ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 720 ปราบปราม
ตอนที่ 720 ปราบปราม
แต่ว่า…นี่ แค่เรื่องโชคดีเท่านั้นไม่ใช่หรือ?
เหตุใดนางถึงกล้าพูดแบบนี้ออกมาได้
นี่เป็น ‘จุด’ เด่นหรือ?
นี่มันโชคเข้าข้างสุดๆ เลยไม่ใช่หรือ
นี่จะก็ไม่ใช่คนอื่นมีทางรอดเลยหรือ
ผู้อาวุโสชิวซีเกือบจะหมดลมหายใจ ใบหน้าของเขาขึ้นสีแดงก่ำ
เขาชี้ไปที่ฉู่หลิวเยว่ มือและริมฝีปากสั่นระริก หลังจากเวลาผ่านไปนานเขาก็ยังพูดอันใดไม่ออกเลยแม้แต่คำเดียว
เขายังจะพูดอันใดได้อยู่ล่ะ
เขายังจะสามารถพูดอันใดได้อีกหรือ
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นต่อหน้าธารกำนัล ถึงอยากจะใส่ร้ายนินทาแต่ก็ทำไม่ได้!
กษายะหางวายุตัวนั้นได้ทำพันธสัญญากับนางแล้ว แล้วเขาจะทำสิ่งใดอีก
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตามองเขาแล้วถามขึ้นว่า
“ผู้อาวุโสชิวซีเป็นอันใดไปหรือ? ท่านไม่เป็นไรใช่หรือไม่?”
ผู้อาวุโสชิวซีรีบดึงมือของตัวเองออกทันที แล้วสะบัดแขนเสื้ออย่างแรง พร้อมหมุนตัวเดินออกไป
ตาไม่เห็นนับว่าสะอาด[1]
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะเสียงเย็นในใจ
แน่นอนว่านางสามารถอ่านความคิดของผู้อาวุโสชิวซีออกอยู่แล้ว
นี่ก็เป็นเพียงแค่ความพยายามของถวนจื่อเท่านั้น
แม้กระทั่งซั่งกวนหว่านยังทำให้มันสนใจไม่ได้
นับประสาอะไรกับเขาล่ะ เขามีคุณสมบัติจากที่ใดกัน?
ผ่านมาตั้งหลายปี นิสัยโลภมากยังไม่เปลี่ยนแปลงเลยนะ!
ทันใดนั้นเงาสีเขียวกลุ่มหนึ่งก็บินผ่านไป
ฉู่หลิวเยว่เหลือบสายตามองครู่หนึ่ง
“ปีศาจแดง?”
เมื่อครู่นางยังกังวลอยู่เล็กน้อยที่ปีศาจแดงชนเข้ากับม่านพลัง
แต่เมื่อเห็นท่าทางของมันในตอนนี้…อื้ม เหมือนว่ามันจะไม่ได้เป็นอันใดนะ
ปีศาจแดงจ้องมองถวนจื่อด้วยความโมโห
ถวนจื่อหมุนตัวกลับ ไม่หันหน้าไปมองมัน
มองมาตั้งหลายปีแล้ว มีสิ่งใดให้น่ามองกัน
ร่างเล็กๆ ของปีศาจแดงขดตัวเป็นลูกบอลก้อนกลมๆ พร้อมส่งเสียงดัง ‘พรึ่บ’ เปลวเพลิงสีเขียวบนร่างกายก็ท่วมขึ้นมา!
ก่อนหน้านี้มันแค่รู้สึกว่ามีอันใดบางอย่างผิดปกติไป แต่ดูจากตอนนี้แล้ว เหมือนว่ามันจะคาดเดาได้ถูกต้องแล้วจริงๆ ด้วย
เป็นมันจริงๆ ด้วย!
