ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 724 แสงไฟ
ตอนที่ 724 แสงไฟ
เมื่อก้าวขึ้นบันไดหนึ่งก้าวซั่งกวนหว่านก็กำหมัดแน่นด้วยความประหม่า
หลังจากผ่านไปสักพักก็ไม่มีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น
รอบข้างเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน
ซั่งกวนหว่านถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก จากนั้นก็เดินก้าวขึ้นไปอีกขั้น
นางสวมชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงจึงทำให้นางรู้สึกมั่นใจมากขึ้นไม่น้อย
ในพื้นที่ท่ามกลางความเงียบสงบ ได้ยินเพียงเสียงโคลนที่พวยพุ่งขึ้นมา และเสียงฝีเท้าของนาง
ซั่งกวนหว่านกลั้นหายใจ
หึ!
รากไม้โผล่ขึ้นมาอีกรอบหนึ่ง
ครั้งนี้ซั่งกวนหว่านมีประสบการณ์แล้ว จึงได้แต่ยืนรออยู่ที่เดิม
และแน่นอนว่ารากไม้รากนั้นก็ไปหยุดอยู่ตรงเปลวไฟก้อนนั้นจริงๆ
แสงไฟสีเขียวเปล่งประกายห่อหุ้มเป็นวงกลมวงเล็กๆ
พลังที่อยู่ในรากไม้ก็ถ่ายไปที่เปลวเพลิงนั้นอย่างรวดเร็ว
ซั่งกวนหว่านยืนรออยู่ที่ด้านข้าง
หลังจากนั้นไม่นานรากไม้เส้นที่สองก็ผละตัวจากไป
ลูกไฟลูกนั้นมีขนาดใหญ่ขึ้นมากกว่าเดิมสองเท่า
ซั่งกวนหว่านครุ่นคิดด้วยตัวเองอยู่อย่างเงียบๆ
ดูเหมือนว่าพลังของรากไม้เหล่านี้น่าจะอุดมสมบูรณ์มากกว่าที่นางคิดเอาไว้เสียอีก…
หลังจากที่นางรออยู่ครู่หนึ่ง นางก็สาวเท้าขึ้นไปด้านหน้า
ด้านรอบข้างเปลวเพลิงเหล่านั้นไม่มีอันใดปกคลุมอยู่เลย
ในตอนที่นางยืนอยู่ห่างจากเปลวเพลิงนั้นประมาณสามก้าว ซั่งกวนหว่านก็ตกใจว่าที่เห็นว่า ความจริงแล้วสิ่งนั้นคือยันต์ที่กำลังเผาไหม้อยู่
เพียงแต่รูปร่างของมันดูแปลกประหลาดอย่างมาก ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทิ้งมันเอาไว้ที่นี่?
หัวใจของซั่งกวนหว่านเต้นอย่างบ้าคลั่ง
จากนั้นนางก็ยื่นมือออกไปสัมผัสเปลวเพลิงกลุ่มนั้นอย่างช้าๆ
พรึ่บ!
มือของนางเพิ่งเข้าใกล้ได้ไม่นาน เปลวเพลิงเหล่านั้นก็ลุกพรึ่บพร้อมเผามือของนางอย่างรุนแรง
“โอ้ย…“
ซั่งกวนหว่านเจ็บอย่างมาก จึงรีบชักมือกลับทันที
ของชิ้นนี้ดูแล้วไม่เหมือนสิ่งที่พิเศษอะไร แต่อุณหภูมิของมันสูงมาก
ซั่งกวนหว่านก้มหน้ามองครู่หนึ่ง คาดไม่ถึงว่าฝ่ามือของนางจะถูกลวกเพียงครึ่งเดียว
เพราะว่า…เกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงนั้นปกคลุมมืออีกครึ่งของนางอยู่
ในส่วนที่มีเสื้อเกราะปกคลุมล้วนไม่เป็นอันใด ไร้บาดแผล ส่วนอื่นที่ถูกไฟลวกนั้นล้วนเกิดเป็นแผลพุพองขนาดใหญ่ ดูแล้วน่าอนาถอย่างมาก
ในขณะที่ซั่งกวนหว่านกำลังตกใจ นางก็คิดได้ว่า ‘ที่แท้เกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงก็ทรงอานุภาพขนาดนี้นี่เอง!’
