ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 742 รู้
ตอนที่ 742 รู้
ในตอนที่ฉู่หลิวเยว่กับซั่งกวนหว่านกำลังเข้าสู่การต่อสู้ที่ดุเดือด ทุกคนที่ถูกทิ้งไว้อยู่ที่เดิมก็รู้สึกร้อนใจอย่างมาก
จู่ๆ หยางซิ่นเอ๋อร์ก็ระเบิดตัวเองตาย ก็ทำให้ทุกคนประหลาดใจมากแล้ว รอจนกว่าพวกเขาจะได้สติฉู่หลิวเยว่ก็หายตัวไปแล้ว!
ตอนนี้มีเพียงผลกระทบหลังจากการระเบิดตัวเองของหยางซิ่นเอ๋อร์เท่านั้น
พี่เหลยสี่จ้องความว่างเปล่าตาเขม็ง เขารู้สึกโกรธระคนเสียใจอย่างมาก หน้าอกสั่นกระเพื่อมอย่างรุนแรง
ฝ่าบาทอยู่ตรงหน้าเขา แต่เขาไม่สามารถปกป้องได้เลย!
เขามองดูนางถูกความว่างเปล่าดูดไปอย่างไม่สามารถทำอันใดได้!
สองปีก่อน พวกเขาไม่ได้อยู่ที่ข้างกายฝ่าบาท คนเหล่านั้นจึงฉวยโอกาสนั้น
แต่ตอนนี้…
เลือดในร่างกายของพี่เหลยสี่เดือดปุดๆ ก่อนจะยกมือขึ้นมาตบหน้าตัวเอง
“พี่สี่”
ฉินอีที่อยู่ด้านข้างก็พูดขึ้นมาอย่างกะทันหัน
มือของพี่เหลยสี่ที่เพิ่งยกขึ้นมา ก็ต้องยกค้างอยู่กลางอากาศ เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นแววตาราบเรียบของพี่ใหญ่ของตัวเอง แววตาเย็นชา และเหมือนกำลังส่งสัญญาณเตือนเขาอยู่
…ถ้าเขาแสดงปฏิกิริยาที่มันเกินเหตุไปตอนนี้ จะทำให้คนอื่นสงสัยได้!
เจียงอวี่เฉิง มู่ชิงเห่อ และคนพวกนั้นกำลังยืนมองอยู่ด้านหลังนะ!
ฉินอีเตือนอย่างไร้เสียง จึงทำให้พี่เหลยสี่ได้สติขึ้นมา เขากัดฟันกรอดแล้วลดมือลง เพียงแต่กำมือไว้จนแน่นเท่านั้นจนเส้นเลือดบนหน้าผากปูดโปนขึ้น
“เมื่อครู่มันเกิดอันใดขึ้นหรือ!?”
เจียงอวี่เฉิงรีบสาวเท้าเดินก้าวเข้ามา พร้อมสีหน้าจริงจัง
ฉินอีหมุนตัวกลับไปมองด้วยสีหน้าราบเรียบ
“หยางซิ่นเอ๋อร์ระเบิดตัวเอง จนฉีกช่องว่างของมิติ จากนั้นนางก็ให้คนที่อยู่เบื้องหลังจับตัวฉู่หลิวเยว่ไป”
เจียงอวี่เฉิงขมวดคิ้วเป็นปม
“เช่นนั้นก็หมายความว่าหยางซิ่นเอ๋อร์มีปัญหาจริงๆ? แล้วคนที่อยู่เบื้องหลังคือใครกันแน่?”
ฉินอีส่ายหน้า จากนั้นก็มองไปทางซ่งชิงเหนียน
ทันใดนั้นซ่งชิงเหนียนก็รู้สึกเหมือนโดนเปลวเพลิงร้อนแรงลวกทันที
“มองข้าเหตุใด!? สายตาเช่นนั้นของเจ้ามันหมายความว่าอย่างใดกันแน่!?”
“หยางซิ่นเอ๋อร์เป็นคนของกระบี่เมฆาม่วง อีกทั้งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทสนมกับคุณชายซ่งตอนนี้เกิดเรื่องขึ้นกับนาง…หรือว่าเจ้าจะไม่คิดจะพูดอันใดเลยหรือ?”
น้ำเสียงของฉินอีราบเรียบอย่างมาก แต่ทุกคำที่เขาพูดล้วนคมกริบ! และทำให้ทุกคนรู้สึกสงสัยอย่างถึงที่สุด!
ผู้คนรอบข้างต่างมองตามด้วยความสงสัย
ใช่แล้ว
เมื่อครู่ซ่งชิงเหนียนยังทุ่มเทปกป้องหยางซิ่นเอ๋อร์อย่างสุดกำลังอยู่เลย เรื่องนี้ทุกคนต่างรู้เป็นอย่างดี!
หยางซิ่นเอ๋อร์มีปัญหา หรือว่าเขาไม่รู้เรื่องนี้เลยสักนิดเดียว?
