ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 725 มาตั้งแต่เมื่อใด
ตอนที่ 725 มาตั้งแต่เมื่อใด
หลังจากมองอย่างละเอียดแล้ว นางก็สามารถแยกแยะตัวตนของคนเหล่านั้นได้
มีทหารม้าทมิฬและยังมีลูกศิษย์จากสำนักต่างๆ ด้วย
นอกจากนั้นมีส่วนน้อยเป็นคนที่นางไม่รู้จัก สันนิษฐานแล้วน่าจะเป็นคนที่ถูกป่าหมอกมายาดูดกลืนหลังจากบุกทะลวงเข้ามาด้วยตนเอง
ซั่งกวนหว่านคิดไม่ถึงเลยว่าของชิ้นนี้จะทำให้นางประหลาดใจได้มากขนาดนี้
สิ่งที่นางคิดก่อนหน้านี้ก็คือ หลังจากที่นางมาที่ป่าหมอกมายาแล้ว นางจะเลือกลงมือกับคนหนึ่งในจำนวนนั้น
หากเกิดเรื่องกับทุกคน มันจะยากที่จะหลีกเลี่ยงความสงสัยต่อคนภายนอก
แล้วอีกอย่างนางจะต้องมั่นใจว่าไม่มีใครพบว่านางเป็นคนทำแน่นอน นางถึงค่อยลงมือ ตัวอย่างเช่น เมื่อนางถูกจับกุมร่วมกับคนทั้งสิบเมื่อก่อนหน้านี้
พวกเขาทุกคนรู้ว่าจะต้องมีบางคนถูกโคลนสีดำดูดกลืนไป พวกเขาจะไม่มีทางคิดว่านางมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่
อย่างใดก็ตามป่าหมอกมายานี้เต็มไปด้วยอันตรายอยู่แล้ว หากประสบอุบัติเหตุแล้วตายไปสักคนสองคนก็เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว
เมื่อรวมเข้าไปเงื่อนไขนี้ ทำให้นางลงมือได้น้อยครั้งมาก
แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว
ก็เพียงแค่นางคิด นางก็สามารถจัดการคนเหล่านั้นได้อย่างไร้เสียงแล้ว
ซั่งกวนหว่านตรวจสอบสถานการณ์ภายในร่างกายของตัวเองอีกรอบ
ภายในตันเถียนมีลูกเพลิงอยู่ลูกหนึ่ง หลังจากมันปล่อยกระแสพลังสองสายมันก็หยุดลงทันที
ซั่งกวนหว่านรออยู่สักพักหนึ่ง แต่มันก็ไม่ได้ขยับตัวต่อแม้แต่น้อย
นางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วคาดเดาว่าพลังสองสายนั้นอาจจะเป็นพลังที่รากไม้นั้นดูดกลืนเข้ามา
พลังเหล่านั้นสามารถฟื้นฟูเส้นชีพจรของนางได้แค่สิบส่วนเท่านั้น
หากนางต้องการให้หายดีนางจะต้องดูดกลืนต่อไป
อีกทั้งคนที่ถูกจับกุมเอาไว้อยู่…เมื่อรวมกันแล้ว จะเพียงพอหรือไม่?
เมื่อคิดว่าเส้นชีพจรของตนเองสามารถฟื้นฟูได้อย่างราบรื่น ซั่งกวนหว่านก็ตื่นเต้นจนเนื้อเต้น
มีแต่ฟ้าเท่านั้นที่รู้ว่านางรอคอยวันนี้มาเนิ่นนานขนาดไหน
และจะไม่มีใครรู้ว่านางเป็นคนทำเรื่องทั้งหมดนี้
ดังนั้นนางสามารถทำลงไปได้อย่างวางใจ
บางที…นางอาจจะสามารถฉวยโอกาสนี้พัฒนาระดับการบำเพ็ญเพียรของตนเองขึ้นไปได้
ซั่งกวนหว่านตื่นเต้นอย่างมาก ดวงตาแดงก่ำ จากนั้นก็เริ่มเลือกคนจากในกลุ่มนั้น
ก่อนอื่นนางจะต้องเลือกคนที่มีชีพจรตี้จิงระดับสูง
เช่นนั้นนางก็จะสามารถดึงพลังของพวกเขามาเป็นของตนเองได้
ดังนั้นจึงจะสามารถฟื้นฟูเส้นชีพจรได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
เมื่อคิดได้ดังนั้นในสมองของซั่งกวนหว่านก็มีเงาของคนผู้หนึ่งปรากฏขึ้นมา
ใช่แล้ว!
ฉู่หลิวเยว่ล่ะ?
ในบรรดาของคนเหล่านั้น เส้นชีพจรของนางยอดเยี่ยมที่สุดแล้วไม่ใช่หรือ?
