ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 728 สงสัย
ตอนที่ 728 สงสัย
ในตอนนั้นจู้หงคิดว่าตัวเองเห็นภาพหลอน
เขาหลับตาลงแล้วลืมตาขึ้นมาใหม่ แล้วพบว่าคนผู้นั้นไม่ได้หายไป แต่กลับวิ่งตรงมาทางนี้
อีกทั้ง…ใบหน้านั้น เขาเคยเห็นมาก่อนแล้ว
“ฉู่…ฉู่หลิวเยว่!”
จู้หงพูดขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
ฉู่หลิวเยว่มาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
เมื่อนางเห็นสถานการณ์ของจู้หง ตัวของฉู่หลิวเยว่ก็แข็งทื่อไปเล็กน้อย
ร่างกายส่วนใหญ่ของเขากำลังจมไปในหล่มโคลนสีดำแล้ว อีกทั้งด้านหลังของเขา ยังมีคนอยู่อีกสี่คน
ดูเหมือนว่าพวกเขาทั้งหมดจะสลบไปแล้ว จู้หงเพียงคนเดียวพยายามจับพวกเขามัดไว้ด้วยกันไม่ให้กระจัดกระจายออกไป
แต่ใบหน้าของจู้หงซีดขาวอย่างมาก ลมหายใจเหลือเพียงแผ่วบาง เหมือนกับว่าเขากำลังหมดแรงและต้านไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
ฉู่หลิวเยว่รีบยื่นมือออกไปทันที
“จู้หง ยื่นมือมาให้ข้าหน่อย”
เมื่อข้อมือขาวและบอบบางปรากฏอยู่ตรงหน้า จู้หงถึงได้นึกขึ้นได้ว่า ‘นี่เป็นฉู่หลิวเยว่ตัวจริง!’
จู้หงยื่นมือออกไปอย่างงุนงง
พี่เหลยสี่รีบเดินขึ้นไปด้านหน้าแล้วคว้ามือของจู้หงพร้อมดึงตัวเขาขึ้นมาอย่างแรง
เรื่องแบบนี้เขาจะให้ฝ่าบาททำได้อย่างใด…
พลังและฝีมือของพี่เหลยสี่แข็งแกร่งมาก แค่ลากเบาๆ เขาก็สามารถดึงคนเหล่านั้นให้หลุดออกมาอย่างง่ายดาย
จู้หงยังไม่ทันได้ตั้งตัว เขาก็หลุดออกจากโคลนสีดำที่น่าหวาดกลัวแล้ว
พี่เหลยสี่วางม่านพลังครอบคลุมไว้ที่ตัวคนเหล่านั้น
เช่นนั้นพวกเขาจะได้ไม่จมลงไปในโคลนอีกครั้ง
ฉู่หลิวเยว่มองไปที่พี่เหลยสี่ด้วยรอยยิ้ม
“ขอบคุณพี่ใหญ่เหลยที่ช่วยเหลือเจ้าค่ะ”
หางตาของพี่เหลยสี่กระตุกอีกครั้ง
เราไม่เจอกันมาตั้งนานขนาดนี้ แต่เหตุใดฝ่าบาทถึงดูชอบหยอกล้อมากขึ้นขนาดนี้เล่า
เมื่อเขาได้ยินนางเรียกเขาว่า “พี่ใหญ่” ขาของเขาก็แทบจะอ่อนยวบลงไปจริงๆ
“ไม่…ไม่ต้องเกรงใจ นี่เป็นเรื่องสมควรแล้ว!”
พี่เหลยสี่กระแอมไอหนึ่งครั้งแล้วเบนศีรษะออกไป
ฉู่หลิวเยว่ได้แกล้งเขาแล้ว มุมปากของนาง จากนั้นนางก็หันไปมองจู้หงแล้วคนอื่นๆ
และคนเหล่านั้นล้วนเป็นคนของภูเขาเขี้ยวมังกร
ฉู่หลิวเยว่หยิบขวดโอสถออกมา จากนั้นก็ยื่นให้จู้หง
“เติมพลังก่อนเถิด”
จู้หงยื่นมือไปรับยาโดยไม่รู้ตัว
จากนั้นเขาก็เปิดขวดโอสถออก กลิ่นหอมของโอสถโชยออกมา
จู้หงประหลาดใจเล็กน้อย
ระดับของโอสถตัวนี้จะต้องไม่ต่ำอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นสมุนไพรที่ใช้มาหลอมก็ล้ำค่าอย่างมาก เป็นเรื่องยากมากที่คนธรรมดาจะสามารถครอบครองได้ แต่คาดไม่ถึงว่าฉู่หลิวเยว่จะมีมันด้วย
อีกทั้งนางยังมอบให้เขาอย่างส่งเดชด้วย นางดูใจกว้างอย่างมาก
เดิมทีจู้หงเองก็รู้สึกละอายใจเล็กน้อย แต่เมื่อคิดถึงสภาพของตนเอง เขาก็ลังเลเพียงเล็กน้อย แล้วเลือกที่จะรับมันไป
เมื่อโอสถละลายในปาก พลังที่อ่อนโยนก็แพร่กระจายจากหน้าอกไปยังอวัยวะส่วนต่างๆ
หลังจากนั้นไม่นานสีหน้าของจู้หงก็ดูดีขึ้นอย่างมาก
สายตาของเขามองไปยังฉู่หลิวเยว่ด้วยความสับสน
“…ข้าไม่รู้จะขอบคุณพวกเจ้าอย่างใดดีเลย”
ตอนแรกที่เข้ามา เขาวางแผนว่าจะคอยช่วยเหลือฉู่หลิวเยว่และพวกพ้อง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้วเขาจะเป็นฝ่ายได้รับการช่วยเหลือแทนเสียนี่…
“ไม่ทราบว่าท่านนี้คือ…”
เขามองไปทางพี่เหลยสี่ด้วยความตื่นตระหนก
ผู้ชายคนนี้ไม่ได้มากับพวกเขาอย่างแน่นอน
แต่ฝีมือกลับแข็งแกร่งอย่างมาก
เขาเพียงยืนอยู่ข้างหน้าเฉยๆ เท่านั้น แต่เขากลับสามารถสัมผัสได้ถึงแรงกดดันจากตัวของเขาได้เลย
ฉู่หลิวเยว่รู้จักกับคนแข็งแกร่งระดับนี้ตั้งแต่เมื่อใด?
