ยอดหญิงลิขิตสวรรค์ - ตอนที่ 750 เจ้าของเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดง
ตอนที่ 750 เจ้าของเกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดง
ซั่งกวนหว่านยังพูดไม่จบ
เพราะพี่เหลยสี่กวาดสายตามองไป
ครั้งนี้เขาไม่ได้ตะโกนด่าเสียงดัง เพียงแต่เหลือบสายตามองซั่งกวนหว่านไปเล็กน้อยเท่านั้น
แต่สายตานั้นก็เย็นชาอย่างมาก!
เดิมทีฝีมือของเขาก็แข็งแกร่งอยู่แล้ว กอปรกับสายตาที่เย็นชา ทำให้รู้สึกเหมือนสบายใจอย่างเต็มที่
ซั่งกวนหว่านตัวสั่นสะท้านอย่างไม่รู้ตัว ในใจรู้สึกหวาดกลัวอย่างมาก และกลืนคำพูดที่เหลือลงคอไปทันที
แต่นางกำหมัดที่อยู่ในแขนเสื้อแน่น
นางหลุบตาลงต่ำ จากนั้นก็ซ่อนความโกรธเอาไว้ในดวงตา
ถ้าออกไปจากที่นี่ได้เมื่อไร นางจะต้องหาทางจัดการพี่เหลยสี่คนนี้ให้จงได้!
นางยังจำภาพตอนที่พี่เหลยสี่สู้กับนางได้อยู่เลย!
แค้นเก่าแค้นใหม่ ถึงเวลาแล้วจะชำระรวมกัน!
พี่เหลยสี่หัวเราะเสียงเย็น สีหน้าดูดุร้ายและน่ากลัวอย่างมาก
ซั่งกวนหว่านคิดอันใดอยู่ เขามองออกทั้งหมดแล้ว!
ถ้าเขาไม่รีบเรื่องตามหาฝ่าบาท เขาไม่มีทางปล่อยนางไปง่ายๆ อย่างแน่นอน!
พี่เหลยสี่ถอนสายตาออกมา แล้วก้าวกระโดดขึ้นไปด้านหน้า
ในครั้งนี้ ฉินอีไม่ได้ขวางเขาเอาไว้
พี่เหลยสี่หาอย่างละเอียด
แม้ว่าเขาจะจำรูปร่างของฉู่หลิวเยว่ได้อย่างละเอียด แต่ทุกครั้งที่เขากวาดสายตามอง เขาก็มองหาอย่างตั้งใจ
บางคนหันหลังให้เขา บางคนนอนคว่ำอีกที่พื้น
เขาก็เดินเข้าไปหาทีละคนอย่างไม่เหน็ดเหนื่อย
เมื่อแน่ใจแล้วว่าไม่ใช่นาง จึงเดินตามหาคนต่อไป
ซั่งกวนหว่านมองแผ่นหลังของพี่เหลยสี่ แล้วขมวดคิ้วแน่นเป็นปม
ในตอนนั้นเอง นางก็เห็นมู่ชิงเห่อ
“รองแม่ทัพมู่”
มู่ชิงเห่อเดินเข้ามา
ในตอนนั้นเองผู้อาวุโสชิวซีก็เดินตามมาด้วย
เขาสาวเท้าขึ้นมาด้านหน้าด้วยความเร็ว เดินแซงมู่ชิงเห่อขึ้นมา และตอนนั้นเองเขาก็ตะโกนขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า
“ฝ่าบาท! ในที่สุดข้าก็พบท่านแล้ว! ท่านคงไม่รู้ว่าข้าและคนอื่นๆ เป็นห่วงท่านขนาดไหน!”
มู่ชิงเห่อเหลือบสายตามองเขาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอันใดออกมาสักอย่าง จากนั้นเขาก็หันไปคำนับซั่งกวนหว่านและเจียงอวี่เฉิง
“ฝ่าบาท คุณชายใหญ่”
ผู้อาวุโสชิวซีใช้แขนเสื้อซับน้ำตา
“ฝ่าบาท เมื่อเห็นว่าท่านปลอดภัย พวกเราเองก็วางใจ…นี่ก็ไม่นับว่าข้ารอท่านอย่างเปล่าประโยชน์!”
ในที่สุดคำพูดของเขาก็ดึงดูดซั่งกวนหว่านได้สำเร็จแล้ว
นางขมวดคิ้วแน่นแล้วถามอย่างสงสัยว่า
“ผู้อาวุโสชิวซี ที่ท่านพูดหมายความว่าอย่างใด? พวกเจ้า…ก่อนหน้านี้กำลังตามหาข้าอยู่หรือ?”