โชคดีที่ตอนแรกมันไม่ได้เศร้าเสียใจนาน
หลังจากเวลาผ่านไปนาน มันยังคงสบายดี กลายเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์อีกด้วย
ปีศาจแดงคิดว่าตอนนี้ตนเองไม่ใช่แม้กระทั่งสัตว์อสูรระดับเก้า เมื่อมันอยู่ระดับต่ำกว่าอีกฝ่ายหนึ่งระดับ มันก็รู้สึกโมโหอย่างมาก
โมโหไปโมโหมาก็เริ่มร้องไห้
ต่อไปนี้มันจะไม่สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้แล้ว!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ปีศาจแดงก็รู้สึกเสียใจอย่างมาก น้ำตาขนาดเท่าเมล็ดถั่วก็ไหลลงมา
แต่มันก็รีบหันหน้าแล้วเช็ดน้ำตาด้วยปีกของตัวเองอย่างรวดเร็ว
แต่เหมือนว่าน้ำตาจะไหลออกมาเป็นสายและไหลอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปีกของมันเปียกไปครึ่งหนึ่ง
ก่อนหน้านี้มันเคยแกล้งอีกฝ่ายไว้เยอะมาก หลังจากนี้มันจะต้องโดนเอาคืนอย่างแน่นอน ฮือ…
ฉู่หลิวเยว่ทั้งขันทั้งเสียใจไปพร้อมกัน ตอนที่กำลังคิดว่าจะสาวเท้าเดินไปด้านหน้า แต่ก็ต้องชะงักฝีเท้าทันที จากนั้นก็มองไปทางมู่ชิงเห่อด้วยความจนใจเล็กน้อย
“รองแม่ทัพมู่คือว่า…”
มู่ชิงเห่อก็รู้สึกปวดหัวด้วยเล็กน้อยเช่นกัน
ปีศาจแดงเอาแต่ใจขนาดไหน เขาก็สามารถควบคุมได้ แต่ในเวลาแบบนี้ แม้กระทั่งเขาก็ยังหมดปัญญาเลยจริงๆ
“ปีศาจแดง ปีศาจแดง…เจ้ากลับมา”
มู่ชิงเห่อตะโกนเรียก
ตอนแรกปีศาจแดงไม่อยากจะขยับตัวเลยแม้แต่น้อย แต่มันก็นึกได้ว่ารอบข้างยังมีคนอยู่มากมาย มันจึงต้องบินกลับไปพร้อมเสียงสะอึกสะอื้น
มู่ชิงเห่อขมวดคิ้วเล็กน้อย แล้วมองมัน
“เมื่อครู่เจ้าก็ไม่ได้รับบาดเจ็บแล้วเจ้าจะร้องไห้ด้วยเหตุใดหรือ?”
ปีศาจแดงจ้องเขาอยู่ครู่หนึ่งแล้วเบนศีรษะออกไป
เจ้าจะไปรู้อันใด!
มู่ชิงเห่อที่โดนสายตาดูหมิ่น “…”
“ท่านคือ…คุณหนูฉู่หลิวเยว่ใช่หรือไม่?”
ชายที่อยู่ด้านข้างที่เงียบมาตลอด ในที่สุดก็พูดขึ้น
เขามีสีหน้าราบเรียบ ริมฝีปากประดับรอยยิ้มเล็กน้อย ราวกับว่าไม่รู้สึกประหลาดใจกับเหตุการณ์เมื่อครู่นี้
ฉู่หลิวเยว่มองเขา แววตาสั่นสะท้านเล็กน้อย
นางพยักหน้า
“ไม่ทราบว่าท่านคือ?“
“ฉินอี”
ดวงตาที่ยาวและแคบของเขาหรี่ลงพร้อมกวาดสายตาไปยังกษายะหางวายุที่อยู่บนไหล่ของฉู่หลิวเยว่ แล้วหัวเราะเล็กน้อย
“คุณหนูฉู่นี่โชคดีจริงๆ เลยนะขอรับ พวกเรารอไก่ฟ้าเก้าสีที่นี่มานานมากแล้ว แต่คิดไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วมันจะเลือกท่าน”
ฉู่หลิวเยว่กระแอมไอหนึ่งครั้ง
“คือข้า…ต้องขอโทษด้วยจริงๆ”
“มิเป็นไรขอรับ ฟ้าลิขิตเช่นนี้ ใช่ว่าจะไร้เหตุผล ที่นี่มีตั้งคนมากมาย แต่มันก็ยังเลือกทำพันธสัญญากับคุณหนูฉู่ เห็นได้ว่าเรื่องบางเรื่องมันได้กำหนดเอาไว้อยู่แล้ว”
ฉินอีหัวเราะเล็กน้อย
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเนิบนาบ ทำให้คนที่ฟังรู้สึกเหมือนสามลมพัดกลางฤดูใบไม้ผลิ
ฉู่หลิวเยว่มีใบหน้าซาบซึ้งปรากฏขึ้น
“ขอบคุณพี่ใหญ่ฉินและพี่ใหญ่เหลยมากที่เข้าใจข้านะเจ้าคะ หลิวเยว่รู้สึกซาบซึ้งอย่างยิ่ง”
หางตาของพี่เหลยสี่กระตุกอย่างแรง ขาอ่อนจนเกือบจะลุกไปคุกเข่าที่พื้นแล้ว
แย่แล้ว!
ท่านอยากจะแสดงละครก็ช่างเถอะ แต่เมื่อเรียกว่า ‘พี่ใหญ่เหลย’ เขารู้สึกมิบังอาจจริงๆ!
