ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 736 ถ้านางลงมือเร็วกว่านี้
ตอนที่ 736 ถ้านางลงมือเร็วกว่านี้
ในตอนที่ม่านพลังพังทลายกลายเป็นลำแสงจำนวนนับไม่ถ้วน และมันก็ควบรวมขึ้นอีกครั้งตรงหน้าของซั่งกวนหว่าน!
ในขณะเดียวกันระลอกคลื่นสีดำก็ปรากฏออกมาจากอักขระยันต์ตรงระหว่างคิ้วของซั่งกวนหว่าน! ก่อนจะไปเกาะติดอยู่ที่ม่านพลังอย่างไร้เสียง!
ตู้ม!
แรงกดดันที่น่ากลัวสาดกระจายออกมา!
ตู้ม!
พลังของทั้งสองฝ่ายปะทะกันอย่างดุเดือด!
ในที่สุดเปลวเพลิงนั้นก็ถูกขวางเอาไว้ที่ด้านนอกอีกครั้ง!
มีเพียงม่านพลังที่กำลังสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง ดูเหมือนว่ามันจะสามารถแตกสลายได้ทุกเมื่อ!
ใบหน้าของซั่งกวนหว่านเต็มไปด้วยความตกใจ!
อีกนิดเดียว…
อีกนิดเดียวก็จะ…
นางสามารถสัมผัสได้ถึงพลังน่ากลัวที่พวยพุ่งออกมาจากเปลวเพลิงกลุ่มนั้นได้จริงๆ!
ถ้านางได้รับการโจมตีนั้น เกรงว่าจะ…
ซั่งกวนหว่านก้มลงมองเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงบนตัวของตนเอง แล้วชะงักไปครู่หนึ่ง เหมือนนางจะเป็นบ้าขึ้นมา นางรีบถอดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงออกอย่างรวดเร็ว!
การกระทำของนางรวดเร็วมาก ท่ามกลางความโมโหยังมีความหวาดกลัวแฝงอยู่ด้วย แม้กระทั่งเสื้อผ้าหน้าผมยับยุ่งเหยิงนางก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย
ตู้ม!
ซั่งกวนหว่านโยนเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงลงพื้นอย่างแรง เหมือนว่ากำลังกลัวอันใดบางอย่าง นางก้าวถอยหลังไปสองก้าว แต่สายตาก็ยังจ้องที่เกราะนั้นตาเขม็ง
สายตาของนางยังคงความเย็นชาและดุร้าย พร้อมประกายกรุ่นโกรธที่พลุ่งพล่าน ราวกับว่าต้องการจะจัดการเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงให้เป็นรู!
“เป็นไปได้อย่างใด…เป็นไปได้อย่างใด!?”
ซั่งกวนหว่านบ่นพึมพำกับตัวเอง ใบหน้าซีดขาว หน้าอกกระเพื่อมแรงกว่าเดิม พร้อมหอบหายใจอย่างหนัก
นางกำมือทั้งสองข้างแน่น เล็บเจาะเข้าไปในฝ่ามือ เลือดสดๆ ไหลออกมา
แต่ในเวลานี้นางจะสนใจเรื่องเหล่านี้อยู่หรือ?
ความคิดจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นในหัวของนาง! ราวกับจะทำให้สมองของนางระเบิด!
เกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงเคยเป็นของซั่งกวนเยว่ หลังจากซั่งกวนเยว่ตายแล้ว เกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงก็ต้องกลายเป็นของที่ไม่มีเจ้าของ
ตามหลักการนี้เมื่อนางถ่ายปราณของตนเองลงไปในเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดง มันก็จะสามารถกระตุ้นและใช้งานได้ทันที!
แต่ว่าเมื่อครู่ตอนที่ซั่งกวนหว่านจะทำเช่นนั้น กลับพบว่าปราณดั้งเดิมของนางไม่สามารถเข้าไปในเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงได้!
นั่นหมายความว่าเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงยังมีเจ้าของอยู่!
“ไม่…ไม่มีทาง…นางตายไปแล้ว ไม่สามารถตายได้อีกแล้ว…เหตุใดถึง…”
ริมฝีปากของซั่งกวนหว่านสั่นระริก นางพูดปลอบใจตัวเองไม่หยุด แต่หัวใจก็ยังเต้นแรงอยู่
เมื่อนึกถึงภาพเหตุการณ์เมื่อครู่ ไม่ว่าทำอย่างใดนางก็ไม่มีทางสงบใจลงได้ และยิ่งไม่มีทางโน้มน้าวใจตัวเองได้เหมือนกับตอนที่ซั่งกวนหว่านเอามันออกมาในตอนแรก มองไม่เห็นความผิดปกติเลยแม้แต่น้อย
เกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงนอนกองอยู่ที่พักอย่างเงียบเชียบ
ซั่งกวนหว่านจ้องมันตาเขม็ง แววตาเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา
ไม่ ซั่งกวนเยว่ตายแล้วอย่างแน่นอน!
