ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 722 ใต้ต้นไม้
ตอนที่ 722 ใต้ต้นไม้
ต้นสนฉัตรต้นนั้นยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง ดูเหมือนพวกเขาจะไม่สามารถหยุดยั้งรากไม้สองสามเส้นของพวกมันได้แล้ว รากนั้นผุดออกมาจากใต้ดิน ทะยานออกมา แล้วเคลื่อนไหวไปกับสายลมอย่างบ้าคลั่ง!
แต่รากของต้นไม้ต้นนั้นกลับเต็มไปด้วยเลือดสดๆ มันกวัดแกว่งไปมาอย่างเมามัน พร้อมแผ่กระจายแรงกดดันที่น่าสะพรึงกลัว
กลิ่นคาวเลือดเข้มข้นแผ่ออกจากรากของมัน
หนึ่งในนั้นยังมีกลิ่นเน่าเสียผสมมาอีกด้วย
ทำให้คนที่ได้กลิ่นอยากจะอ้วกออกมาอย่างมาก
แม้ว่าจะมีม่านพลังขวางกั้นอยู่ แต่ทุกคนก็ยังสามารถสัมผัสได้เช่นเดิม สีหน้าของพวกเขาค่อยๆ เปลี่ยนสี
“มะ…มีอันใดอยู่ที่ด้านล่างของพวกมันกันแน่? ภายในรากต้นไม้ต้นนั้นคงไม่ใช่เลือดของมนุษย์หรอกนะ?”
เย่หรานหร่านอดบ่นพึมพำเสียงต่ำไม่ได้
ไม่อย่างนั้นแล้วจะอธิบายถึงกลิ่นคาวเลือดนี้ว่าอย่างใด
แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงๆ ละก็ แบบนั้นมันคงน่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว!
แต่ใครจะรู้เล่าว่าเลือดเหล่านี้เป็นเลือดของใคร!
เจียงอวี่เฉิงและคนอื่นๆ แต่นิ่งเงียบไม่เอ่ยอันใด
พวกเขาเคยถูกลากลงไปด้านล่างแล้ว และแน่นอนว่าเขารู้ว่าฉากต่อไปจะเป็นอย่างใด
ฉินอีกล่าวว่า
“เราอยู่ที่นี่ต่อไปไม่ได้แล้ว พวกเราต้องรีบออกจากที่นี่เดี๋ยวนี้!”
ขณะที่พูดเขาก็เหลือบสายตามองฉู่หลิวเยว่อย่างใจเย็น
ฉู่หลิวเยว่ไม่ได้หันกลับไปมอง แต่นางก็รู้ว่าเขาหมายถึงอันใด นางพยักหน้าแล้วพูดอย่างเห็นด้วย
“ถูกต้อง! ต้นไม้นี้อันตรายมาก หากอยู่ที่นี่ต่อไปก็ไม่รู้ว่ามันจะเกิดอันใดขึ้น”
เมื่อพูดจบนางก็ยกเท้าขึ้น เตรียมตัวจะถอนทัพอีกครั้ง!
แต่ผู้อาวุโสชิวซีกลับพูดขึ้นมาว่า
“ออกไปมิได้! องค์หญิงสามยังอยู่ที่ด้านล่างของต้นไม้ต้นนั้น ถ้าพวกเราจากไปเช่นนี้ แล้วองค์หญิงสามล่ะ จะทำอย่างใด?”
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะเยาะในใจ
เมื่อครู่มีเวลาตั้งนาน เขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมาเลย แต่ตอนนี้กำลังจะถอนขบวนออก เขาที่ไม่มีกำลังมากพอ กลับคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา
“ผู้อาวุโสชิวซี ในเมื่อท่านเป็นห่วงขนาดนี้แล้ว เหตุใดถึงไม่ลงไปดูด้วยตนเองล่ะเจ้าคะ?”