นางยังไม่ได้ใช้มัน เพียงแค่สวมไว้ที่ร่างกายเฉยๆ ก็มีพลังป้องกันที่แข็งแกร่งขนาดนี้แล้ว
ไม่รู้ว่าหากนางสามารถปลุกพลังที่แท้จริงของเกราะศักดิ์สิทธิ์ขึ้นมาได้ มันจะแข็งแกร่งขนาดไหน
ซั่งกวนหว่านเลียริมฝีปาก จากนั้นความโลภและความตื่นเต้นก็ส่องประกายในแววตาของนาง
นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ใช้มือทั้งสองข้างพร้อมกัน
มือของนางทั้งสองข้างนั้นมีเกราะศักดิ์สิทธิ์ห่อหุ้มอย่างแน่นหนา
ดังนั้นขอเพียงแค่เปลวเพลิงไม่ได้มาสัมผัสกับผิวหนังของนางโดยตรง นางก็ไม่ต้องกังวลอันใดแล้ว
ซั่งกวนหว่านยื่นมือออกไปอย่างช้าๆ เปลวไฟด้านนอกก็ล้อมมือของนางไว้
มีประกายไฟกระเด็นออกมาเป็นบางครั้ง แต่เพราะว่านางยังสวมเกราะศักดิ์สิทธิ์อยู่ ดังนั้นจึงไม่ทำให้นางได้รับผลกระทบอันใด
นางจ้องไปที่เปลวไฟกลุ่มนั้นตาเขม็ง แล้วค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้ทีละนิด
ตู้ม!
ทันใดนั้นเปลวเพลิงก็โหมขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ซั่งกวนหว่านตกใจจนหน้าซีดเผือด ในขณะที่นางกำลังจะก้าวถอยหลัง นางกลับเห็นว่าเปลวเพลิงก้อนนั้นกำลังพุ่งเข้ามาหานางอย่างรุนแรง
ตู้ม!
เปลวเพลิงกลุ่มนั้นพุ่งตรงมาที่หัวใจของนางโดยตรง
ตอนนั้นเองซั่งกวนหว่านก็รู้สึกว่าเหมือนมีก้อนหินเข้ามากดทับที่หน้าอกของนาง จนนางแทบจะหายใจไม่ออก
แต่ความรู้สึกแบบนั้นมันค่อยๆ จางหายไป
ทันใดนั้นนางก็รู้สึกว่ามีอันใดบางอย่างแหวกหน้าอกแล้วพุ่งตรงมาที่หัวใจของนาง
ความรู้สึกแสบร้อนเหมือนโดนไฟเผาออกมาจากในอก
ซั่งกวนหว่านตื่นตระหนกอย่างมาก นางคิดไม่ถึงว่าเปลวไฟเหล่านั้นจะไหลมาสู่หัวใจของนางโดยตรง
ด้วยอุณหภูมิที่สูงขนาดนี้ เกรงว่าใช้เวลาอีกไม่นานตัวของนางจะต้องถูกเผาเป็นจุณอย่างแน่นอน
ความเจ็บปวดที่ถูกเผาไหม้ ทำให้นางนึกถึงคืนนั้นในหอบรรพกษัตริย์
นางคิดว่าวันนั้นจะเป็นวันที่นางเจ็บปวดมากที่สุดในชีวิต แต่คิดไม่ถึงว่าของชิ้นนี้จะทำให้นางทรมานถึงขนาดนี้
“อ๊าก…”
ซั่งกวนหว่านกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด จากนั้นก็ทรุดตัวลงบนพื้น
นางเอามือทั้งสองข้างกุมหน้าอกของตัวเอง แล้วรีบขับไล่เปลวเพลิงเหล่านั้นให้ออกไป
แต่ทันใดนั้นเองนางก็รู้สึกว่ามีอันใดบางอย่างกำลังเคลื่อนไหว
นางรู้สึกปวดท้องอย่างรุนแรง
แต่เดิมใบหน้าของซั่งกวนหว่านเป็นสีแดงก่ำ ตอนนี้กลับซีดลงเล็กน้อย
ความเจ็บปวดที่นางไม่สามารถทนรับมันได้ สองมือของนางขูดกับพื้นดินแน่น ศีรษะปักลงพื้น นางอยากจะเป็นห่วงไปจะได้ลืมความเจ็บปวดนี้
ปัง!