เขาเหลือบสายตามองฉินอีที่อยู่ด้านข้างอย่างรวดเร็ว แต่กลับเห็นว่าพี่ชายของตัวเองนั้นสงบนิ่งอย่างมาก
“คุณหนูฉู่เกรงใจกันเกินไปแล้ว”
พี่เหลยสี่รู้สึกยกย่อง ชื่นชมพี่ชายของตัวเองขึ้นมาทันที
ฝ่าบาทเรียกเขาว่าพี่ใหญ่ แต่เขากลับสามารถทนได้จริงๆ ด้วย…
ฉู่หลิวเยว่ก็พูดอย่างจริงใจว่า
“คือว่า…เรื่องอสูรศักดิ์สิทธิ์นี้ นับว่าข้าติดหนี้บุญคุณของพวกเจ้าทั้งสองแล้ว หากครั้งหน้ามีโอกาสข้าจะต้องตอบแทนอย่างแน่นอน ดีหรือไม่?”
พี่เหลยสี่ไม่สามารถอดทนต่อไปได้
“ไม่ต้อง! เดิมทีมันก็เป็น…แค่กๆ เดิมที่มันก็เลือกเจ้าอยู่แล้ว พวกเราจึงได้แต่อิจฉาเท่านั้น ถ้าเจ้าไม่อยู่ที่นี่ มันอาจจะเดินทางออกไปนานแล้ว และไม่มีทางได้ทำพันธสัญญากับใครหรอก!”
ฉู่หลิวเยว่มองไปยังพี่เหลยสี่ แววตามีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย
แม้ว่ารูปร่างหน้าตาและปราณของทั้งสองคนจะไม่เหมือนเดิม แต่นิสัยนั้น…ไม่เปลี่ยนแปลงเลยสักนิด
นางขอบคุณทั้งสองคนอีกครั้ง จากนั้นก็ไม่ได้พูดอันใดอีก
“องค์หญิงสามล่ะ?”
นางมองไปรอบๆ จากนั้นสายตาก็หยุดลงตำแหน่งที่ซั่งกวนหว่านเพิ่งหายตัวไปเมื่อสักครู่นี้
ภายในหลุมนั้นมีรากไม้และดินโคลนปกคลุมตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้
เมื่อนางถามขึ้นนั้นออกไป ทุกคนจึงนึกขึ้นมาได้ว่าซั่งกวนหว่านได้หายตัวไปสักพักหนึ่งแล้ว
เนื่องจากเมื่อครู่นี้กษายะหางวายุได้สร้างความวุ่นวายใหญ่มาก พวกเขาจึงไม่มีเวลาไปคิดถึงเรื่องสถานการณ์ของซั่งกวนหว่าน
ทุกคนเงียบเสียงลงทันที เพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดอันใดต่อดี
หรือว่า…จะต้องลงไปหาซั่งกวนหว่าน?
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมองที่เจียงอวี่เฉิง
“คุณชายใหญ่ตระกูลเจียง องค์หญิงสามหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยนานขนาดนี้ ท่านไม่เป็นห่วงบ้างเลยหรือ?”
ตอนที่เจียงอวี่เฉิงกำลังจะพูดขึ้น ทันใดนั้นพื้นดินก็สั่นสะเทือนอย่างกะทันหัน
อายพิศม์[2]สีแดงก็กระจายออกมาทั่วสี่ทิศแปดทาง!
ต้นไม้ที่อยู่รอบๆ เริ่มเหี่ยวเฉาอย่างรวดเร็ว
ต้นสนฉัตรขนาดยักษ์ที่อยู่ตรงกลางก็มีรากโผล่ขึ้นมาหลายรากทันที
ใบหน้าของฉินอีเย็นชามากขึ้น
“มีคนแตะต้องตราประทับของต้นไม้แม่พันธุ์ต้นนี้!”
ฉู่หลิวเยว่ตกใจอย่างมาก
“ต้นไม้ต้นนี้มีตราประทับด้วยหรือ?”
ฉินอีจ้องไปที่ต้นสนฉัตรต้นนั้นที่กำลังบ้าคลั่ง สีหน้าเขาก็เย็นชามากขึ้น
“ถอย!”
ทันทีที่สิ้นเสียงนั้น ต้นไม้ที่อยู่รอบๆ ก็มีเสียงร้องดังโหยหวนขึ้นมาทันที
เสียงนั้นเหมือนคนนับพันกำลังร้องไห้อย่างขมขื่น
[1]ตาไม่เห็นนับว่าสะอาด หมายถึง เรื่องอะไรที่เรารู้ว่าเห็นแล้วจะมารบกวน(แปดเปื้อน) สายตาและจิตใจเราก็อย่าไปมอง
[2]อายพิศม์ คือ ยาพิษ