ผู้อาวุโสชิวซีสาวเท้าไปด้านหน้าของฉู่หลิวเยว่อย่างรวดเร็วและพูดอย่างเย็นชาว่า
“ก่อนหน้านี้กษายะหางวายุเกาะอยู่บนต้นแม่พันธุ์ตลอดเวลา แต่ตอนนี้มันกลายมาเป็นสัตว์อสูรของเจ้าแล้ว ดังนั้นให้เจ้าเป็นคนลงไปถึงจะเหมาะสมที่สุด เมื่อครู่นี้เจ้าก็พูดเองไม่ใช่หรือว่าถ้ามีมันอยู่อายพิศม์พวกนั้นไม่สามารถทำอันใดเจ้าได้อยู่แล้ว”
ฉู่หลิวเยว่รู้ว่าผู้อาวุโสชิวซีหน้าไม่อาย แต่คิดไม่ถึงว่าจะหน้าไม่อายขนาดนี้ เขาพูดคำนั้นออกมาโดยหน้าไม่เปลี่ยนสีเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นว่าเขามีท่าทางหนักแน่น ฉู่หลิวเยว่ก็อยากจะหัวเราะออกมาด้วยความโมโห
“ผู้อาวุโสชิวซีหมายความว่า ท่านจะให้ข้าที่เป็นคนที่วรยุทธ์ต่ำที่สุดของกลุ่มลงไปตามหาองค์หญิงสามที่ด้านล่างเพียงผู้เดียวอย่างนั้นหรือ นี่ท่านคงจะประเมินข้าสูงเกินไปแล้วนะเจ้าคะ?”
แต่ผู้อาวุโสชิวซีกลับไม่หยุดพูด
“อสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนี้เป็นของเจ้า ถ้าเจ้าไม่ไปแล้วใครจะไป?”
นี่เขายังคงหมกมุ่นอยู่กับถวนจื่อไม่เลิกรา
ราษฎรเดิมไม่มีความผิด แต่เพราะมีหยกกับตัวจึงมีความผิด[1] เรื่องนี้ฉู่หลิวเยว่รู้ดีที่สุด
แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้สถานการณ์ของถวนจื่อคับขันอย่างมาก จึงไม่มีทางหลีกหนีคนเหล่านี้ได้
เวลาเพียงไม่นาน เรื่องนี้ก็ถูกแพร่กระจายออกไป
ฉู่หลิวเยว่รู้ดีว่ามีคนเยอะก็มีเรื่องวุ่นวายเยอะ แต่คิดมถึงเลยว่ามันเริ่มมาตั้งแต่ตรงนี้
“ผู้อาวุโสชิวซี ความจริงแล้วข้าก็กังวลมากที่องค์หญิงสามตกลงไปด้านล่าง ให้ข้าไปคนนำก็ไม่เป็นไร ถ้าให้คนอื่นไปด้วยนะกัน ก็น่าจะมั่นใจได้มากยิ่งขึ้น ท่านว่าอย่างไร?”
ฉู่หลิวเยว่ขี้เกียจที่จะหลบเลี่ยงแล้ว ดังนั้นจึงตอบรับเรื่องนี้ไปโดยตรง
ความจริงแล้วถ้าผู้อาวุโสชิวซีไม่พูดขึ้นมา นางก็จะลงไปตามหาซั่งกวนหว่านอยู่ดี
ตอนนั้นฉู่หลิวเยว่มองเห็นอย่างชัดเจนว่าซั่งกวนหว่านเลือกที่จะกระโดดลงด้านล่างเอง
ถ้าซั่งกวนหว่านไม่มีนัยยะซ่อนเร้น นางก็คงเห็นผีแล้ว
ตอนนี้นางเต็มใจที่จะลงไปหา แต่เกรงว่าซั่งกวนหว่านคงจะไม่เต็มใจให้พวกเราหาเจอมากกว่า
ในเมื่ออยากให้นางลงมือ เช่นนั้นนางก็ต้องให้คนที่เหลือลงน้ำมากับนางด้วยให้ได้!
ผู้อาวุโสชิวซีหน้าเปลี่ยนสีทันที
เดิมทีเขาคิดว่าจะให้ฉู่หลิวเยว่ลงไปที่ด้านล่างคนเดียว แต่ในเมื่อนางพูดขึ้นมาเช่นนี้ เขาก็เถียงไม่ออกไป
ฉู่หลิวเยว่หันไปมองทางเจียงอวี่เฉิงพร้อมยิ้มแล้วกล่าวว่า
“คุณชายใหญ่เจียงน่าจะเป็นคนที่ห่วงองค์หญิงสามมากที่สุด ท่านคงอยากจะมากับข้าใช่ไหมเจ้าคะ?”