“คนนี้คือพี่เหลยสี่ พวกเราบังเอิญเจอเขาในป่าหมอกมายา เขาช่วยเหลือพวกเราเอาไว้ไม่น้อยเลย”
นางหันไปมองทางพี่เหลยสี่
“คนผู้นี้คือจู้หง ครั้งนี้เขารับผิดชอบนำศิษย์จากสำนักภูเขาเขี้ยวมังกร”
พี่เหลยสี่มองจู้หงด้วยสายตาสำรวจ
ตอนนั้นเองจู้หงก็รู้สึกประหม่าขึ้นมาทันที
“เจ้าเด็กคนนี้ ช่างมีคุณธรรมยิ่งนัก”
พี่เหลยสี่หัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมา
“ไม่เลว! ลูกผู้ชายตัวจริง!”
เขาดูออกว่า หากจู้หงต้องการหลบหนีเอาตัวรอดแต่เพียงผู้เดียว เขาก็สามารถทำได้
แต่เขาก็ยังเลือกที่จะดึงรั้งศิษย์สองสามคนนี้เอาไว้
นิสัยยืนหยัดหนักแน่นเช่นนี้ ถือว่าหาได้ยากจริงๆ
จู้หงถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วหัวเราะออกมาอย่างขมขื่น
“ทุกคนล้วนเป็นศิษย์สำนักเดียวกัน นี่เป็นสิ่งที่ข้าต้องทำอยู่แล้ว เพียงแต่ว่า…สุดท้ายแล้วข้าก็ไร้ความสามารถ ถ้าข้าไม่ได้เจอพวกท่าน เกรงว่า…”
เมื่อพูดจบเขาก็ยื่นขวดโอสถคืนให้กับฉู่หลิวเยว่
แต่ฉู่หลิวเยว่กลับส่ายหน้า
“เจ้าเก็บเอาไว้เถิด รอไปอยู่ที่อื่นแล้ว เจ้าค่อยป้อนโอสถให้พวกเขาอีกรอบ”
ในใจของจู้หงมีกระแสอบอุ่นปรากฏขึ้น ริมฝีปากของเขาขยับขึ้น สุดท้ายเขาก็พูดออกมาด้วยความเคร่งเครียดว่า
“ขอบคุณมาก!”
“พวกเราไปที่นั่นก่อนเถอะ มู่หงอวี่คงเป็นห่วงพวกเจ้ามากแล้ว”
“มู่หงอวี่เองก็อยู่ด้วยหรือ?”
จู้หงเบิกตากว้างอย่างตกใจ
ฉู่หลิวเยว่พยักหน้าน้อยๆ แล้วหมุนตัวออกมา
พรึ่บ!
เสียงดังลั่นแหวกอากาศ
ฉู่หลิวเยว่นิ่งไปเล็กน้อย ก่อนจะเงยหน้าขึ้น
ทันใดนั้นเขาก็เห็นรากไม้ขนาดเท่าเอวของผู้ใหญ่สะบัดลงมาด้วยความรวดเร็ว
รุนแรงมากและรวดเร็วมาก
จู้หงหน้าเปลี่ยนสี
“หนีเร็ว! ของสิ่งนั้นอันตรายมาก!”
เมื่อครู่พวกเขาก็ถูกของสิ่งนี้รัดเอาไว้ จากนั้นก็ตกอยู่ในสภาพอนาถอย่างเช่นก่อนหน้านี้
สายตาของฉู่หลิวเยว่เย็นชาอย่างมาก ทันใดนั้นนางก็สะบัดมือขึ้น!
มีดสั้นที่แหลมคมก็ปรากฏขึ้น
ตู้ม!