ซ่งชิงเหนียนพูดขึ้นอย่างโมโห
“ข้าจะพูดอันใดได้อีก? ข้าไม่รู้เรื่องอันใดทั้งนั้น!”
เดิมทีเขายังคิดจะแก้ต่างให้หยางซิ่นเอ๋อร์อีกสักสองประโยค แต่ด้วยสถานการณ์แบบนี้ ไม่ว่าเขาจะพูดอันใดออกไปก็ล้วนไร้น้ำหนักทั้งนั้น
หยางซิ่นเอ๋อร์เลือกที่จะระเบิดตัวเองไปแล้ว!
นี่ก็ถือเป็นการสำนึกผิดแล้วไม่ใช่หรือ?
กอปรกับบาดแผลที่แปลกประหลาดเมื่อก่อนหน้านี้…
แม้แต่ซ่งชิงเหนียนก็ยังรู้ดีว่า นางจะต้องปิดบังอันใดบางอย่างไว้อย่างแน่นอน!
คนก็ตายไปแล้ว สิ่งที่เขาต้องทำคือล้างมลทินให้ตัวเอง!
“หา? เจ้าสนิทกับนางที่สุดไม่ใช่หรือ นางเคยพูดอันใด เคยทำอันใด เจ้าไม่รู้สักนิดจริงๆ หรือ?”
ฉินอีถามกลับ
ซ่งชิงเหนียนรู้สึกเสียใจอย่างมาก
“ข้าไม่รู้จริงๆ! ให้ถามอีกกี่ร้อยครั้งข้าก็ไม่รู้!”
หยางซิ่นเอ๋อร์เพิ่งเข้าสำนักกระบี่เมฆาม่วงมาได้ไม่นานเอง
เขาก็เห็นว่านางงดงามอ่อนโยน จึงเข้าหานางแค่เล็กน้อยเท่านั้น
ใครมันจะไปคิดเล่าว่าเรื่องมันจะกลายมาเป็นแบบนี้?
“ชิงเหนียน ข้าเชื่อว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเจ้า แต่ตอนนี้ไม่ว่าเบาะแสใดๆ ก็ล้วนสำคัญทั้งนั้น นางผิดปกติตรงไหนบ้าง หากเจ้ารู้ เจ้าก็บอกมาเถอะ”
คำพูดนี้เจียงอวี่เฉิงเป็นคนพูด
ซ่งชิงเหนียนมองเขาอย่างไม่อยากจะเชื่อ
นี่หมายความว่า…เจียงอวี่เฉิงก็สงสัยในตัวเขาเช่นกันหรือ?
ในตอนที่เขากำลังจะเถียง แต่กลับเห็นสีหน้าที่จริงจังของเจียงอวี่เฉิงขึ้นมา คาดไม่ถึงว่าเขาจะใส่ใจเรื่องนี้อย่างมาก
ไม่!
เห็นได้ชัดว่าเขากำลังใส่ใจฉู่หลิวเยว่!
ซ่งชิงเหนียนรู้จักเจียงอวี่เฉิงดี
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเขาเช่นนี้แล้ว ก็สามารถคาดเดาความคิดของอีกฝ่ายได้หลายส่วน แต่ก็แอบอดที่จะตกใจไม่ได้
ด้านข้างของเขาคือมู่ชิงเห่อ เขาเหลือบสายตามองเจียงอวี่เฉิงอย่างไม่ออกเสียงอยู่นาน
เจียงอวี่เฉิงที่ดูอบอุ่นและมีมารยาท แต่ความจริงแล้วเป็นคนเลือดเย็นกว่าใคร และลงมือได้อย่างโหดเหี้ยม
สิ่งที่เขาให้ความสำคัญที่สุด ก็มีแค่ตัวเองเท่านั้น
การที่ซั่งกวนหว่านหายตัวไปนานขนาดนี้ เขาไม่รู้สึกร้อนรนเลย
แต่ฉู่หลิวเยว่เพิ่งหายตัวไปได้ไม่นาน เขากลับไม่สามารถสงบใจลงได้แล้ว…
มู่ชิงเห่อหลับตาลงพร้อมกดข้อสันนิษฐานของตัวเองไปไว้ในใจ
เกรงว่าเจียงอวี่เฉิงเองก็คงไม่รู้สึกตัวในจุดนี้ละมั้ง?
“…ข้าไม่รู้อันใดสักอย่างจริงๆ นะ! ถ้าข้ารู้เหตุใดข้าต้องเปลืองแรงเปลืองเวลาไปช่วยเหลือนางด้วยเล่า? แล้วเหตุใดข้ายังพูดแทนนางแบบนั้น?”
ซ่งชิงเหนียนแก้ต่างให้ตัวเอง
ใบหน้าของเจียงอวี่เฉิงไม่บ่งบอกอารมณ์ เพียงแต่แววตาของเขาทั้งลึกและมืดมิด
เมื่อเห็นดังนั้นเขาคิดว่าไม่น่าจะได้คำตอบอันใดจากซ่งชิงเหนียนแล้ว
เขาหันไปมองที่ฉินอีอีกครั้ง
“คุณชายฉิน พวกเจ้ามีวิธีที่ทำให้ทราบตำแหน่งของฉู่หลิวเยว่หรือไม่?”