กายเนื้อแหลก วิญญาณสลาย!
นางเห็นมันด้วยตาตัวเอง!
นางไม่มีทางมีชีวิตอยู่!
เมื่อคิดถึงตรงนี้ซั่งกวนหว่านก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามทำใจให้สงบ
หรือว่า…เพราะพลังในร่างกายส่วนสุดท้ายของนางยังไม่ฟื้นคืนสมบูรณ์?
นางมองออกไป
รากไม้ที่นางส่งออกไปเมื่อครู่นี้ถูกเผาทำลายหมดแล้ว
หลังจากหาเวลาและคนที่เหมาะสมได้อย่างยากลำบาก นางก็ฆ่าศิษย์สำนักกระบี่เมฆาม่วงได้สองคน แต่ยังไม่ทันได้ดูดกลืนพลังของพวกเขาเลย นางก็…
ปอดของซั่งกวนหว่านแทบจะระเบิดแล้ว!
คนๆ นั้นจะต้องจงใจอย่างแน่นอน!
แล้วก็เปลวเพลิงแบบนั้น…
นางจ้องไปที่เปลวเพลิงนั้นด้วยสายตาเคียดแค้น
ท่ามกลางเปลวเพลิงสีชาดมีลำแสงหลากสีที่งดงาม และเหมือนว่ากำลังโยกย้ายคล้ายเต้นระบำ
คล้ายเป็นการลอบสังเกต คล้ายเป็นการยั่วยุ!
“เจ้าเดาได้ถูกต้อง นั่นคือพลังของฉู่หลิวเยว่จริงๆ”
เสียงแหบแห้งนั้นดังขึ้นอีกครั้ง
ซั่งกวนหว่านชะงักไปแล้วขมวดคิ้วขึ้นมาอย่างอดไม่ได้
“แต่ด้านในบรรจุพลังที่แข็งแกร่งกว่าฉู่หลิวเยว่…”
“ข้ายังพูดไม่จบ”
เสียงนั้นพูดตัดบทซั่งกวนเยว่อย่างเกียจคร้าน
“นอกจากนางแล้ว ยังมีกษายะหางวายุ ซึ่งก็คือ…ไก่ฟ้าเก้าสีตัวนั้นที่บุกเข้ามาในตอนแรก!”
“อันใดนะ?!”
ซั่งกวนหว่านเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“นั่น…นั่น…ท่านหมายความว่า…ไก่ฟ้าเก้าสีสามารถเลื่อนขั้นกลายเป็นกษายะหางวายุ อีกทั้งฉู่หลิวเยว่…”
การโจมตีของฉู่หลิวเยว่สามารถประสานกับกษายะหางวายุได้ นั่นหมายความว่าอย่างใด ไม่ต้องพูดก็รู้ได้เลย!
“โชคของฉู่หลิวเยว่ผู้นี้…ถือว่าไม่ธรรมดาเลย อสูรศักดิ์สิทธิ์อย่างกษายะหางวายุ มันหยิ่งผยองอย่างมาก ในสถานการณ์ทั่วไปแล้วจะไม่ทำพันธสัญญากับคนทั่วไปเด็ดขาด โดยเฉพาะกับจอมยุทธ์ที่อยู่ในระดับห้าเท่านั้น”
น้ำเสียงนั้นมีความเย็นชาปกคลุมอยู่ชั้นหนึ่ง เห็นได้ชัดว่าเขาประหลาดใจกับเรื่องนี้อย่างมาก
“หึ เจ้าพยายามมากตั้งนาน แต่สุดท้ายก็ถูกคนอื่นเอาเปรียบ”
คำพูดนั้นล้วนเป็นการเยาะเย้ย
เดิมทีซั่งกวนหว่านก็รู้สึกตกใจอย่างมากอยู่แล้ว เมื่อโดนคำพูดเยาะเย้ยแบบนั้นก็ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจมากยิ่งขึ้น ความเกลียดชังเคียดแค้นที่มีต่อหลิวเยว่ก็เพิ่มมากขึ้น
นางเพิ่งฟื้นฟูเส้นลมปราณได้ไม่นาน แต่กลับโดนฉู่หลิวเยว่แย่งโอกาสไปแล้ว!
อสูรศักดิ์สิทธิ์!
นั่นเป็นอสูรศักดิ์สิทธิ์จริงๆ!
แม้กระทั่งนางยังไม่เคยเห็นมาก่อน แต่พริบตาเดียวฉู่หลิวเยว่กลับสามารถทำพันธสัญญากับมันได้แล้ว!
“สารเลว!”