ผู้อาวุโสชิวซีรีบเล่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ทันที
แน่นอนว่าเขาเน้นย้ำเรื่องที่เขาเป็นกังวลเกี่ยวกับตัวซั่งกวนหว่านมากแค่ไหน อีกทั้งยังย้ำว่าให้ทุกคนต้องตามหาตัวนางให้เจอ จนในที่สุดทุกคนก็ต้องลงมาตามหานางด้วยตนเอง
เนื่องจากคนกลุ่มที่สองลงมาไม่ได้ถูกรากไม้พวกนั้นรัดเอาไว้ ดังนั้นซั่งกวนหว่านจึงไม่ค่อยรู้สถานการณ์ทางพวกเขามากเท่าไร
“อย่างนี้นี่เอง…ลำบากทุกคนแล้วจริงๆ…”
ซั่งกวนหว่านกัดฟันกรอด แล้วค่อยๆ พูดออกไปอย่างช้าๆ
ถ้าคนเหล่านี้ไม่ลงมา นางก็คงไม่โดนฉู่หลิวเยว่รบกวนจนเสียเวลาเช่นนี้!
ผู้อาวุโสชิวซีที่กำลังพูดจาฉะฉาน แต่เมื่อจับสังเกตได้ว่าอารมณ์ของซั่งกวนหว่านเปลี่ยนไป เขาจึงเงียบเสียงลงทันที
เขากวาดสายตามองใบหน้าของซั่งกวนหว่าน
ไม่รู้ว่านางไปเจออันใดมาบ้าง ใบหน้าของนางจึงกลายเป็นแบบนี้…
แม้ว่าการเคลื่อนไหวของผู้อาวุโสชิวซีจะน้อยมาก การเปลี่ยนแปลงก็น้อยมาก แต่ซั่งกวนหว่านก็ยังจับสังเกตได้
ความแค้นที่อยู่ในใจของนางยิ่งฝังแน่นลึกเข้าไปอีก แต่ตอนนี้นางอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย จึงไม่สามารถแสดงกิริยาอันใดออกไปได้
นางรีบหยิบผ้าพันคอขึ้นมาปิดหน้า
แม้ว่าจะปิดหน้าให้เห็นแค่หน้าผากกับคิ้ว แต่ก็ยังคงเห็นรอยแผลขนาดใหญ่ที่น่าตกใจอยู่ แต่เมื่อเทียบกับรอยฉีกทั้งหมดแล้ว ก็นับว่าดูดีขึ้นมาก
นางมองไปทางมู่ชิงเห่อ
“รองแม่ทัพมู่ พี่เหลยสี่กับฉู่หลิวเยว่…เหมือนว่าจะมีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา เจ้ารู้หรือไม่ว่าเกิดอันใดขึ้น?”
มู่ชิงเห่อส่ายหน้าแล้วพูดอย่างลังเลว่า
“พี่เหลยสี่และอีกคนหนึ่งมีหน้าที่ดูแลไก่ฟ้าเก้าสีที่นี่ หลังจากไก่ฟ้าเก้าสีกลายเป็นกษายะหางวายุแล้ว มันก็ทำพันธสัญญากับฉู่หลิวเยว่ ความสัมพันธ์…น่าจะประมาณนี้แหละขอรับ”
ถ้าไม่พูดถึงกษายะหางวายุก็แล้วไป แต่เมื่อพูดถึงแล้วซั่งกวนหว่านก็รู้สึกร้อนอยู่ในท้อง!
อสูรศักดิ์สิทธิ์ที่จะต้องมาเป็นของนางก็หายไปแล้ว อีกทั้งมันยังข่วนหน้าของนางด้วย!
ตอนนี้ฉู่หลิวเยว่ตายแล้ว อสูรศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นก็ต้องตายเช่นกัน
“ที่แห่งนี้อันตรายอย่างมาก พวกเราต้องรีบออกจากที่นี่ให้เร็วที่สุด”
เจียงอวี่เฉิงเดินขึ้นมา แล้วพูดเสียงเรียบ
ซั่งกวนหว่านไม่ได้คิดจะเถียงอยู่แล้ว แต่เขาเห็นเจียงอวี่เฉิงมองไปสถานที่นั้นด้วยสายตาที่เคร่งเครียด
นางมองตามสายตาของเขาอย่างไม่รู้ตัว จากนั้นก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ
ตอนนั้นนางเห็นเพียงว่าต้นไม้แม่พันธุ์กำลังเหี่ยวแห้งลงอย่างรวดเร็วจนสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!