ใบหน้าของเจียงอวี่เฉิงเย็นชาขึ้นเล็กน้อย
เขาไม่อยากลงไปเลยแม้แต่น้อย ท้ายที่สุดแล้วเขาก็รู้ว่าข้างล่างเป็นอย่างไร อีกทั้ง…เขาก็รู้สึกว่าร่างกายของตนเองกำลังมีปัญหาแล้ว
แม้ว่าเขาจะพยายามอย่างมากเพื่อโคจรลมปราณเพื่อให้ฟื้นคืนสภาพเดิม แต่บาดแผลภายนอกและภายในของเขาก็ไม่สามารถรักษาให้หายสนิทได้
หากเขาเจออะไรอันตรายอีกครั้งละก็…
แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าคนหมู่มากเช่นนี้ เขากลับไม่สามารถพูดคำว่า ‘ไม่’ ออกมาได้
“แน่นอนอยู่แล้ว”
น้ำเสียงของเจียงอวี่เฉิงเย็นเยียบราวกับน้ำแข็ง
“ข้าเกรงว่ามันจะไม่เหมาะ”
จู่ๆ ฉินอีก็พูดออกมาอย่างกะทันหัน สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความไม่พอใจ
“ตราประทับของต้นแม่พันธุ์นี้ถูกทำลายไปแล้ว ไม่มีใครรู้ว่ามันจะอันตรายขนาดไหน ต่อให้เป็นข้าหรือพี่เหลยสี่ก็ไม่กล้าต้านทาน ถ้าลงไปตอนนี้ก็เป็นการลงไปหาที่ตายเท่านั้น! เมื่อถึงตอนนั้นไม่เพียงเราจะหาคนไม่เจอแล้ว แม้แต่ชีวิตของพวกเจ้าก็จะลงหลุมไปพร้อมกันด้วย!”
หัวคิ้วของฉู่หลิวเยว่ขมวดขึ้นเล็กน้อย
นางรู้ว่าฉินอีคัดค้านไม่อยากให้นางลงไปด้านล่าง
แต่ในครั้งนี้นางจำเป็นต้องไป
“พี่ใหญ่ฉิน ข้าซาบซึ้งใจในความหวังดีของท่านมาก แต่ว่าพวกเรามิทราบว่าองค์หญิงสามอยู่หรือตาย เรามิสามารถยืนดูเฉยๆ โดยที่มิยื่นมือเข้าไปช่วยได้ สหายของข้านั้น ต้องฝากให้ท่านเป็นคนดูแลแล้ว”
มู่หงอวี่รีบกล่าว
“หลิวเยว่ นี่เจ้าหมายความว่าอย่างใด? เจ้าจะไม่ให้พวกเราเข้าไปด้วยหรือ?”
เมื่อเชียงหว่านโจวได้ยินดังนั้น เขาก็มิได้พูดอันใดออกมาแม้แต่ครึ่งคำ เพียงแต่เดินไปยืนทิศทางที่ฉู่หลิวเยว่กำลังยืนอยู่
เขาเดินมาหยุดตรงด้านหน้าของม่านพลังสีเขียว ในมือของเขายังกำกระบี่เทพเมฆาสำริดเอาไว้แน่น แล้วเหลือบมองฉินอีครู่หนึ่ง
“นางไป…ข้าก็จะไป”
แม้ว่าฉินอีจะเต็มไปด้วยความกังวล แต่เมื่อเห็นท่าทางของเขาเช่นนั้น ฉินอีก็หลุดหัวเราะออกมามิได้
หรือว่าจะมีแค่เขาที่เป็นห่วงนางหรือ?
หากฉู่หลิวเยว่ยืนยันว่าจะไป เขากับพี่เหลยสี่ก็ไม่มีทางรออยู่ข้างนอกอยู่แล้ว
ครืน!
