทรงจำเหล่านี้ มันน่าจะไม่ใช่ของร่างฉู่หลิวเยว่แล้วล่ะ
เช่นนั้น…เป็นของนางอย่างนั้นหรือ?
แต่ทว่า ตั้งแต่นางเกิดมาและตลอดช่วงเวลายี่สิบกว่าปีมานี้ นางไม่เคยมีความทรงจำเช่นนี้เลย!
หรืออาจเพราะ…นางลืมอันใดบางอย่างไปจริงๆ? !
ฉู่หลิวเยว่กำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว สายลมพัดโชยมา รู้สึกหนาวเหน็บไปทั้งร่าง
เมื่อภาพเหตุการณ์นี้ปรากฏขึ้นครั้งแรก นางคิดว่ามันเป็นเพียงภาพลวงตาหรือภาพหลอนเท่านั้น
แต่ในครั้งนี้…
นางรู้สึกได้อย่างแน่ชัดแล้วว่า ฉากทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้นมันชัดเจนมาก
ราวกับนำสิ่งที่มีฝุ่นจับอยู่เป็นเวลานานออกมา เช็ดฝุ่นเหล่านั้นออก ค่อยๆ เผยโฉมรูปลักษณ์เดิมออกมา
ฉู่หลิวเยว่ไม่ค่อยมีความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน
นางรู้สึกเคว้งคว้างราวกับว่านางเหมือนจะพลาดบางสิ่งที่สำคัญไป แต่นางเองก็ไม่รู้เช่นกัน
สิ่งที่รบกวนจิตใจนางยิ่งกว่านั้นคือ ชายชุดดำผู้นั้น ดูเหมือนจะเป็นคนที่สำคัญสำหรับนางอย่างยิ่ง
ฉู่หลิวเยว่หายใจเข้าลึกๆ ค่อยๆ ระงับอารมณ์ที่ว้าวุ่นอยู่ภายในใจ
นางมองไปที่ในตำแหน่งตันเถียนของเจดีย์ฐานสี่เหลี่ยมสีดำอีกครั้ง พบว่ารอยแตกเล็กๆ ด้านบนยังคงอยู่ เพียงแต่แสงสว่างจางๆ จากภายในนั้นได้เลือนหายไปแล้ว
นางเหลือบสายตาไปมอง ภายใต้รอยแตกนั้นคือความมืดครึ้ม ปราศจากสิ่งใดนอกจากความมืดมิดที่ว่างเปล่า
ผนึกนั้นแตกแล้วจริงๆ หากแต่ยังเปิดได้ไม่สมบูรณ์
ฉู่หลิวเยว่พยายามเขย่าผนึก พบว่ามันเปล่าประโยชน์
“สาวน้อย รอยแตกนั้นหมายถึง ถึงเวลาของเจ้ากับกษายะหางวายุตามพันธสัญญาที่ถูกแบ่งแยกด้วยพลังแห่งสรวงสวรรค์นี้แล้ว หากแต่เจ้าต้องเปิดมันด้วยกำลังของตัวเจ้าเอง แต่มันไม่ได้ง่ายเช่นนั้น! ”
ทันใดนั้นเสียงขององค์ไท่จู่ก็ได้ดังขึ้น
ฉู่หลิวเยว่ตกใจ
“พันธสัญญาสัญญา? สรวงสวรรค์?”
“เอ๊ะ นี่เจ้ายังไม่รู้อีกหรือ? กษายะหางวายุนี้เป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าตามข้อตกลงที่ได้ทำพันธสัญญาไว้! เมื่อสัตว์อสูรระดับเก้าได้ทะลวงผ่านอสูรศักดิ์สิทธิ์ พลังแห่งสรวงสวรรค์ที่ได้อัญเชิญมักจะซ่อนอยู่ในทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่เก้า เจ้าเด็กน้อยเมื่อครู่เกือบไม่รอดแล้ว หลังจากทำพันธสัญญากับเจ้าแล้วจึงข้ามผ่านธรณีประตูนี้ไปได้ และด้วยพลังแห่งสรวงสวรรค์นั้น โดยปกติแล้วมันจะถูกแบ่งเป็นส่วนหนึ่งในร่างของเจ้า ”
ความคิดของฉู่หลิวเยว่ก็ได้เปลี่ยนไป
บัดนี้ร่างของนางได้เปลี่ยนแล้ว แน่นอนว่าจะต้องทำพันธสัญญากับเก้าจิ๋วใหม่อีกครั้ง
ตอนนี้ที่นึกขึ้นได้ มันน่าจะเป็นตอนที่เก้าจิ๋วแทงคอนางด้วยกรงเล็บของมัน แล้วบังเอิญพันธสัญญานั้นได้สำเร็จเช่นนั้นหรือ?
ฉู่หลิวเยว่ยกมือคลำไปที่คอของนาง
แผลไม่ใหญ่เกินไป แต่ทว่า แม้ว่าเก้าจิ๋วจะลงมือกับนางตอนที่มันเหมือนจะสูญเสียสติไป แต่ในนาทีสุดท้าย ดูเหมือนมันจะอาศัยพลังแห่งสัญชาตญาณในการหลีกเลี่ยงตำแหน่งที่สำคัญต่อชีวิตทั้งหมด
ตอนนี้เลือดจากบาดแผลได้มีการแข็งตัว บำรุงและปรับสมดุลให้ร่างกายสักพักอาจจะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้
ในเวลานั้น นางเพียงต้องการเรียกเก้าจิ๋วกลับมา ช่วยเก้าจิ๋วให้พ้นผ่านทัณฑ์สวรรค์ครั้งที่เก้านี้ไปให้ได้ นึกไม่ถึงว่าจับพลัดจับผลูได้พันธสัญญาสัญญามาครอบครอง!
จะเห็นได้ว่า พรหมลิขิตระหว่างพวกเขา จะตัดอย่างใดก็ตัดไม่ขาด!
“สิ่งที่อยู่ในร่างกายของเจ้าได้รับการสืบทอดพลังแห่งสรวงสวรรค์ในวันนั้น เหตุการณ์จึงกลายเป็นเช่นนี้ แต่น่าเสียดายที่พลังของผนึกนั้นแข็งแกร่งเกินไป และดูเหมือนว่าจะได้รับการซ่อมแซมด้วยตัวเองอีกครั้ง…”
เสียงขององค์ไท่จู่รู้สึกเสียใจเล็กน้อย
เขานึกว่าเขาจะสามารถใช้โอกาสนี้ได้ ถอดผนึกนั้นออกให้หมดจนได้!
ฉู่หลิวเยว่นิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง ตัดสินใจแล้วว่า
“สักวันหนึ่ง ข้าจะเปิดผนึกนี้ให้ได้”