ลมพัดกระโชกแรง ใบไม้จำนวนมากมายนับไม่ถ้วนเปลี่ยนจากสีเขียวสดเป็นสีเหลือง ก่อนจะปลิวหล่นลงมา
แต่ที่น่ากลัวกว่านั้น หลังจากใบไม้เหล่านั้นร่วงหล่นลงพื้นแล้วมันก็กลายเป็นแอ่งเลือด!
หลังจากนั้นไม่นานบนพื้นบริเวณนั้นก็เต็มไปด้วยเลือดท่วม!
อีกทั้งมันจะแพร่กระจายไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว!
ไม่ว่าจะพัดไปที่ใด ทุกอย่างล้วนถูกกัดกร่อนอย่างไร้เสียง!
ภาพฉากนองเลือดที่แปลกประหลาด ทำให้ทุกคนมองมันด้วยความตกใจ!
ทุกคนรีบลุกขึ้นยืนแล้วถอยไปด้านหลังอย่างต่อเนื่อง!
“อยู่ที่แห่งนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว!”
“รีบไปๆ!”
ความวุ่นวายเกิดขึ้นท่ามกลางกลุ่มคน!
ในความวุ่นวายยังมีคนตะโกนขึ้นมาว่า
“หลิวเยว่!? หลิวเยว่เจ้าอยู่ที่ไหน!?”
นั่นคือเสียงมู่หงอวี่และเย่หรานหร่านที่กำลังตามหาฉู่หลิวเยว่
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มของทหารม้าทมิฬอีกหลายคนที่กำลังตามหาฉู่หลิวเยว่ด้วยเช่นกัน
“คุณหนูฉู่!?”
“คุณหนูฉู่…พวกเจ้าไปหาทางนั้น พวกเราไปหาทางนี้!”
“ได้!”
คนในฝูงชนเกือบครึ่งกำลังตามหาฉู่หลิวเยว่อยู่!
ซั่งกวนหว่านรู้สึกตกใจกับภาพเหตุการณ์นี้อย่างมาก
นี่ นี่มันเกิดอันใดขึ้นหรือ?
ตอนที่นางไม่อยู่ มันเกิดอันใดขึ้นกันแน่?
ในขณะที่นางกำลังจะเอ่ยปากถาม ทันใดนั้นที่ข้างหูของนางก็มีเสียงแตกดังขึ้น
นางก้มหน้าลงไปมอง และเห็นว่าที่เกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงมีรูร้าวปรากฏขึ้น!
ซั่งกวนหว่านเบิกตากว้างอย่างตกใจ
หลังจากนั้นรอยร้าวก็แตกระแหงไปอย่างรวดเร็ว
ปัง!
เกราะศักดิ์สิทธิ์ทองแดงสลายไปแล้ว! สลายไปเป็นฝุ่นแล้ว!
…
ในขณะเดียวกัน ฉู่หลิวเยว่กำลังตกลงไปในหุบเหวลึกอย่างต่อเนื่อง
รอบข้างมีแสงมากมายดูแล้วแปลกประหลาด แววตาของนางสับสนอย่างมาก มองอันใดไม่ออกเลยสักอย่างเดียว
ในความพร่ามัว มีอันใดบางอย่างกำลังตามนางมา
นั่นคือถวนจื่อ!
มันบินเข้ามาที่ใต้ร่างของฉู่หลิวเยว่ จากนั้นก็ประคองร่างของนางขึ้น
ปีกของถวนจื่อกระพือขึ้น มันต้องการจะพาฉู่หลิวเยว่ให้ออกไปจากที่นี่
แต่เหมือนว่าด้านล่างมีแรงดึงดูดอันใดบางอย่างอยู่ ทำให้ลากพวกนางลงมาที่ด้านล่าง!
พลังที่บ้าคลั่งกระจายออกไปทั่วทุกที่!
ยิ่งลึกมากเท่าไร ยิ่งน่ากลัวมากเท่านั้น!
ทันใดนั้นเองร่างของฉู่หลิวเยว่ก็มีรอยแผลแตกระแหงออกมาเป็นจำนวนนับไม่ถ้วน!
แต่อย่างใดก็ตามในตอนนี้บนร่างของนางก็มีประกายแสงสีทองจางๆ ปกคลุมทั่วตัวของนางทันที!