ในตอนนั้นเองก็มีเสียงดังสนั่นขึ้นจากด้านหลังของพวกเขา
หลังจากหันกลับไปมอง เขาก็เห็นว่าพื้นดินในระยะที่ห่างออกไปไม่ไกลเกิดดินถล่มขึ้น
รากไม้จำนวนนับไม่ถ้วนตกลงไป
ทันใดนั้นมีลำธารขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นมา
อีกทั้งขอบเขตของการถล่มของพื้นดินก็กระจายออกไปเป็นวงกว้าง
หลังจากนั้นไม่นาน บริเวณอื่นๆ ก็เกิดปรากฏการณ์แบบเดียวกัน
ในใจของฉู่หลิวเยว่รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา นางสะกิดปลายเท้าแล้วพุ่งตัวสูงขึ้น
ตอนที่มองไปยังด้านล่าง แม้กระทั่งฉู่หลิวเยว่ก็ยังแสดงสีหน้าตกใจออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
พื้นดินรอบข้างยุบตัวลงโดยมีต้นไม้แม่พันธุ์อยู่ตรงกลาง และมีร่องน้ำเป็นลักษณะวงกลมปรากฏขึ้น
แต่ที่สำคัญมากกว่านั้น ขอบเขตของดินถล่มนั้นมันจะขยายออกไปด้านข้างมากขึ้นเรื่อยๆ
เหมือนกับระลอกคลื่นที่ไร้รูปร่าง พร้อมสาดซัดออกไปอย่างต่อเนื่อง
ป่าหมอกมายากำลังถูกทำลายแล้ว!
ก่อนหน้านี้มันเป็นป่าที่มีต้นไม้เขียวชอุ่ม แต่ตอนนี้มันกลับถูกปกคลุมด้วยอายพิศม์ทั้งหมด และกลายเป็นป่าที่แห้งแล้ง
ท้องฟ้าทั่วทั้งผืนมืดดับลงอีกครั้ง
ครั้งนี้ไม่เหมือนกับครั้งก่อนที่เป็นนิมิตสวรรค์โลกาของไก่ฟ้าเก้าสี
ครั้งนี้มีปราณที่เย็นยะเยือกปกคลุมพื้นที่ทั้งหมด
ฉู่หลิวเยว่หันไปมองต้นไม้แม่พันธุ์ที่อยู่ตรงกลางอีกครั้ง
ท่ามกลางลมพัดอย่างบ้าคลั่ง ต้นไม้ทุกต้นล้วนเหี่ยวเฉา และถูกกลืนกินอย่างต่อเนื่อง
มีเพียงแต่มันเท่านั้นที่ไม่ใช่แค่ไม่เป็นไร แต่กลับเติบโตอย่างรวดเร็ว
เมื่อเห็นใบไม้สีเขียวชอุ่มสดใส ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็นึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
หรือว่า…ต้นไม้แม่พันธุ์ต้นนี้กำลังกลืนกินพลังของต้นไม้ต้นอื่นๆ
ความคิดนี้ทำให้ตัวของฉู่หลิวเยว่สั่นสะท้านไปทั้งร่าง!
ถ้านางเดาไม่ผิดละก็ ตอนนี้น่าจะมีคนจำนวนมากที่ถูกจับตัวอยู่ด้านล่างของต้นไม้ต้นนั้นเหมือนกับเจียงอวี่เฉิงเมื่อก่อนหน้านี้?
สถานการณ์ตอนนี้คือ…
ซั่งกวนหว่านกำลังอยู่ที่ด้านล่างของต้นไม้แม่พันธุ์ต้นนี้?
[1]ราษฎรเดิมไม่มีความผิด แต่เพราะมีหยกกับตัวจึงมีความผิด หมายถึง เดิมราษฎรจะเก็บหยกเป็นของส่วนตัวไม่ได้ ชาวบ้านคนหนึ่งมีหยกโดยไม่มีเหตุผล นอกเสียจากจะขโมยจี้ปล้นมา ต่อมาใช้เปรียบเทียบมีความสามารถแต่ถูกทำร้ายหรือได้รับอันตราย