น่าเสียดายที่ซั่งกวนหว่านค้นหาแล้วแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของนาง
นางน่าจะไม่ได้โดนต้นสนฉัตรดูดกลืนเข้ามา
ซั่งกวนหว่านรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
นางไม่ชอบหน้าฉู่หลิวเยว่มานานแล้ว หากครั้งนี้สามารถกำจัดฉู่หลิวเยว่ได้ก็จะถือว่านางสามารถทำเรื่องนี้ได้อย่างสมบูรณ์…
ช่างเถิด ฟื้นฟูเส้นชีพจรของตนเองก่อนเถอะ เรื่องนี้สำคัญมากที่สุด!
หัวใจของซั่งกวนหว่านกระตุกเล็กน้อย
ในพื้นที่ที่ห่างออกไป ลูกศิษย์คนหนึ่งที่กำลังจะดิ้นหลุดจากพันธนาการ แต่ทันใดนั้นเองร่างกายของเขากลับถูกรากไม้นั้นรัดอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็แทงเข้าที่อกของเขาทันที!
“อ๊าก!”
ทันใดนั้นเขาก็ส่งเสียงร้องดังออกมาจากลำคอ หลังจากนั้นไม่นานเสียงของเขาก็หยุดชะงัก เพราะว่าพลังภายในร่างกายของเขาถูกรากไม้นั้นสูบไปจนหมดสิ้นแล้ว
พร้อมปลิดวิญญาณของเขาไปในเสี้ยววินาทีนั้นด้วย
แม้กระทั่งเวลาขัดขืนยังไม่มี
ดวงตาเบิกกว้าง ใบหน้าสูบตอบ ร่างกายขดลงเป็นลูกกลมๆ ซึ่งมันน่าประหลาดใจอย่างมาก และหลังจากนั้นภาพเหตุการณ์ที่คล้ายกันก็เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
…
ป่าหมอกมายากำลังจะถล่ม
ข่าวนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจอย่างมาก
แม้แต่ฉินอียังมีใบหน้าเย็นชามากขึ้น
เมื่อฉู่หลิวเยว่เห็นปฏิกิริยาของพวกเขาเช่นนี้ นางก็รู้ได้ทันทีว่าพวกเขาไม่เคยเจอกับเหตุการณ์เช่นนี้มาก่อน
เรื่องราวมันน่าจะยุ่งยากกว่าที่นางคาดการณ์เอาไว้เสียแล้ว
“ป่าหมอกมายาจะพังทลายได้อย่างใด?”
เจียงอวี่เฉิงขมวดคิ้วแน่น
ฉู่หลิวเยว่ชี้ไปยังต้นสนฉัตรที่อยู่ตรงกลาง
“บางทีอาจจะเหมือนกับที่พี่ใหญ่ฉินพูดมาเมื่อก่อนหน้านี้ เพราะว่ามีคนแตะต้องตราประทับที่ว่านั่น…”
เจียงอวี่เฉิงเงียบเสียงลงทันที
หากถามว่าใครมีแนวโน้มที่จะทำมันมากที่สุดในเรื่อง…ก็น่าจะเป็นซั่งกวนหว่าน
เพราะว่านางเพิ่งกระโดดลงไปจากจุดนี้
อีกทั้งเจียงอวี่เฉิงรู้ดีว่าที่นางมาครั้งนี้นางตั้งใจจะทำอันใด
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ การเดินทางในครั้งนี้เราจะไม่ลงไปไม่ได้แล้ว”
ฉู่หลิวเยว่พูดขึ้นแล้วสาวเท้าไปด้านหน้า
พี่เหลยสี่รีบก้าวขึ้นมาด้านหน้า
“ข้าจะเป็นคนนำทัพเอง”
ฉู่หลิวเยว่หันกลับไปมองเขาด้วยรอยยิ้ม
“พี่เหลยสี่ ท่านไม่ต้องกังวล ในเมื่อข้าทำพันธสัญญากับกษายะหางวายุแล้ว ข้าน่าจะปลอดภัยที่สุด”
พี่เหลยสี่รีบพูดขึ้นทันทีว่า
“จะทำเช่นนั้นได้อย่างใด? ข้าจะให้ท่านให้เจ้าที่เป็นดรุณีน้อยนำทางอยู่ด้านหน้าสุดได้อย่างใด?”
แม้ว่าตอนนี้ฝ่าบาทจะมีอสูรศักดิ์สิทธิ์ แต่ท่านก็เป็นจอมยุทธ์ระดับห้าเท่านั้น!
“อีกทั้งข้ากับพี่ใหญ่ก็อยู่ที่นี่มานานแล้ว เลยพอจะรู้ว่าควรจะลงไปด้านล่างอย่างใด!”