เมื่อสิ้นเสียงนั้น ด้านข้างของเขาก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น
“ข้ารู้ว่านางอยู่ที่ไหน?”
เสียงเย็นชาของหนุ่มน้อยดังขึ้นมา
รอบข้างเงียบกริบ
ฉินอีหันไปมองหนุ่มผมทองที่ยืนอยู่ตรงหน้า
สีหน้าของเขาเย็นชาอย่างมาก และเม้มริมฝีปากแน่น
ฉินอีหรี่ตามองคนผู้นั้น
เชียงหว่านโจวพูดต่อว่า
“ข้าจะพาเจ้าไปช่วยนาง”
ใบหน้าฉินอีคล้ายยิ้มคล้ายไม่ยิ้ม
“เหตุใดถึงเป็นข้า?”
“เพราะเจ้าแข็งแกร่งที่สุด เจ้าช่วยนางได้”
เชียงหว่านโจวมองเขาตาเขม็ง
และเขาไม่ได้พูดครึ่งประโยคหลังออกมา
และเพราะว่า…ฉู่หลิวเยว่ไว้ใจฉินอี!
เขามองออกได้อย่างชัดเจน ฉู่หลิวเยว่นั้นไว้ใจพี่เหลยสี่และฉินอีอย่างมาก
แม้ว่าเขาไม่รู้ว่าเหตุใด แต่เขาก็เชื่อใจนาง
ฉินอีชะงักไปแล้วพยักหน้า
“ได้”
เจียงอวี่เฉิงรีบถามขึ้นทันที
“เช่นนั้นนางอยู่ที่ไหนกันแน่?”
ทันทีที่เพิ่งถามออกไป เจียงอวี่เฉิงก็รู้สึกตัวแล้วว่าเขาใจร้อนมากเกินไป
การแสดงออกของเขาเปลี่ยนไป จากนั้นเขาก็พูดเสริมอีกประโยคว่า
“ทุกคนไปด้วยกันทั้งหมด น่าจะมีโอกาสชนะมากขึ้น”
มู่หงอวี่และเย่หรานหร่านก็เดินตามขึ้นมา เหมือนว่าต้องการจะเดินทางไปด้วย
เชียงหว่านโจวเหลือบตามองเจียงอวี่เฉิงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ค่อยๆ กวาดสายตาไปมองคนอื่นอย่างช้าๆ แล้วกล่าวว่า
“นางอยู่ห่างจากที่นี่ไกลมาก หากไปกันทุกคนละก็ เกรงว่าจะทำให้ล่าช้า”
สีหน้าของเจียงอวี่เฉิงดูอับอายเล็กน้อย
เดิมทีมู่หงอวี่และเย่หรานหร่านคิดจะติดตามไปด้วยอยู่แล้ว เมื่อได้ยินดังนั้นก็รู้สึกลังเลเล็กน้อย
“เช่นนั้นพวกเจ้าก็ไปก่อนเถอะ! เรื่องช่วยหลิวเยว่สำคัญกว่า! ไม่ต้องสนใจพวกเรา!”
แม้ว่ามู่หงอวี่จะรู้สึกเป็นห่วงอย่างมาก แต่นางก็ยังจะพูดเช่นนั้นออกมา
นางคือร่างซวีหยวน ความจริงแล้วสามารถเคลื่อนที่ได้อย่างรวดเร็วมากกว่าคนอื่นเล็กน้อย
แต่นางไม่มั่นใจว่าฝีมือของนางในตอนนี้จะแข็งแกร่งพอหรือไม่
ถ้าไปแล้วกลายเป็นตัวถ่วงของคนอื่น มันก็คงจะไม่ดีแน่
เย่หรานหร่านก็พยักหน้าอย่างจริงจัง
“พี่ใหญ่ฉิน พวกพี่ไปก่อนเถอะ!”
เมื่อพวกนางพูดเช่นนี้แล้ว คนอื่นๆ ก็ไม่กล้าพูดอันใดออกไป
ฉินอียกมือขึ้นแล้วปัดมันเบาๆ จากนั้นมิติก็ถูกตัดขาดจากกัน
จากนั้นเขาก็สาวเท้าขึ้นไปด้านหน้า
เชียงหว่านโจวรีบตามหลังไปทันที
พี่เหลยสี่ก็จะตามไป แต่ฉินอีมองเขาครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้าเบาๆ
“ปกป้องพวกเขาให้ดี”
จากนั้นร่างของทั้งสองคนก็หายไปภายในชั่วพริบตา!
เจียงอวี่เฉิงขมวดคิ้วแน่นและกำลังตกอยู่ในห้วงความคิด
ถ้าเมื่อครู่ฉู่หลิวเยว่ถูกซั่งกวนหว่านพาตัวไปจริงๆ แล้วละก็…
ความจริงแล้วเขาก็รู้ตำแหน่งนั้น!