คาดไม่ถึงว่ารากไม้นั้นจะถูกมีดสั้นผ่าแหวกกลาง
ของเหลวสีแดงไหลทะลักออกมาทันที
กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งจนทำให้คนแทบจะหายใจไม่ออก
รากไม้เส้นนั้นมันสะบัดไปมาอย่างบ้าคลั่ง ราวกับว่าต้องการจะเข้าใกล้มากขึ้นอีกนิด
ฉู่หลิวเยว่หัวเราะเสียงเย็น
วินาทีต่อมาก็มีมีดบินเล่มบางสองเล่มลอยออกมาจากมีดสั้น
ต่อมาก็ได้ยินเพียงเสียงกระทบดังติดกันสองครั้ง
คาดไม่ถึงว่ารากไม้จะถูกตัดออกโดยพร้อมเพรียงกัน
ตู้ม!
รากไม้สองเส้นหล่นลงพื้นในเวลาเดียวกัน
พร้อมจมลงไปในโคลนสีดำอย่างรวดเร็ว
ฉู่หลิวเยว่ยกมือขึ้น
มีดบินก็บินกลับมา
ใบมีดของมีดบินทั้งสองนั้นบางราวกับปีกจักจั่น และมันยังบินกลับมาโดยความรวดเร็วอีกด้วย
ใบมีดสะอาดกริบ ไม่มีร่องรอยอะไรอยู่บนใบมีดเลย
ฉู่หลิวเยว่มองไปด้วยความพอใจ จากนั้นก็เก็บมีดสั้นลง
ทุกการกระทำของนางลื่นไหลราวกับสายน้ำพัดผ่าน
จู้หงเบิกตากว้างมองค้างด้วยความตกตะลึง
เมื่อครู่…เมื่อครู่ฉู่หลิวเยว่ทำอันใดลงไปหรือ?
นางสามารถจัดการรากไม้ที่บ้าคลั่งได้อย่างง่ายดายขนาดนั้นเลยหรือ?
ฉู่หลิวเยว่มองไปยังรากไม้ที่หลบหนีไปอย่างไร้ร่องรอยด้วยแววตาลึกซึ้ง แล้วยิ้มขึ้นเล็กน้อย
“ไปกันเถอะ!”
…
ในขณะเดียวกันนั้น
สถานที่อีกแห่งหนึ่ง
ซั่งกวนเยว่กระอักเลือดออกมา
ใบหน้าของนางเต็มไปด้วยความตกใจระคนโมโห ใบหน้าขึ้นสีแดงก่ำและเปรอะเปื้อนด้วยเลือด สีหน้าบิดเบี้ยวเหลือแสน
อักขระยันต์สีดำที่อยู่ตรงระหว่างคิ้วก็สั่นไหวไปด้วยเช่นกัน
คาดไม่ถึงว่าจะมีคนขัดขวางการโจมตีของนางได้อย่างง่ายดายเช่นนี้
คนเหล่านั้นล้วนเป็นคนที่อัจฉริยะที่ของคนที่มีเส้นชีพจรตี้จิง!
เดิมทีมันก็แค่เอื้อมมือเท่านั้น แต่คิดไม่ถึงว่า…
“ใครกัน…มันเป็นใคร!”
ซั่งกวนหว่านกัดฟันกรอด
แม้ว่าขอบเขตการหยั่งรู้ของนางจะกว้างมาก ครอบคลุมเกือบทั่วทั้งป่าหมอกมายา แต่สิ่งที่สำคัญก็คือ นางสามารถรับรู้ได้แค่คนที่ถูกต้นสนฉัตรรัดเอาไว้อยู่เท่านั้น
ส่วนคนอื่นๆ นางไม่มีทางรับรู้ได้เลย
ดังนั้นนางจึงไม่สามารถเดาออกว่าใครเป็นคนทำ
แต่ว่า…
มันก็มีไม่กี่คนเท่านั้น ที่ไม่ได้อยู่ในบริเวณนี้ตั้งแต่แรก
ต้องเป็นกลุ่มของฉู่หลิวเยว่แน่นอน
ซั่งกวนหว่านจึงต้องสงสัยฉู่หลิวเยว่อย่างไม่มีทางเลือก แต่นางก็ไม่กล้ามั่นใจ
เพราะนางไม่คิดว่าฉู่หลิวเยว่จะมีความสามารถขนาดนี้
หรือว่า…ที่นี่ยังมีผู้แข็งแกร่งคนอื่นที่นางยังไม่รู้อีก!
ซั่งกวนหว่านคิดอย่างไรก็ยังไม่เข้าใจ
แต่นางก็ลังเลอยู่ชั่วขณะหนึ่ง ก่อนจะพักเรื่องนี้เอาไว้ก่อนชั่วคราว
คนกลุ่มนี้ไม่ได้ ก็เปลี่ยนเป็นอีกกลุ่มก็สิ้นเรื่อง
ตอนนี้เส้นชีพจรในร่างกายของนางฟื้นคืนมาได้หนึ่งส่วนสี่แล้ว
ใช้เวลาอีกไม่นาน นางก็จะหายสนิท
แสงสีเขียวจางๆ ส่องประกายผ่านแววตาของซั่งกวนหว่าน