“พูดไปตอนนี้มันก็ไม่มีประโยชน์ อสูรศักดิ์สิทธิ์ทำพันธสัญญาไปแล้ว ต่อให้เจ้านายตายเป็นเถ้าธุลี มันก็ไม่สามารถยอมรับเจ้านายคนที่สองได้ เจ้าเลิกคิดเรื่องนี้ไปได้เลย ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่อาจจะกำลังเดาได้ว่าเจ้ากำลังทำอันใดอยู่สิ่งที่ต้องรีบทำให้เร็วที่สุดตอนนี้คือรีบฟื้นฟูเส้นชีพจรให้หายดี แล้วรีบออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
“…ขอบคุณท่านผู้อาวุโสที่ชี้แนะ”
ซั่งกวนหว่านระงับความโกรธที่มีอยู่ในใจลงอย่างยากลำบาก แต่ในใจก็ยังครุ่นคิดเรื่องนี้อยู่ไม่เลิกรา
ลวดลายสีดำเหนือม่านพลังก็ลอยหายไป
ราวกับน้ำหมึกหยดลงที่ม่านพลังนั้น หลังจากนั้นไม่นานมันก็ถูกย้อมให้กลายเป็นสีดำอย่างรวดเร็ว
เงาร่างของซั่งกวนหว่านก็ถูกปกคลุมด้วยม่านพลังสีดำนั้น
นางครุ่นคิดกับตัวเองในใจ
ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่จะต้องอยู่กับศิษย์สำนักกระบี่เมฆาม่วงเหล่านั้นแน่นอน ถ้าเป็นเช่นนั้นนางก็เปลี่ยนเหยื่อลงมือก็ได้แล้วใช่หรือไม่?
นางไม่เชื่อว่าฉู่หลิวเยว่จะสามารถขวางนางได้!
ซั่งกวนหว่านนั่งขัดสมาธิ พร้อมแบมือทั้งสองข้างไว้ที่หน้าตัก
นางเหลือบมองชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงที่นอนอยู่บนพื้นอย่างไม่รู้ตัว ในใจก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา
รอจนเส้นชีพจรของนางฟื้นฟูสำเร็จแล้ว นางจะต้องเอาชุดเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงอันนี้ไว้กับตัวอย่างแน่นอน
อักขระยันต์นั้นค่อยๆ ลอยผ่านไป
ระลอกคลื่นที่มองไม่เห็นพุ่งตรงไปที่เปลวเพลิงนั้น!
…
ตู้ม!
เปลวเพลิงระเบิดขึ้น!
แม้กระทั่งรากไม้ก็ยังเกิดระเบิดขึ้นอย่างฉับพลัน!
ฉู่หลิวเยว่ถอยหลังลงไปอย่างรวดเร็ว!
ปีกทั้งสองข้างของถวนจื่อสยายออกมา พายุพัดกระหน่ำ! ทำให้ปราณที่รุนแรงถูกขวางเอาไว้!
หลังจากระเบิดเกิดขึ้นไปแล้ว ในที่สุดทุกอย่างก็เงียบเสียงลง!
ฉู่หลิวเยว่ขมวดคิ้วแน่น
มีคนกำลังช่วยซั่งกวนหว่านอยู่!
น่าเสียดายที่อีกฝ่ายลงมือเร็วเกินไป นางจึงไม่สามารถมองให้ชัดเจนได้!
ประเด็นสำคัญเลยก็คือ คนผู้นั้นแข็งแกร่งมาก!
ต่อให้มาเทียบกับพี่เหลยสี่ เขาก็ไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของอีกฝ่ายได้
ซั่งกวนหว่านมีผู้ช่วยที่ลึกลับระดับนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน?
เสียงสะอื้นดังขึ้นมาจากด้านหลัง
ฉู่หลิวเยว่จึงหันหลังกลับไปมอง
หยางซิ่นเอ๋อรปิดหน้าปิดตาร้องไห้ต่อหน้าศพศิษย์พี่ทั้งสองคน ราวกับว่า…เจ็บปวดและเสียใจอย่างมาก
“ความผิดข้าเอง…ศิษย์พี่ ท่านไม่ควรช่วยข้าลงมาก่อนเลย…”
เดิมทีซ่งชิงเหนียนก็รู้สึกเสียใจที่สูญเสียศิษย์ร่วมสำนักทั้งสองคน แต่เมื่อได้ยินหยางซิ่นเอ๋อร์ร้องไห้เช่นนั้น เขาจึงพูดอย่างปวดใจว่า
“มันจะเป็นความผิดของเจ้าได้อย่างใด? ตอนนั้นข้าอยู่ใกล้เจ้ามากที่สุด ข้าไม่ช่วยเจ้าแล้วจะช่วยใคร?”
หยางซิ่นเอ๋อร์สะอึกสะอื้น ดวงตาแดงก่ำ มองเขาด้วยแววตาน่าสงสารและไร้ซึ่งความผิด
“ถ้า…คุณหนูฉู่ลงมือเร็วกว่านี้สักหน่อย บางที…บางทีคงจะไม่เป็นเช่นนี้…”