ในที่สุดพี่เหลยสี่ก็พูดเรื่องที่สมเหตุสมผลที่สุดออกมา
เมื่อพูดมาถึงตรงนี้แล้วหากนางจะปฏิเสธอีกก็คงจะดูแปลกๆ
ดังนั้นฉู่หลิวเยว่จึงไหลตามน้ำ พร้อมหลีกทางให้พวกเขาหนึ่งก้าว
“เช่นนั้นก็ต้องรบกวนพี่ใหญ่เหลยแล้ว”
พี่เหลยสี่ก็มือสั่นอีกครั้ง
ฝ่าบาทพูดคำว่า “พี่ใหญ่เหลย” ออกมา เขารับไม่ไหวแล้วจริงๆ
พี่เหลยสี่รีบสาวเท้าก้าวไปด้านหน้า จากนั้นก็ไปยืนตรงจุดที่ซั่งกวนหว่านกระโดดลงไป
ตอนนี้ที่แห่งนี้มันถูกปิดผนึกไปแล้ว
เขากำค้อนไว้ทั้งสองมืออย่างแน่นหนา สีหน้าของเขาก็ดูจริงจังมากขึ้นหลายส่วน
ทุกคนก็เดินตามมาที่นี่ทั้งหมดแล้ว
ในเมื่อไม่มีทางหนีออกไปด้านนอกได้แล้ว ดังนั้นวิธีที่ปลอดภัยที่สุดคือรวมตัวกันเป็นกลุ่ม
พี่เหลยสี่โคจรพลังดั้งเดิมภายในร่างกาย ปราณที่อยู่รอบตัวก็พวบพุ่งขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
แรงกดดันขยายขึ้นไปทางด้านบน
พริบตาเดียวเขาก็ปลดปล่อยพลังออกมาแล้วใช้ค้อนทุบลงไปอย่างแรง
“ค้อนวายุขจร!”
ทันใดนั้นเองก็มีลมพายุกระโชกอย่างรุนแรง!
ฝุ่นตลบทุกทิศทุกทาง
ตู้ม!
เสียงดังสนั่น
ฉู่หลิวเยว่สัมผัสได้ทันทีว่าปลายเท้าที่นางเหยียบอยู่นั้นสั่นสะเทือน
ชั่วพริบตาเดียวรอยแยกก็ปรากฏขึ้น
พลังที่อยู่ในค้อนแผ่กระจายออกมาโดยรอบอย่างต่อเนื่อง
รอยแตกนั้นขยายใหญ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว
รอยแตกที่แผ่ขยายบนพื้นก็กระจายเป็นวงกว้างคล้ายกับใยแมงมุม
ตู้ม!
พื้นดินตรงหน้าหน้าของทุกคนก็ถล่มอีกครั้ง
เกิดเป็นหลุมขนาดใหญ่ปรากฏสู่สายตาของทุกคน
พี่เหลยสี่เลือกที่จะกระโดดลงไปเป็นคนแรก
จากนั้นฉู่หลิวเยว่ก็ตามไปติดๆ
เชียงหว่านโจวและคนอื่นๆ ก็ต้องการติดตามไปทันที แต่กลับโดนม่านพลังของฉินอีขวางเอาไว้
เมื่อหันกลับไปมองฉินอีดูไม่รีบไม่ร้อน
เขามองไปทางเจียงอวี่เฉิงและคนอื่นด้วยท่าทางสบายๆ
“เชิญเลยขอรับ”
เจียงอวี่เฉิงหรี่ตามอง แต่ก็ไม่ได้โต้เถียงอันใดมากนัก และเดินขึ้นไปด้านหน้าทันที
ผู้อาวุโสชิวซีไม่กล้าเดินนำหน้าและไม่กล้าอยู่คนสุดท้าย เมื่อเขาเห็นเจียงอวี่เฉิงและคนอื่นๆ กระโดดลงไปหมดแล้วเขาจึงรีบติดตามไปทันที
มู่ชิงเห่อเหลือบสายตามองฉินอีครู่หนึ่ง
เขารู้สึกอยู่เสมอว่าเหมือนเขาจะเคยเจอฉินอคนนี้ที่ไหนมาก่อน…
“มิทราบว่าคุณชายฉินมาที่ป่าหมอกมายานี่ตั้งแต่เมื่อใดหรือ?”
แววตาของฉินอีสว่างขึ้น มุมปากยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“นี่เป็นเรื่องส่วนตัวของพวกเรา ข้าไม่สะดวกที่จะบอก ขออภัยด้วยขอรับ แล้วอีกอย่างรองแม่ทัพมู่ คุณชายใหญ่เจียงลงไปแล้ว ท่านไม่รีบตามไปหรือ?”
มู่ชิงเห่อกดคำถามที่อยู่ภายในเอาไว้ จากนั้นก็หมุนตัวแล้วกระโดดลงไป
ฉินอียิ้มเล็กน้อยจากนั้นก็พามู่หงอวี่และคนอื่นๆ ตามไป