เสียงครืดคราดดังขึ้น
นางลืมไปแล้วว่าตัวเองกำลังสวมเกราะศักดิ์สิทธิ์อยู่ หน้าผากของนางก็ยังได้รับการปกป้อง
นางทรมานตัวเองจนทนไม่ไหวแล้ว
แต่นางก็ไม่กล้าถอดเสื้อเกราะออก สุดท้ายจึงทำได้แต่ทนมันเอาไว้
นางไม่ได้สังเกตเลยว่า ระหว่างขั้นตอนนี้ เส้นสีดำแปลกๆ ที่อยู่บนร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย
หลังจากผ่านการทรมานไป ในที่สุดความเจ็บปวดก็ค่อยๆ เบาบางลงแล้ว
ซั่งกวนหว่านนอนขดตัวอยู่บนพื้น เนื้อตัวเต็มไปด้วยเหงื่อเย็นๆ มือทั้งสองข้างของนางขูดพื้นอย่างรุนแรงจนมือเลือดไหลซิบออกมา จนเห็นกระดูกขาวโพลน นางกัดริมฝีปากของตัวเองจนเลือดไหลเปรอะเปื้อนดูไม่ได้อย่างมาก
นางหายใจเข้าเฮือกใหญ่ ก่อนจะดึงสติของตัวเองกลับมาได้อย่างยากลำบาก
ความเจ็บปวดบนร่างกายย้ำเตือนว่า ‘นางยังไม่ตาย’
เมื่อซั่งกวนหว่านมีสติขึ้นมาอีกครั้ง นางก็รีบสำรวจตัวเองอย่างเร่งด่วน
แต่ผลลัพธ์นั้นทำให้นางตกตะลึงอย่างมาก
เพราะว่า…
เปลวไฟกลุ่มนั้นสุดท้ายแล้วก็มาอยู่ตรงจุดตันเถียนของนาง
นางทะลวงอวัยวะภายในทั้งห้าแล้ว ดังนั้นเปลวเพลิงนั้นจึงสามารถกระจายไปยังตันเถียนของนางได้
ซั่งกวนหว่านมองอย่างตื่นตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง ตอนนั้นเองนางก็พบว่ายันต์ที่อยู่ตรงหน้าก่อนหน้านี้หายไปแล้ว เหลือเพียงลูกไฟกลุ่มหนึ่งเท่านั้น
และมันลอยอยู่ในตำแหน่งตันเถียนของนางอย่างเงียบๆ ความเจ็บปวดก็ค่อยๆ ทุเลาลง
ตั้งแต่เส้นชีพจรของนางถูกทำลาย หยวนตันของนางก็เสียหายเช่นกัน
ตอนนี้ตำแหน่งที่อยู่ของลูกไฟนั้น นั่นก็คือตำแหน่งที่หยวนตันควรจะอยู่
ทันใดนั้นพลังที่ยิ่งใหญ่ก็แพร่กระจายออกไปจนทั่วร่างกายของนาง
ตู้ม!
เส้นแปลกๆ ที่อยู่บนร่างกายของซั่งกวนหว่านก็เหมือนจะมีชีวิตชีวาขึ้นมาทันที
หลังจากนั้นไม่นาน เส้นเหล่านั้นก็ทะลุผิวหนังของนางออกมา
เรื่องทั้งหมดเกิดขึ้นเร็วมาก ซั่งกวนหว่านยังไม่ทันได้ตอบสนอง นางก็รู้สึกได้ว่าเส้นชีพจรในร่างกายของนางนั้นมีแสงสีเขียวปกคลุมอยู่จางๆ
หลังจากนั้นก็มีพลังมากมายไหลทะลักออกมา
ซั่งกวนหว่านตกตะลึงอย่างมาก
นี่มัน…เส้นชีพจรของนางได้รับการฟื้นฟูแล้วใช่หรือไม่
ราวกับว่าเป็นการยืนยันการคาดเดา จากนั้นมีพลังสายหนึ่งพุ่งออกมาจากลูกเพลิงเถียนตัน และกระจายไปตามเส้นชีพจรสีเขียว
ซั่งกวนหว่านแทบไม่กล้าเชื่อเรื่องราวทั้งหมด นางจึงทดลองทำซ้ำแล้วซ้ำเล่า
นางค้นพบว่าแสงสีเขียวกำลังห่อหุ้มเส้นชีพจรของนาง หลังจากที่นางสามารถโคจรพลังได้อย่างราบรื่นแล้ว ในที่สุดซั่งกวนหว่านก็มั่นใจว่า…เส้นชีพจรของนางได้ฟื้นฟูขึ้นแล้วจริงๆ
เส้นสีดำบนร่างกายของนางนั้นหายไปหมดแล้ว เหลือเพียงเส้นสีดำระหว่างคิ้ว เส้นสุดท้าย ทิ้งร่องรอยแปลกประหลาดคล้ายกับยันต์เอาไว้
และในตอนนั้นเองในสมองของนางก็มีอะไรบางอย่างปรากฏขึ้น
นางหลับตาลงแล้วสำรวจมันอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ
คาดไม่ถึงว่านางจะสามารถสัมผัสถึงตำแหน่งของบุคคลที่อยู่ภายใต้การควบคุมของต้นสนฉัตรในอาณาเขตป่าหมอกมายาแห่งนี้ทั้งหมด
แค่นางคิด…นางก็สามารถดูดกลืนพลังของพวกเขาได้แล้ว!